นายกฯ กล่อม “สุวิทย์” อยู่หมัด ตั้ง ฉก.ถกมรดกโลก แลกเกาเหลาบัวแก้ว

“อภิสิทธิ์” ยื่นหัวโขน “สุวิทย์” เป็นหัวหน้าทีมเฉพาะกิจ นำทัพเจรจาคณะกรรมการมรดกโลก ยอมรับเกิดปัญหาเกาเหลากับกระทรวงต่างประเทศจริง แต่จะปล่อยให้มีการบริหารจัดการพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยปักปันเขตแดนไม่แล้วเสร็จไม่ได้

วันนี้ (20 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรามชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจามรดกโลก กับกัมพูชา ที่ขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจา ว่า นายสุวิทย์ ยังคงทำหน้าที่ต่อ เพราะตอนแรกเข้าใจว่า นายสุวิทย์ ยังไม่แน่ใจว่า การจัดทีมที่ไปเจรจากับกัมพูชาในเดือน พ.ค.เป็นอย่างไร และมีความกังวลว่า แนวทางจะตรงกันหรือไม่ จึงได้มีการพูดคุยกัน โดยมี นายสุวิทย์ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเดินหน้าได้อย่างไรเมื่อนายสุวิทย์ อยากให้ปักปันเขตแดนให้เสร็จก่อน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตรงนี้เป็นแนวทางของเราอยู่แล้ว ทั้งนี้ การตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ เพราะเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง และไม่อยากทำให้เกิดความสับสน โดยมี นายสุวิทย์ เป็นหัวหน้าคณะกรรมการเฉพาะกิจ และมีกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมด้วย

เมื่อถามว่า แน่ใจได้อย่างว่า นายสุวิทย์ จะไม่เปลี่ยนใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้อยู่ในที่ประชุมคณะกรรมการ แต่มีเพียงความเห็นที่แตกต่างกันบ้าง และเท่าที่คุยกันในวันนี้ (20 เม.ย.) เรื่องนโยบายก็ไม่มีปัญหาอะไรราบรื่นดี ส่วนเหตุผลที่แท้จริงที่นายสุวิทย์ลาออกนั้น ต้องไปถามท่าน เพราะท่านได้พูดกับตน ว่า ท่านไม่ได้พูดอะไรเลย เมื่อถามย้ำว่า หลังจากนี้ นายสุวิทย์ จะถอดใจอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะตนบอกกับท่านว่า ทุกคนที่ทำงานมีปัญหา อุปสรรคอะไรก็บอกกับตนได้ในฐานะรัฐบาล ตนก็จะแก้ปัญหาให้ ซึ่งจากที่นายสุวิทย์พูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ จะมีในส่วนที่เห็นไม่ตรงกันในเรื่องของสาระ ไม่ได้มีเรื่องตัวบุคคล หรือเรื่องการเมืองเลย

เมื่อถามว่า การทำงานของนายสุวิทย์ และกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ไปในทิศทางเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความเห็นแตกต่างกันได้ เป็นเรื่องปกติ และงานที่ทำเป็นงานที่สลับซับซ้อน บางครั้งคิดไม่เหมือนกัน ก็ต้องหาข้อยุติ ส่วนความเห็นที่แตกต่างนั้น ตนไม่จำเป็นต้องบอก ขอให้เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลไปจัดการ

เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีปัญหาเรื่องนโยบายต่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นเรื่องทางเทคนิคที่มีบางเรื่องไม่ตรงกัน ซึ่งตนบอกว่า เวลาที่มีเข้าใจไม่ตรงกัน อย่าไปเก็บไว้ในใจและอย่าไปคิดอะไรมาก พูดกันตรงไป ตรงมา ตรงไหนที่ไม่สบายใจหรือเห็นไม่ตรงกัน จะได้ทราบ

เมื่อถามว่า เหตุผลที่ นายสุวิทย์ ทำหน้าที่ต่อเป็นเพราะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง บอกว่า ถ้าเป็นรัฐมนตรีต้องทำหน้าที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไปถามรัฐมนตรีสุวิทย์ ซึ่งโดยหลักถ้าเป็นรัฐมนตรีอยู่ต้องทำหน้าที่อยู่แล้ว เมื่อถามว่า ถ้ารัฐมนตรีคนอื่นไม่มีความหนักแน่นเหมือนนายสุวิทย์ บ้านเมืองจะมีปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลาที่มีความขัดแย้งหรือขัดกัน ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องแก้ไขปัญหากันไป

เมื่อถามว่า นายสุวิทย์ ไม่เห็นด้วยที่กระทรวงการต่างประเทศ มีแนวทางว่า ให้บริหารพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รวมกับอีก 7 ประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เพราะรัฐบาลไม่มีแนวทางจะบริหารพื้นที่ร่วมกับอีก 7 ประเทศ

เมื่อถามว่า สิ่งที่บอกว่าเป็นเอกภาพและจะเดินต่อคืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คือแนวทางที่ทำต่อเนื่องมาตลอด 2 ปี เพราะสาเหตุของปัญหาความตึงเครียดและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ เนื่องจากมีความพยายามเข้าไปบริหารจัดการพื้นที่ในขณะที่ยังไม่มีการจัดทำหลักเขตแดนให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นแนวทางที่ตนได้คุยกับยูเนสโกอยู่แล้ว

“รัฐบาลจะยึดจุดยืนอย่างที่เรียนให้ทราบ รัฐบาลไทยไปเพื่อปกป้องประโยชน์ของประเทศแน่นอน และต้องการที่จะยืนยันว่า การเดินหน้ามรดกโลก ที่จะมาบริหารจัดการพื้นที่โดยที่ยังไม่จัดทำเขตนั้นไม่เหมะสม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า วันที่ 25 พ.ค.ยูเนสโกได้จัดให้ไทยกับกัมพูชาได้พูดคุยกัน จะมีความชัดเจนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราหวังว่า จะมีความชัดเจนไปจะได้ไม่ต้องมีความขัดแย้งกันในการประชุมจริงตอนเดือน มิ.ย.แต่การพูดคุยตอนเดือน พ.ค.ที่เป็นการพูดคุยกันระหว่างไทย-กัมพูชา คงไม่ทำให้คณะกรรมการ รับทราบ ส่วนบทบาทของมรดกโลกที่เข้ามาจะเป็นความพยายามที่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกันนอกรอบ เพราะจะได้ไม่ไปขัดแย้งกันตอนที่มีการประชุมมรดกโลกจริง ซึ่งหากเรื่องนี้ตกลงกันได้ก่อนก็จะเป็นเรื่องที่ดี