รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการตรวจสอบ ที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติแต่งตั้งขึ้น กรณีนายวิม รุ่งวัฒนะกุล รองโฆษกพรรคเพื่อไทยระบุว่า จ่ายเงินให้กับบรรณาธิการข่าว และหัวหน้าข่าวสำนักข่าวเนชั่น หนังสือพิมเดลินิวส์ ไทยรัฐ มติชน และข่าวสด เป็นค่าจ้างเสนอข่าวเชียร์ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ตอนหนึ่ง มีน้ำเสียงตำหนิ เว็บไซต์ แมเนเจอร์ออนไลน์ ซึ่งเผยแพร่อีเมล์ของนายวิม โดยไม่ได้ตัดทอนว่า ทีมงานแมเนเจอร์ออนไลน์ แทบไม่ได้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของอีเมล์ดังกล่าวเลย
คณะอนุกรรมการชุดนี้ ซึ่งมีนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน์เป็นประธาน ใช้เวลาหนึ่งเดือนครึ่ง ตรวจสอบแล้ว มีข้อสรุปว่าอีเมล์นี้เป็นของจริงและเชื่อได้ว่านายวิมน่าจะเป็นผู้เขียนข้อความในอีเมล์ดังกล่าว
ระหว่างทีมงานเว็บไซต์แมเนเจอร์ออนไลน์ กับคณะอนุกรรมการจึงเห็นตรงกันว่าอีเมล์ดังกล่าวเป็นของจริง แต่ถ้าแมเนเจอร์ออนไลน์เป็นพวกปากคาบคัมภีร์สื่อสารมวลชนตรวจสอบความน่าเชื่อถือของอีเมล์ดังกล่าวเสียก่อน ประชาชนก็จะไม่มีทางได้รู้เลยว่า นายวิมจ่ายเงินให้ใครบ้าง หนังสือพิมพ์ฉบับไหนบ้าง เพราะไม่รู้จะไปตรวจสอบกับใคร คณะอนุกรรมการเองก็อนุมานจากเหตุผลต่างๆ หลายๆ ประการว่า อีเมล์นี้น่าจะเป็นของจริง ทั้งๆ ที่นายวิมไม่ได้มาให้ข้อมูลเลย มิใช่หรือ
ที่ถูกต้อง คณะอนุกรรมการควรจะยกย่องชมเชยแมเนเจอร์ออนไลน์ที่ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนอย่างกล้าหาญ โดยไม่หวั่นเกรงว่าจะถูกฟ้องร้อง เหมือนที่หนึ่งในคณะอนุกรรมการชุดนี้ขู่เว็บมาสเตอร์ของแมเนเจอร์ออนไลน์ ในวันที่ไปให้ปากคำ
ความจริงก่อนจะเผยแพร่อีเมล์ของนายวิม ทีมงานแมเนเจอร์ออนไลน์ ได้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของอีเมล์นี้ รวมทั้งข้อความในอีเมล์ดังกล่าวด้วย แต่ไม่ใช่ไปถามนายวิมว่า อีเมล์นี้เป็นของจริงหรือไม่ เพราะรู้อยู่แล้วว่านายวิมไม่มีทางยอมรับ การตรวจสอบเบื้องต้นด้วยการพิจารณารูปแบบภาษาถ้อยคำ ข้อความในอีเมล์ที่นายวิมรายงานกับนายพงษ์ศักดิ์มีความสมเหตุสมผลหรือไม่ ก็เพียงพอที่จะประเมินความน่าเชื่อถือของอีเมล์นี้ได้แล้ว
เรื่องการจ่ายเงินดูแลบรรณาธิการ หัวหน้าข่าวรายละ 20,000 บาท ที่นายวิมเขียนในอีเมล์นั้น คนทำสื่อไม่มีใครไม่เชื่อ เพราะเป็นเรื่องกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง จรรยาบรรณนั้นเป็นเพียงคำพูดสวยหรูที่พวกเราใช้พูดกันกันเวลามีการประชุมสัมมนา และเอาไว้หลอกประชาชนทั่วไป
มีเรื่องเดียวที่ทีมงานแมเนเจอร์ออนไลน์ไม่ค่อยเชื่อเกี่ยวกับอีเมล์นี้คือ “ส่วย” ที่นายวิมอ้างว่าจ่ายให้บรรณาธิการหัวหน้าข่าวรายละ 20,000 บาทนั้นน้อยเกินไป ซึ่งทำให้สงสัยว่ามีการ “อม” ส่วยไว้บางส่วนหรือเปล่า จนเป็นที่มาของการปล่อยให้อีเมล์นี้รั่วออกมา
รายงานการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการสรุปได้ว่า ในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยน่าจะมีการ “บริหารจัดการสื่อมวลชน” (ภาษาชาวบ้านคือจ่ายส่วย แจกซองขาวให้นักข่าว)ทั้งในระดับองค์กรและระดับบุคคลอย่างเป็นระบบ และหนังสือพิมพ์บางฉบับที่ถูกพาดพิงถึง (ไทยรัฐ ข่าวสด มติชน) มีการเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์แก่พรรคเพื่อไทยอย่างเป็นระบบ แต่ไม่รู้ว่ามีใครในหนังสือพิมพ์เหล่านี้รับเงิน 20,000 บาทจากนายวิมหรือเปล่า เพราะไม่มีหลักฐาน แต่ก็เชื่อว่าผู้ที่ถูกพาดพิงส่วนใหญ่น่าจะไมได้มีพฤติกรรมการรับสินบน แม้จะมีข้อสงสัยต่อท่าทีของผู้ถูกพาดพิงบางราย
คนที่ได้อ่านรายงานฉบับนี้ คงจะงงๆ ว่า ตกลงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่ คณะอนุกรรมการ ทั้งเชื่อทั้งสงสัย ทำไมจึงไม่กล้าระบุว่า สงสัยใคร หรือเป็นเพราะว่า ประธานสภาการหนังสือพิมพ์ก็เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาด้วย
ข้อดีของรายงานฉบับนี้คือ เป็นการยอมรับของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติอย่างเป็นทางการว่าพรรคเพื่อไทยมีการจ่ายสินบนแลกกับการลงข่าวให้กับหนังสือพิมพ์หลักๆจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่คนทำหนังสือพิมพ์รู้กันมานานแล้ว และถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ด้วยข้ออ้างที่ชอบยกขึ้นมาแก้ตัวว่าหนังสือพิมพ์ก็เป็นธุรกิจ แต่มักจะหลอกปรชาชนว่าหนังสือพิมพ์นั้นเป็นกระบอกเสียงของสังคม ทำหน้าที่อย่างมีจรรยาบรรณ
ส่วนข้อสรุปที่ว่า ไม่รู้ว่ามีใครรับส่วย เพราะไม่มีอำนาจไปตรวจสอบ และไม่มีหลักฐานนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับนักการเมืองคอร์รัปชัน ที่มักจะถามหาใบเสร็จจากผู้กล่าวหา และเป็นการสะท้อนความจริงว่า องค์กรสื่ออย่างสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาตินั้น เป็นเสือกระดาษ อย่างที่คนในวงการหนังสือพิมพ์เขาว่าจริงๆ เพราะไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะไปตรวจสอบ หรือลงโทษสมาชิกได้ ทำได้เพียงเป็นองค์กรรับเรื่องราวร้องทุกข์ ตั้งกรรมการตรวจสอบแล้วก็ออกแถลงการณ์เท่านั้น
อย่าหลอกสังคมอีกเลยว่าสื่อนั้นปกครองดูแลกันเองได้