xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ยันเป็นทหารประชาธิปไตย ไม่มีปฏิวัติแม้เพื่อแม้วเป็นรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)
“ประยุทธ์” เผยเพื่อไทยเป็นรัฐบาลทหารจะปฏิวัติแค่ข่าวลือ ยันเป็นทหารประชาธิปไตย ทำหน้าที่ตัวเองไม่เข้าข้างใคร เตือนการเมืองหยุดดึงทหารไปยุ่งเกี่ยว บอกใครเป็นรัฐบาลก็บริหารได้ กองทัพไม่มีสิทธิต่อรอง เตือน 2 ฝ่ายอย่าเอาประเทศชาติมาต่อรอง แนะเร่งทำให้บ้านเมืองเดินหน้า เลิกแบ่งสี หยุดดึงสถาบัน ย้ำไทยเป็นสุภาพบุรุษไม่รุกรานเขมรก่อน อย่าตกใจไทยรบกัมพูชา ปล่อย “ฮุนเซน” พล่ามไป ตอบโต้ไม่เกิดประโยชน์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศเกาหลีใต้ ถึงกระแสข่าวการปฏิวัติหากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลว่า เป็นเพียงข่าวลือ ก็คือข่าวลือ ตนเรียนไปหลายๆ ครั้งแล้ว กองทัพบกมีงานหลายประการ เช่น การช่วยเหลือน้ำท่วมภาคเหนือ ส่วนที่มีการพยายามนำกองทัพไปโยงเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งนั้น เป็นความเข้าใจเก่าๆ เข้าใจผิดในเรื่องใดหรือไม่ และทำให้เกิดประโยชน์อะไรหรือไม่ เราทำหน้าที่ของเรา และพยายามที่จะนำพาประเทศชาติผ่านพ้นในช่วงเวลาที่สูญเสียโอกาสมานานพอสมควรไปให้ได้ ด้วยการดำเนินการทางประชาธิปไตยที่เราต้องการ ช่วงนี้เป็นช่วงสุดท้ายที่จะมีการเลือกตั้งไม่ต้องฝากอะไร ทุกคนมุ่งหวังนำพาประเทศผ่านพ้นไปด้วยดี อย่านำพาทหารเข้าไปเกี่ยวข้องในช่วงนี้เพราะเป็นช่วงการเลือกตั้ง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงการคัดสรรฝ่ายบริหารขึ้นมาดำเนินการเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาลทหารจะปฏิวัติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทหารอยู่ในส่วนของทหาร ทหารจะทำหน้าที่ของทหารใครจะเป็นรัฐบาลก็เป็นไป ส่วนที่หลายคนเป็นห่วงว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะเข้ามาแตะต้องกองทัพนั้น ถามว่าเขามีอำนาจหรือเปล่า ถ้ามีอำนาจก็ทำไป ตนไม่ได้มุ่งหวังจะต้องรักษาตัวเอง แต่สิ่งที่ตนทำมาทั้งหมดทำด้วยจิตใจ และทำด้วยความรักชาติ รักแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรตนก็ยอมรับทุกอย่างไม่มีปัญหา ประเด็นสำคัญคือกองทัพจะต้องอยู่ได้ ให้กองทัพเป็นสถาบันของประชาชน เหมือนสมัยโบราณที่ทหารเป็นผู้แก้ปัญหามาโดยตลอด แต่หลังๆ เราถูกนำเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตนในฐานะผู้นำกองทัพไม่ได้อยากนำกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับผู้นำกองทัพอื่นๆ แต่ประชาชนของเรายังรวมกันไม่ได้ และแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และอยากให้ทหารไปอยู่ด้วยข้างใดข้างหนึ่งซึ่งมันทำไม่ได้

“ทหารขอยืนหยัดตรงกลางไม่ใช่ความเป็นกลางทางการเมือง แต่เป็นกลางของทหารคือเดินไปในเส้นทางที่เป็นหน้าที่ เป็นความรับผิดชอบตามกฎหมาย และทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ส่วนกรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชา 4-5 คนที่เข้าไปเกี่ยวข้องทางการเมืองนั้น ยืนยันว่าถูกลงโทษตามกฎหมาย เพราะตนไม่ได้สั่งการลงไป ขณะนี้ตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ ขอให้เป็นเรื่องบุคคล”

ส่วนจุดยืนของกองทัพหากพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล และเสื้อแดงออกมาสร้างความวุ่นวายจะทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบในการสั่งการก็รับผิดชอบไป ขอให้เป็นเรื่องของวันข้างหน้า ขอให้ใจเย็นๆ ไม่น่ามีอะไร อยู่ที่พวกสื่อจะทำอย่างไรให้ประชาชนสบายใจ ว่าทหารอยู่ในส่วนของทหาร ฝ่ายการเมืองและฝ่ายบริหารก็ดำเนินการไป หากเกิดเรื่องราวขึ้นมาก็จะต้องมีคนรับผิดชอบ และสั่งการ ที่ผ่านมามีบทเรียนอยู่แล้ว ทหารเป็นองค์กรใหญ่การขับเคลื่อนไปไหนก็ตามก็มีปัญหามาโดยตลอด เพราะว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าปีไหนก็แล้วแต่เป็นสถานการณ์คนละแบบ และความกดดันเป็นกันคนละอย่าง แต่ขอเรียนว่าทหารทุกคนมุ่งมั่นทำให้บ้านเมืองปลอดภัย และทำให้สถาบันหลักอยู่อย่างมั่นคง ขอให้ประชาชนมีความรักความสามัคคี

ส่วนข่าวที่พรรคเพื่อไทยพยายามเข้ามาเจรจากับทางกองทัพทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ รมว.กลาโหม และ ผบ.ทบ.นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่จำเป็น พอถึงเวลาใครเป็นรัฐบาลก็สั่งทหารได้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับใครเป็นรัฐบาล ก็ตั้งฝ่ายบริหาร รมว.กลาโหม ขึ้นมาสั่งการตามสายการบังคับบัญชา เพราะทหารมีสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจนไม่ต้องกลัว ทั้งนี้ตนเคยพูดไปแล้วว่าประเทศชาติไม่ใช่เรื่องที่ 2 ฝ่าย ต้องมาต่อรอง และตนคิดว่ากองทัพไม่มีสิทธิ์จะต่อรองอะไร เพราะกองทัพเป็นหน่วยงานสถาบันที่จะต้องทำหน้าที่ตามกรอบกฎหมายที่กำหนด ที่ผ่านมาเราแก้ไขปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ก็มาพึ่งทหารให้ทหารช่วยแก้ปัญหาซึ่งไม่ถูกต้อง วันนี้จะต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยวิถีทางของประชาธิปไตย และยั่งยืนอย่ามาทำให้เกิดความวุ่นวาย และอย่าทำให้ทหารต้องเป็นจำเลยของสังคม ไม่อยากให้การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับกองทัพขอให้ทำงานของท่านไป ทำภารกิจของท่านไปให้ประสบความสำเร็จ ใครจะเลือกตั้งได้หรือไม่ก็แล้วแต่ ทหารขอเป็นทหารของชาติ และประชาชน

“วันนี้โลกก้าวไกล ครั้งที่ผมเคยไปเยี่ยมประเทศเกาหลีใต้ เมื่อก่อนเขากับประเทศไทยพอๆ กัน แต่ 30 ปี ผ่านไป เขาก้าวล้ำไป 50 ปี ผมไม่ได้ดูถูกคนไทย แต่เรายังรวมกันไม่ค่อยจะได้ เราน่าจะมองผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศชาติอยู่ที่ไหนอย่างไรเป็นหลักดีกว่า ถ้ายังทำอยู่แบบนี้ประเทศไทยก็ยังถอยหลังอยู่กับที่ต้องช่วยกัน ผมอยากให้มีการพัฒนา เพราะประเทศเขากับประเทศเรามีวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน แต่เขามีความสามัคคีมากกว่า ทำให้คนไม่แตกแยกกันตั้งแต่เด็กจนโต มีการฝึกความเข้มแข็ง และอดทน คิดว่า น่าจะใช้วันเวลาที่เราเหลืออยู่ก่อนเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้งทำให้บ้านเมืองปลอดภัยไม่ต้องมีสีอะไรได้แล้วเลิกกันเถอะ และมาว่ากันด้วยกฎกติกา กฎหมาย อย่าทำให้บ้านเมืองเสียหายผมขอร้องเท่านั้น และให้สถาบันอยู่เหนือความขัดแย้ง อย่านำท่านลงมา ไม่อยากให้ทุกคนไปแตะต้องท่านสถาบันเท่านั้น ผมขอเท่านี้ แต่ไม่เคยขอได้เลย มันเป็นความกดดันเพราะผมเป็นเจ้าหน้าที่ ตำรวจ กระทรวง ทบวง กรม ก็เป็นเจ้าหน้าที่เขาก็จะต้องดำเนินการ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระเมตตา รับสั่งไม่อยากให้ลงโทษ แต่ก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันให้สถาบันอยู่เหนือความขัดแย้ง ท่านจะต่อสู้ก็ต่อสู้ทางการเมืองไป และหันกลับมาดูแลเรื่องกฎหมาย ถ้าไม่ใช้กฎหมายท่านอยู่ไม่ได้แน่นอน หลังวันที่ 3 ก.ค.ก็อยู่ไม่ได้ ทหารก็จะถอยหลังออกมาดูว่าท่านจะต้องแก้ไขปัญหาของท่านให้ได้ ที่ผ่านมามักเรียกทหารไปช่วยตลอด แต่ก็ไม่เรียบร้อย ดังนั้นท่านจะต้องแก้ไขกันให้ดี เรายืนหยัดในเรื่องการเมืองคือเป็นทหารประชาธิปไตย”

