คณะกรรมการเครือเนชั่น สอบสวน 2 นักข่าวมีเอี่ยวรับสินบนเพื่อไทย เผยข้อสรุปไม่มีมูลความจริง โดย “โจ้” ยันไม่เคยรับผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้นจาก “วิม” เนื่องจากเพิ่งรู้จักกัน ลั่นด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของคนทำงานสื่อมาเกือบ 20 ปี ไม่มีวันยอมขายจิตวิญญาณเป็นอันขาด ด้าน “ปรีชา” ปฏิเสธเช่นกัน ระบุไม่มีอำนาจประคองข่าว “ปู” ให้อยู่หน้า 1 ได้ โดยทั้งสองเตรียมฟ้องกลับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
วานนี้ (1 ก.ค.) ทางเว็บไซต์ คม-ชัด-ลึก ได้เผยแพร่บทความ “หมายเหตุ หน้า 1 เราพร้อมให้ตรวจสอบ” ในหัวข้อ “ผลสอบ 'โจ้-ปรีชา' ไม่มีมูลรับสินบน” โดยระบุว่าคณะกรรมการจาก บก.สื่อเครือเนชั่นลงความเห็น “โจ้-ปรีชา” ไม่มีมูลความผิด หลังถูกพาดพิงว่ารับเงิน 2 หมื่นจากพรรคเพื่อไทย
ตามที่มีข่าวปรากฏในเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ระบุว่ามีผู้ส่งข้อความในอีเมลส่วนตัว 2 ฉบับ ในหัวข้อ “จดหมายถึงท่านพงษ์ศักดิ์” และ “ข้อเสนอ วิม” ไปยังสื่อมวลชนฉบับต่างๆ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อว่า “วิม” (wim Rungwattanajinda) อีเมล wim108@live.com ส่วนผู้รับชื่อพงษ์ศักดิ์ ใช้อีเมล rukta_ladawan@yahoo.com และ rukta.pong@yahoo.com เนื้อหาระบุถึงการเสนอค่าตอบแทนให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ให้เป็นข่าวเด่นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ อีเมลดังกล่าวได้ระบุถึงการดูแลสื่อ โดยกล่าวถึงหนังสือพิมพ์หัวสีฉบับต่างๆ รวมทั้งหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก พร้อมทั้งข้อความที่ทำให้เข้าใจว่ามีการจ่ายเงินให้แก่ “โจ้-ปรีชา” นักข่าว 2 คนของหนังสือพิมพ์ “คมชัดลึก” จำนวน 2 หมื่นบาทด้วยนั้น ทางบรรณาธิการอาวุโสเครือเนชั่น ได้สอบสวนบุคคลทั้งสองที่ถูกพาดพิงซึ่งบุคคลทั้งสองได้ชี้แจงว่า ความสัมพันธ์กับนายวิม และนายพงษ์ศักดิ์ เป็นไปตามความสัมพันธ์ระหว่างผู้สื่อข่าวกับแหล่งข่าวอย่างเคร่งครัด โดยไม่ได้มีผลประโยชน์โดยตรงหรือแอบแฝง และไม่เคยพยายามผลักดันข่าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้อยู่หน้า 1 หรือหน้าใดๆ ของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะกรรมการตัวแทนของกองบรรณาธิการในเครือเนชั่น ประกอบด้วย เนชั่นทีวี คมชัดลึก กรุงเทพธุรกิจ เดอะเนชั่น บรรณาธิการฝ่ายภาพ สำนักข่าวเนชั่น และฝ่ายข่าวอาชญากรรม เพื่อทำหน้าที่ซักถามนักข่าวทั้ง 2 คนที่ถูกพาดพิงอย่างละเอียด จนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ข้อกล่าวหารับเงิน 2 หมื่นบาทจากพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่มีมูลความจริง ซึ่งในขั้นตอนต่อจากนี้ หากทั้ง 2 คนจะดำเนินการตามกฎหมายก็ถือเป็นสิทธิ์ที่จะดำเนินการได้
อย่างไรก็ตาม กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ขอเรียกร้องให้สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้เร็ว โดยที่หนังสือพิมพ์คม ชัดลึก และผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
นางฐานิตะญาณ์ ธนพิศุทธิ์กุล หรือโจ้ บก.สำนักข่าวเนชั่น ชี้แจงว่า ได้เดินทางไปสัมภาษณ์นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ที่บ้านพักจริง โดยผ่านการประสานงานจากนักข่าวในเครือเนชั่น เนื่องจากไม่เคยรู้จักนายพงษ์ศักดิ์มาก่อน และในวันที่เดินทางไปสัมภาษณ์ก็ได้ไปพร้อมกับนักข่าวในเครือเนชั่นอีก 2 คน โดยนายปรีชามิได้เดินทางไปด้วยแต่อย่างใด
