รมว.ต่างประเทศ สบโอกาสระหว่างมอบนโยบาย ขรก.ปัด รบ.ปูขอญี่ปุ่นอนุมัติวีซ่า “แม้ว” ยันไม่มีชื่ออยู่ในอินเตอร์โพลล์ตั้งแต่ต้นเฉไฉ โวยไม่ใช่ม้าใช้ “ทักษิณ” ฟุ้งเก้าอี้บัวแก้ว นายกฯ เป็นผู้เสนอเพราะเก่งเรื่องการค้า โบ้ยทูตยุ่นขอเข้าพบเปล่าเรียกคุย ย้อนถาม “รบ.มาร์ค” ทำไมไม่ไล่จับ นช.แม้ว ก่อนหน้านี้ ส่วนการช่วยเหลือ “วีระ-ราตรี” รอถกเขมรก่อน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุรพษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (17 ส.ค.) นายสุรพษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเปิดใจภายหลังมอบนโยบายการทำงานต่อข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศว่า ด้วยความสำนึกต่อพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ได้ดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเกียรติที่ได้ทำงานในกระทรวงต่างประเทศในฐานะรัฐมนตรี คนที่ 46 และยินดีที่ได้ทำงานที่มีความสำคัญต่อประเทศในยุคโลกาภิวัฒน์ที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งนโยบายของกระทรวงต้องให้ทันต่อเหตุการณ์
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนการบรรยายสรุปจากปลัดกระทรวงและอธิบดีกรมต่างๆ ในเรื่องแผนงานเร่งด่วนสำคัญ อาทิ ไทย-กัมพูชา การทำงานเชิงรุกเศรษฐกิจ ส่งเสริมการคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ และการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบาย ตนจึงมอบนโยบายด้านหลักการเบื้องต้นที่สำคัญให้ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ อาทิ การดำเนินงานนโยบายต่างประเทศอย่างเป็นมิตร เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะการเสริมสร้างความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้านไทย-กัมพูชา โดยหลักสันติวิธี และยึดประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศ
นายสุรพงษ์กล่าวว่า การก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในการร่วมมือภาครัฐ โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว แสวงหาแนวคิดใหม่ เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย การส่งเสรมคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งการเมืองสามารถส่งผลกระทบต่อบุคคลและไม่ใช่เรื่องประชาชนอย่างเดียว แต่เข้าถึงทุกระดับ ส่วนการสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศ โดยให้ทุกฝ่ายยอมรับไทยในเวทีต่างประเทศ ส่งเสริมการค้า และการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นแนวทางกว้าง หลังจากที่แถลงนโยบายเสร็จ จะนำมาอยู่ในแผนการบริหารของกระทรวง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการเรื่อง MOU 44 อย่างไร นายสุรพงษ์กล่าวว่า กรณีไทย-กัมพูชา จะมีการประชุม 2 เรื่อง โดยมีเรื่องมรดกโลกด้วย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนสรุปเรื่องให้รอบคอบและเสนอต่อ ครม. โดยหลังจากแถลงนโยบายสิ้นสุดลงจะดำเนินการเรื่องนี้เป็นวาระแรก ซึ่งในวันที่ 18 ส.ค. ทางกระทรวงการต่างประเทศจะนำมาเสนอตน อย่างไรก็ตาม ต้องขอดูรายละเอียดก่อนแต่มั่นใจว่าจะทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศมีแนวทางอย่างไรในการดำเนินการต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากในวันที่ 19 -21 ส.ค. พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปกัมพูชา นายสุรพงษ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องการเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณที่จะไปกัมพูชา มีแต่ได้ยินจากเพื่อนส.ส.พูดกัน ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ
