“สมชัย” เชื่อเลือกตั้งยังไม่รุนแรง รับมือได้ เตรียมประเมินพื้นที่ใดที่จะต้องส่ง กกต.กลางลงพื้นที่เป็นพิเศษ ลั่นใครทุจริตเจอใบแดงก่อนเลือกตั้ง ยัน กกต.ไม่ได้ดึงสำนวน ที่ผ่านมาช้าเพราะคนนอกทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน ปลุกเจ้าหน้าที่ กกต.ทำงานเพื่อบ้านเมือง
นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวนสอบสวน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งกว่าร้อยรายขอเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลรักษาความปลอดภัยสะท้อนให้เห็นว่าการเลือกตั้งมีความรุนแรงว่า ในช่วงนี้ต้องถือว่าการแข่งขันยังเป็นไปตามกฎ กติกายังไม่ถึงขั้นรุนแรง การขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้นเพราะทุกคนก็ต้องระมัดระวังตัวการป้องกันไว้ก่อนดีกว่าเกิดเหตุแล้วแก้ไขปัญหาภายหลัง ซึ่งเป็นความรอบคอบของผู้สมัครรับเลือกตั้งและความรอบคอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่ในการรักษาความสงบของบ้านเมือง
ทั้งนี้ ในส่วนของเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายนั้น ตามหลักแล้วถึงแม้จะไม่มีการเลือกตั้งก็มีการทำร้ายร่างกายกันเป็นปกติอยู่แล้ว ตนคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ที่ยังเกิดเหตุบ้างอยู่ในระดับที่สามารถรับมือได้ และยังไม่ถึงขั้นรุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวว่ามีการจับหัวคะแนนซื้อเสียงมีหลักฐานชัดเจนหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนได้รับแจ้งเบาะแสในจำนวนค่อนข้างมาก ส่วนเรื่องร้องเรียน ร้องคัดค้านนั้นก็ยังมีไม่กี่เรื่อง ในส่วนที่มีการนำเสนอข่าวว่ามีการจับการซื้อสิทธิขายเสียงของพรรคการเมืองนั้น ยังไม่ส่งเรื่องเข้ามายัง กกต.กลาง ซึ่งกกต.จะมีศูนย์ปฏิบัติการข่าวในพื้นที่แล้วระดับหนึ่ง เมื่อเรื่องมาถึง กกต.กลางก็จะมีศูนย์ปฏิบัติการข่าวของศูนย์อำนวยการสืบสวนสอบสวนการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 54 ที่มีหน้าที่วิเคราะห์ข้อเท็จจริง ตรงไหนมีความชัดเจนก็จะดำเนินการสืบสวนสอบสวน โดยมีคณะบุคคลช่วยกันวิเคราะห์อย่างละเอียด
ทั้งนี้ กกต.ก็จะระมัดระวังเรื่องการกลั่นแกล้งกันมากขึ้น หากหลักฐานชัดเจนก็จะเร่งทำสำนวนโดยเร็วและถูกต้องเพื่อสอยผู้ที่กระผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้ง โดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) ได้จับตา 10 จังหวัดที่จะมีความรุนแรงนั้น เป็นข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อมูลของ กกต.หรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า ในส่วนของตำรวจนั้นเน้นเรื่องอาชญากรรม ข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย เป็นหลัก แต่ในส่วนของ กกต.จะมุ่งเน้นเรื่องการหาเสียงว่า ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ โดยกำลังประเมินว่า มีจังหวัดใดบ้างที่จะส่งเจ้าหน้าที่ กกต.กลางลงพื้นที่ร่วมกับ กกต.จังหวัดเป็นพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัยได้เป็นประธานเปิดโครงการประชุมชี้แจงเรื่องระเบียบ ประกาศ แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนในการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไปให้แก่เจ้าหน้าที่ด้านสืบสวนของ กกต.ทั่วประเทศจำนวนกว่า 300 คน โดยนายสมชัย กล่าวตอนหนึ่งว่า กฎหมายเลือกตั้งไม่เหมือนกฎหมายอาญา การทำสำนวนนั้นแตกต่างกัน ที่ผ่านมา กกต.จะมีเจ้าหน้าตำรวจสันติบาลเข้ามาทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน จนสามารถขยายผลจากหนึ่งเป็นสอง และจากสองเป็นสามสำนวนได้ เมื่อวินิจฉัยเรียบร้อยแล้วเขาก็กลับไป แต่พนักงานสอบสวนกลางต้องทำหน้าที่ต่อ จึงทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องในการทำงาน
นายสมชัยกล่าวว่า กกต.ได้จัดทำคู่มือสืบสวนสวนทำให้ขณะนี้ด้านสืบสวนสอบสวนจากเดิมที่อยู่หลังเขาก็ได้ขึ้นมาอยู่บนเขา แต่ขอให้ระวังอย่าให้ตกเขาตายเอง ทุกครั้งหลายฝ่ายก็มองว่า กกต.พยายามดึงสำนวน แต่ความจริงแล้ว กกต.ไม่ได้ดึงเพราะที่ผ่านมาคนสืบสวนสอบสวนเป็นบุคคลภายนอก ทำให้ กกต.ไม่สามารถเร่งสำนวนได้ และคนที่ถูกกด่าคือ กกต. ดังนั้นเราต้องแก้ไขว่า ทำไมเราไม่ทำสำนวนเอง เมื่อก่อนนี้อำนาจสืบสวนสอบสวนให้ใบเหลือง ใบแดง เป็นหน้าที่ของกกต.ทั้งหมด แต่รัฐธรรมนูญปี 50 ก็ได้ตัดอำนาจของ กกต.ไปครึ่งหนึ่ง ทำให้คนมอง กกต. เป็นเสือกระดาษ ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ กกต.ได้ใช้อำนาจที่มีก่อนประกาศผลการผลการเลือกตั้งให้มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะจะช่วยทำให้สามารถกลั่นกรองผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกที่ได้รับเลือกตั้งไปทำหน้าที่ในสภาที่เป็นการชี้อนาคตของบ้านเมือง
“สงครามการเมืองบ้านเรา การเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม ที่การซื้อสิทธิขายเสียง ต่างชาติก็จะเห็น บ้านเมืองเราก็วุ่นวาย หากมีการเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมก็ยากที่จะมีผู้หนึ่งผู้ใดปฏิเสธว่า การเลือกตั้งเราใช้ไม่ได้ และยากที่มีใครกล่าวอ้างเพื่อทำร้ายระบบประชาธิปไตย จึงขอให้พวกเราเสียสละทำงานเพื่อบ้านเมืองให้ระบบประชาธิปไตยเดินไปได้ และเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง แม้อาจจะรักใครชอบใครก็ได้แต่การทำหน้าที่ก็ขอให้เป็นกลางให้ทุกฝ่ายยอมรับ หากทำได้ชื่อเสียงของ กกต.จะกลับคืนมา”
