xs
xsm
sm
md
lg

“สุวัจน์”เตือนเอย่าชนกันจนแหลกลาญ – เชื่อปชช.ตัดสินใจโค้งสุดท้ายชี้วัดแพ้ชนะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “สุวัจน์” แนะนักการเมืองเผื่อใจไว้บ้างอย่าชนกันแรงจนแหลกลาญเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า ระบุทุกคนอยากชนะแต่ประเทศชาติต้องชนะด้วย ต้องช่วยกันเสียสละรักษาคุณภาพการเลือกตั้งให้เรียบร้อย ออกมาดีเป็นที่ยอมรับทุกฝ่าย ย้ำเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญเป็นความหวังของคนในชาติต้องการให้เกิดความปรองดอง เชื่อการตัดสินใจในโค้งสุดท้ายของกลุ่มปชช.ที่ยังไม่เลือกใครเป็นดัชนีวัดผลการเลือกตั้ง และนโยบายยุติความแตกแยกเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจมากสุด

วันนี้ (22 มิ.ย.) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (ชพน.) เปิดเผยที่ จ.นครราชสีมาถึงสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ว่า สถานการณ์การเมืองไทยเริ่มมีความรุนแรง มีการปราศรัยโจมตีกัน หรือมีการแข่งขันกันอย่างหนักในรูปแบบต่างๆ หากเราไม่ยุติหรือสร้างพื้นฐานให้การเลือกตั้งให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งเราต้องรู้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกคนคาดหวังไม่เฉพาะคนไทย แต่คนต่างประเทศก็จับตาดูอยู่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะนำไปสู่ความเรียบร้อยหรือไม่

ฉะนั้น หากบรรยากาศก่อนเลือกตั้งเรียบร้อย หลังการเลือกตั้งก็จะเรียบร้อยเช่นกัน แต่ถ้าบรรยากาศเลือกตั้งรุนแรงและหลายฝ่ายไม่ยอมรับการเลือกตั้ง ก็จะทำให้บรรยากาศการเมืองหลังการเลือกตั้งไม่เป็นอย่างที่เราคิด ซึ่งเราก็รอกันมานาน ดังนั้นทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันในการที่จะประคอง และช่วยกันรักษา ทำให้คุณภาพการเลือกตั้งออกมาดีเรียบร้อย ให้ทุกฝ่ายยอมรับ

“ผมคิดว่าวันนี้นักการเมืองต้องเผื่อใจไว้บ้างอย่าไปชนกันแรง ๆ จนแหลกลาญไปหมด เพราะอย่างไรหลังการเลือกตั้งทุกคนก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำกัน ทั้งการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ต้องทำงานร่วมกันในการให้ประเทศเดินหน้า การชนกันมาก ๆ ไม่เหลือใจไว้เลย หลังการเลือกตั้งมันอาจทำให้ความร่วมมือทางการเมือง หรือการเผชิญหน้าทางการเมืองยังสูงอยู่ และมันก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า นโยบายต่างๆ ที่นักการเมืองได้หาเสียงไว้โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ ตอนนี้ประชาชนรับทราบกันหมดแล้ว ต่อจากนี้เหลือแค่การปฏิบัติ ขณะเดียวกันนโยบายเรื่องการยุติความแตกแยก นโยบายที่เกี่ยวกับการสร้างความสมานฉันท์ หรือการสร้างความปรองดองอยากเห็นทุกพรรคการเมืองนำเสนอและร่วมกันรับผิดชอบ จับมือกันในการยุติความแตกแยกทางสังคมด้วยพลังจากทุกพรรคการเมือง ไม่ใช่แค่จับมือกันตั้งรัฐบาลเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เป็นที่แน่นอนว่า หลังการเลือกตั้งจะต้องมีการจับมือกันตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่การจับมือกันทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองในการสร้างความปรองดองกันเป็นสิ่งที่เหนือกว่า ขอให้เรายึดการแข่งขันทางการเมืองให้เป็นกีฬามีแพ้มีชนะ เมื่อเกมจบแล้วทุกคนก็มาทำงานเพื่อประเทศชาติและบ้านเมืองของเรา

ต่อข้อถามว่าคาดหวังอย่างไรกับที่นั่ง ส.ส. ที่ จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ จ.นครราชสีมา จะออกมาอย่างไรนั้น เป็นการตัดสินใจของประชาชน แต่สิ่งที่อยากจะเห็นคืออยากเห็นความเรียบร้อย อยากเห็นการเคารพในกฎหมายเลือกตั้ง ระมัดระวังการซื้อเสียง หรือความเป็นกลางของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ทุกคนเคารพการทำงานซึ่งกันและกัน

นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า ทุกคนมีความหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้มาก ว่าจะนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ดีกว่า หรือทำให้ความขัดแย้งลดน้อยลงไป ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่ต้องตระหนัก ถึงสิ่งนี้ ต้องเข้าใจและถอยกันออกมาบ้าง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันทุกคนไม่มีใครอยากสอบตก อยากชนะกันทั้งนั้น แต่ต้องคิดว่าเราชนะบ้านเมืองก็ต้องชนะด้วย ฉะนั้นทุกคนได้ยึดถือแนวนี้ช่วยกันเสียสละ มันเป็นโอกาสดี ๆ ของบ้านเมืองที่มีการเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้น แต่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันนำความสงบ สุข สันติกลับมาสู่ประเทศไทยก่อนที่จะไปมองผลแพ้ชนะของการเลือกตั้ง

“ผมอยากจะให้นักการเมืองได้ช่วยกันออกมาพูดในเรื่องนโยบายที่จะยุติความแตกแยกของแต่ละพรรค จะเรียกว่า นโยบายสมานฉันท์ ปรองดอง หรือหยุดขั้ว สลายสี ก็แล้วแต่ แต่ขอให้ทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง และให้ความร่วมมือกันในการปฏิบัติเช่นนั้น แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันชัดเจนว่า ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะหลังการเลือกตั้งเสร็จแล้วทุกคนก็ทำให้หน้าที่ของตัวเองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล และช่วยกันนึกถึงสิ่งที่เคยพูดกับประชาชนไว้ โดยเฉพาะนโยบายที่จะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชน” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องของกองทัพ นั้น ทางทหารก็พูดชัดเจนว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ฉะนั้นไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องกังวล เราเชื่อมั่นกองทัพ วันนี้เป็นเรื่องของประชาชนว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งผลโพลล์จากหลายสำนักระบุว่าประชาชนจำนวนมากยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใด ดังนั้นจะเห็นได้ว่าประชาชนเอาจริงเอาจังมากกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งคงจะคิดอยู่ว่าจะเลือกใครที่จะนำความสงบสุขมาสู่ประเทศ ทุกคนอยากจะเห็นความเรียบร้อย

“ดังนั้นการตัดสินใจช่วงโค้งสุดท้ายของกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครที่มีอยู่ 30- 40% นั้นจะเป็นดัชนีชี้วัดผลการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าใครจะชนะ และ เชื่อว่านโยบายที่จะนำไปสู่การยุติความแตกแยกเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของประชาชนมากที่สุดที่จะใช้ประกอบการตัดสินใจ” นายสุวัจน์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น