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่าประเทศไทยเตรียมที่จะโจมตีในวันที่ 1 ก.ค.นี้ว่า ไม่มีอะไร อย่าไปลือกัน จำได้หรือไม่ว่าที่ตนเคยพูดว่าวิธีการแก้ไขปัญหาชายแดนมีอย่างเดียวคือการพูดคุยกันเจรจา หากอีกฝ่ายหนึ่งไม่อยากคุยก็วันหน้าอาจจะคุยได้ เรายืนหยัดอยู่อย่างเดียวตนไม่เคยบอกว่าตนอยากรบ อยากเอาชนะ อาจจะยึดดินแดนใคร ทูตต่างๆ ที่เข้าพบ ตนบอกว่าประเทศไทยใช้ความเป็นสุภาพบุรุษคือไม่ไปรุกราน หรืออยากได้ดินแดนของใคร เราเพียงแต่รักษาเส้นเขตแดนที่เรารักษาเอาไว้มาตั้งแต่อดีตกาลตามแผนที่อัตราส่วนที่เรายึดถือไว้ ใครจะพูดอะไรอย่าไปตกใจเราทำหน้าที่ของเรา เราไม่ใช่นักเลง ใครจะว่าเราเป็นนักเลงไม่ใช่

“ผมไปพูดกับประเทศเกาหลีใต้ว่าเราเป็นสุภาพบุรุษเสมอ ไม่เคยไปรุกรานใคร และพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง หรือเรื่องใดๆ ก็แล้วแต่ การตอบโต้ไปมาไม่เกิดประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย สิ่งที่เราควรทำคือหาช่องทางจะทำอย่างไรให้พูดคุยกันให้ได้ให้รู้เรื่อง และเตรียมกำลังให้เข้มแข็งเพื่อรักษาอธิปไตย โดยไมได้สั่งการว่าจะไปรุกรานใคร ไปตีใคร และทำร้ายใครเพราะไม่ได้เกิดประโยชน์ ที่ผ่านมาบาดเจ็บล้มตาย ใครได้ประโยชน์ตนยังไม่รู้เลย แต่ที่ได้คือศักดิ์ศรีของเราเท่านั้นเอง”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่นายฮุนเซนระบุว่าไทยจะโจมตีกัมพูชานั้นเป็นเรื่องของท่าน ท่านก็พูดของท่านไป อยากจะพูดอะไรก็พูด ตนบังคับท่านได้หรือไม่ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี หากท่านจะดำเนินการนโยบายต่างประเทศของท่านแบบนี้ก็เป็นเรื่องของท่านเราไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์เป็นเรื่องของเขา เชื่อว่าสักวันจะต้องมีการคุยกัน ไม่คุยกันไม่ได้เพราะเป็นประเทศที่อยู่ติดกันไม่ต้องกลัว ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าประเทศกัมพูชาเตรียมป่วนประเทศไทยหากพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลนั้น เราพร้อมทุกอย่าง เราเป็นสุภาพบุรุษในการทำหน้าที่ทางทหารให้ดีที่สุดไม่ต้องกังวลทุกเรื่อง ถ้าทำไม่ดีแล้วค่อยมาช่วยกันทีหลังก็แล้วกัน ถ้าไม่พร้อมก็จะต้องมาช่วยกันเพื่อเสริมความเป็นปึกแผ่น และทำให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า ปกป้องสถบัน ดูแลประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น