นายสุรพงษ์กล่าวถึงกรณีที่ญี่ปุ่นระบุว่ารัฐบาลไทยเป็นคนร้องขอให้ออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า การที่ญี่ปุ่นอนุมติวีซ่าให้ทักษิณ ข้อเท็จจริงตนได้แถลงไปแล้ว ทั้งนี้ ทูตญี่ปุ่นสนิทกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และอยากทำความรู้จักตน และในวันที่พบกันตนยังไม่ได้เข้ามาทำงานในกระทรวง จึงไปพบกันที่พรรคเพื่อไทย พูดคุยตามปกติเพื่อสร้างความคุ้นเคย และในตอนท้ายก่อนจบทูตญี่ปุ่นได้สอบถามถึงนโยบายว่ารัฐบาลชุดนี้ว่า จะมีนโยบายเหมือนรัฐบาลชุดที่แล้วหรือไม่ ซึ่งเรายืนยันไม่มีนโยบายเช่นนั้นเพราะเป็นรัฐบาลใหม่ และท่านก็เล่าให้ฟังว่า พ.ต.ท.ทักษิณร้องขอวีซ่า แต่จากประเทศใดนั้นไม่ได้มีการบอก เพราะทางเอกชนขอให้เข้าญี่ปุ่น จึงต้องพิจารณาว่าที่จะให้หรือไม่ให้
“ส่วนที่ร้องขอนั้นไม่ได้เป็นการร้องขอเพราะทักษิณขอจากที่ไหนไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทูตญี่ปุ่นแจ้งให้ทราบนั้นการเดินทางไปของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นต้องการจะไปดูเรื่องสึนามิ ทั้งนี้ การขอวีซ่าเข้าประเทศใดนั้น เป็นสิ่งที่ตนไม่มีความสามารถไปให้ประเทศนั้นๆออกวีซ่าได้ ส่วนเรื่องพาสปอร์ตแดงยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ และไม่ต้องห่วง ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย และรัฐบาลก็ไม่มีนโยบายในเรื่องดังกล่าว” นายสุรพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องในการคัดเลือกท่านเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ และด้วยสาเหตุอะไรจึงถูกคัดเลือกขึ้นมา นายสุรพงษ์กล่าวว่า เป็นการคัดเลือกกันของนายกรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งตนเคยทำการค้า และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้นเน้นนโยบายด้านการค้า ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของกระทรวงการต่างประเทศ โดยเราจะมุ่งเน้นการค้า ยอมรับว่างานที่ได้รับมอบหมายมานั้นหนัก แต่ตนไม่หนักใจ รวมทั้งตนเป็นรัฐมนตรีที่แย่ที่สุดในประเทศไทย ก็คงไม่มีอะไรแย่กว่านี้แล้ว แต่ตนจะทำให้ดีที่สุดเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
เมื่อถามว่าจะมีการประสานงานไปยังญี่ปุ่นเพื่อออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ตนคงไปสั่งทางญี่ปุ่นไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้ทำได้ รัฐบาลชุดที่แล้วก็คงทำสำเร็จแล้ว รวมทั้งก็คงให้สถานทูตรายงานที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปแล้ว ซึ่งตนก็ไม่รู้ขั้นตอนในการดำเนินการทางกฎหมายว่าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีกี่หน่วยงาน อย่างไรก็ตาม หากดำเนินงานได้ง่ายนายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคงทำได้แล้ว
เมื่อถามว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้รับโทษ กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการอย่างไร นายสุรพงษ์กล่าวว่า ตนยึดกฎหมายเป็นหลัก จะดำเนินการอย่างไรนั้นต้องเอาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ โดยสิ่งที่ตนไม่สบายใจคือมีข่าวว่ามีการเอาชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณออกจากลิสต์ของอินเตอร์โพล และเมื่อตนสอบถามไปก็รับคำตอบว่าไม่เคยมีชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณเลย เมื่อถามต่อว่า ทางอัยการสูงสุดระบุว่าให้กระทรวงการต่างประเทศรายงานที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสุรพงษ์กล่าวว่า หากอย่างนั้นให้อัยการสูงสุดทำหนังสือมาสอบถามเพราะตนไม่สามารถไปทำอะไรเกินกว่าหน่วยงานที่เขาติดตามอยู่ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำเพื่อน พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาปากท้องนั้น ทันทีที่รัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จก็ดำเนินการทันที
นายสุรพงษ์ยังกล่าวถึงเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศโดยยืนยันว่าจะเดินทางไปประเทศในอาเซียนก่อนแน่นอน แต่เป็นที่ใดยังไม่ทราบ ส่วนกรณีนายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกกุมขังอยู่ในประเทศกัมพูชา ตนยืนยันว่าจะช่วยเหลือทุกคนที่เป็นคนไทย และหากตนเดินทางไปกัมพูชาก็จะคุยกับทางรัฐบาลกัมพูชา