กรณีที่นายวิมได้อ้างในอีเมลถึงเรื่องการดูแลสื่อโดยดูแลไปแล้วที่ละ 2 หมื่นบาท ขอยืนยันว่าไม่เคยรับการดูแล หรือรับผลประโยชน์ในรูปแบบใดๆ จากนายวิมทั้งสิ้น เนื่องจากเพิ่งรู้จัก และพบนายวิมเป็นครั้งแรกเมื่อครั้งที่นายวิมพาคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเข้าเยี่ยมกอง บก.เครือเนชั่นในช่วงก่อนการยุบสภา หลังจากนั้นได้มีการติดต่อประสานงานกับนายวิมทางโทรศัพท์เกี่ยวกับการนัดหมายให้ทีมงานของพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมการเสวนาโต๊ะกลมในประเด็นต่างๆ ของเครือเนชั่น รวมทั้งประสานขอให้สื่อในเครือได้สัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องผลประโยชน์ใดๆ การนำชื่อไปอ้างจึงเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นความจริง และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
ส่วนความรับผิดชอบในฐานะ บก.สำนักข่าวเนชั่นนั้น นางฐานิตะญาณ์ชี้แจงว่า สำนักข่าวเนชั่นไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับการนำเสนอ หรือไม่นำเสนอข่าว หรือภาพของสื่อในเครือทั้งสิ้น การตัดสินใจประเด็นข่าวต่างๆ เป็นสิทธิอันชอบธรรมของแต่ละกองบรรณาธิการ โดยที่มิอาจชี้นำได้
“ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของคนทำงานสื่อมาเกือบ 20 ปี ขอยืนยันว่าดิฉันไม่มีวันยอมขายจิตวิญญาณของคนข่าวเพียงเพื่อแลกกับผลประโยชน์อันได้มาโดยไม่ชอบเป็นอันขาด และจะดำเนินการฟ้องร้องกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป” นางฐานิตะญาณ์กล่าว
ด้าน นายปรีชา สอาดสอน เปิดเผยว่า ไม่เคยไปบ้านพักของนายพงษ์ศักดิ์ หรือแม้กระทั่งได้เคยพบหน้านายพงษ์ศักดิ์เลย เช่นเดียวกับเรื่องการรับผลประโยชน์ หรือแม้แต่ดูแลเลี้ยงข้าวหรือเลี้ยงเหล้าตามที่นามวิมกล่าวอ้าง เพราะตนไม่ใช่เป็นคนดื่มเหล้า-ไวน์ และที่สำคัญไม่เคยไปกินข้าวกับคนชื่อวิม นอกจากนี้งานรับผิดชอบ หน้าที่หลักก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำข่าวการเมือง แต่เป็นผู้รับผิดชอบข่าวด้านอาชญากรรม ในเครือเนชั่น และสิ่งสำคัญคือไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารงานใดๆ ในหนังสือพิมพ์คมชัดลึกอีกด้วย
ดังนั้น ข้อความที่ระบุด้วยว่า “ส่วนเรื่องดูแลสื่อในขณะนี้ ผมพยายามประคองกระแสให้ข่าวและรูปของคุณปูอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ให้ได้ทุกวัน” นั้นจึงไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะไปดำเนินการให้รูปคุณปูขึ้นหน้า 1 ในหนังสือพิมพ์ได้ตามที่นายวิมกล่าวอ้างเช่นเดียวกัน
“ผมยอมรับว่ารู้จักนายวิมมาก่อน โดยเป็นการรู้จักในฐานะที่นายวิมเคยเป็นนักข่าว และได้เคยร่วมเล่นกอล์ฟกันบ้างเป็นบางครั้ง นับรวมแล้วไม่เกิน 3 ครั้ง โดยครั้งหลังสุดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น การเล่นกอล์ฟแต่ละครั้งก็เป็นกอล์ฟการกุศล นายวิมไม่เคยจ่ายค่าใช้จ่ายใดๆ ให้ผม หรือแม้แต้เลี้ยงข้าวผมสักครั้งเดียว การกล่าวอ้างของนายวิมจึงเป็นการกล่าวเท็จ และให้ร้ายผมอย่างไม่มีมูลความจริง”
นายปรีชากล่าวด้วยว่า นายวิมได้เคยขอให้ตนประสานงานเพื่อให้สื่อในเครือเนชั่นสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ตนก็ไม่มีอำนาจใดๆ และไม่ได้รับปาก หน้าที่ของตนเพียงแค่นำข้อเสนอดังกล่าวเข้าที่ประชุมบรรณาธิการแต่ละสื่อเพื่อให้ตัดสินใจร่วมกัน การตัดสินใจใดๆ ของกองบรรณาธิการทุกกอง ไม่สามารถชี้นำได้ และด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ จึงขอยืนยันว่า การทำงานตลอด 20 ปีเศษที่ผ่านมา ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส และยินดีให้ตรวจสอบได้ทุกเมื่อ
“เพื่อเป็นการเรียกศักดิ์ศรีคืนมา ผมจึงจะดำเนินการฟ้องร้องกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป” นายปรีชา กล่าว