"พิภพ" แนะจับตา"อัษฏา" โชว์กึ๋นแย้ง "วาคิมฮง" ใส่ร้ายไทยรุกร้ำเขมร -ถอนทหารแต่ไม่รื้อวัดแก้วฯ แนะอย่าตกใจนักการเมืองสร้างฐานธุรกิจต่อยอดซื้อเสียงเล่นการเมือง ชี้พลังปชช. สยบได้ทุกอย่าง เชื่อนักการเมืองเตรียมชูประเด็นปฏิรูปหากกระแสโหวตโนแรง บอกภารกิจพันธมิตรฯชวนคนเบื่อการเมืองโหวตโน ปฎิรูปประเทศ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายพิภพ ธงไชย"
วันที่ 8 เม.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยวันนี้มีเรื่องสำคัญ เลขารัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจะแถลง จากประเทศอินโดนีเซีย ว่า ผลประชุมเจบีซีเป็นอย่างไร จะยอมรับข้อตกลงที่ไทยเสียเปรียบหรือไม่ จากการที่นายอภิสิทธิ์ เปลี่ยนผู้แทนฝ่ายไทยเป็น นายอัษฎา ชัยนาม เราต้องดูว่าจะแกะเรื่องที่พันธมิตรฯ ท้วงติงออกจากรายงานการประชุมได้หรือไม่ กรณีที่ นายวาคิมฮง กล่าวหาไทยส่งกำลังทหารรุกล้ำกัมพูชาหลายครั้ง ก็หวังว่านายอัษฎา จะแก้ข้อเสียเปรียบออกจากการประชุม หรือจะโต้แย่งวาคิมฮง เพื่อให้มีการบันทึกคำพูดฝ่ายไทย ให้มีผลในการระชุมเจบีซีฉบับต่อไป
และในส่วนที่กรอบเจบีซี ระบุให้ปรับกำลังทหารทั้งสองฝ่ายออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งตนเคยย้ำแล้วว่าการถอนกำลังทหารแต่ละฝ่ายออก แต่ไม่ถอนวัดออก เป็นการยอมรับวัดเขมร เท่ากับเรายอมรับให้เขมรสามารถใช้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรมีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนโดยทางพฤตินัย ซึ่งต้องลุ้นผู้แทนฝ่ายไทยจะโต้แย้งข้อนี้หรือไม่
นายพิภพ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ทำพลาดอีกแล้วที่ออกมาข่มขู่ ว่า หากการประชุมเจบีซีไม่ผ่าน จะทำให้การประชุมเจบีซีครั้งต่อไป ประชุมไม่ได้ ทั้งที่ปรากฎว่าเมื่อรัฐสภาไม่สามารถประชุมเจบีซีได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ประกอบกับศาลรัธรรมนูญ พิจารณา ทำนองศาลไม่ใช้ที่ปรึกษาจะมาขอความเห็น เพราะยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ฝ่ายบริหารต้องดำเนินทางกฎหมายต่อ จนวันนี้รัฐบาลเองก็ยังไม่แน่ใจ ว่าจะเอาเจบีซีออกจากสภาหรือไม่ หรือจะให้รับรองหรือรับทราบ
นายอภิสิทธิ์ ขาดความแม่นยำทางกฎหมาย และวิธีการดำเนินการเรื่องต่างๆ ขอย้ำการดำเนินนโยบายต่างประเทศผิดพลาด ทำให้นายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ต้องกลายเป็นตัวประกัน กลายเป็นไพ่ในมือ ฮุนเซน และทำให้เกิดการแตกแยกในรัฐมนตรี เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายกษิต ภิรมย์, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่สำคัญการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ปล่อยให้เขมรตรึงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรไว้ได้
นายพิภพ กล่าวอีกว่าน่าตกใจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์ลมเปลี่ยนทิศ บอก “นักเรียน ม.6 สอบตกทั้งประเทศ หายนะการศึกษาไทย” ที่ตนยกมาพูดเพราะเกี่ยวข้องกับการปฎิรูปประเทศ ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ ประกาศคณะกรรมการปฏิรูป โดยหลายท่านในคณะปฏิรูปพูดตรงกัน ว่า นายกฯไม่เอาใจใส่งานปฏิรูป ดั้งนี้การไม่เอาใจใส่ก็เหมือนทำงานไม่เป็น แล้วใครที่บอกว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีคนช่วยนั้น ตนขอแย้งว่าไม่จริง ยุคอภิสิทธิ์ สามารถเชิญนายแพทย์ประเวศ วะสี , นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานคณะกรรมการปฎิรูปได้ สามารถเชิญนายคณิต มาดูเรื่องกฎหมาย เชิญนายวสิต ดูเรื่องปฏิรูปกรมตำรวจ เชิญดร.สมบัติ มาดูเรื่องปฏิรูปการเมือง แต่สุดท้ายนายอภิสิทธิ์ ไม่เอาใจใส่ ดังนั้นทางเลือกเดียวต้องคิดว่า ทำอย่างไร ถึงจะบังคับให้นักการเมืองปฏิรูปประเทศ เพราะหากไม่ปฎิรูป จะนำประเทศไปสู่ความเสียหาย
“พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเล่นการเมือง ทำธุรกิจการเมืองจนมีเงินมหาศาล แล้วใช้เงินนี้เคลื่อนไหวทางการเมืองจนถึงทุกวันนี้ ทำให้วันนี้มีนักการเมืองเอาอย่าง เช่น นายสุเทพ, นายสุวัจน์, นายเนวิน, นายบรรหาร สร้างฐานทางเศรษฐกิจไว้รองรับการเมือง ทำให้หลายคนกังวลว่า โหวตโนจะทันนักการเมืองที่เขาสร้างฐานทางเศรษฐกิจไว้แล้วทันหรือ ในประวัติศาสตร์โลก ไม่ว่าผู้นำจะมีอำนาจ มีเงินแค่ไหน หากทำไม่ถูกต้อง สุดท้ายพลังประชาชนสามารถจัดการได้ตลอด ดังนั้นอย่าตกใจ ที่นักการเมืองรวบรวมเงิน เพื่อซื้อเสียงนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล”
นายพิภพ กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คนก็จะไม่ไปเลือกตั้ง จนต้องมาเขียนในรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่เลือกตั้งจะเสียสิทธิ์ เราต้องทำเรื่องโหวตโนให้ชัดเจน ตอนที่ยั้งไม่ประกาศโหวตโน มีโพลออกมาประชาชนจะไม่เลือกพรรคใดเลยถึง 60% อาการเบื่อการเมืองมาถึงที่สุดแล้ว สำหรับพรรคประชาธิปัตย์คนสนับสนุนแค่ 17% เมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าเรา 60% ที่เบื่อการเมือง ขอให้มาลงโหวตโน รับรองเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่
ส่วนที่มีคนถาม จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร นั้น หากเสียงโหวตโนมีมาก จะนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เหมือนปี 2535 ก็เคยทำมาแล้ว ส่วนเนื้อหาที่จะเอาไปใช้ก็มีเต็มไปหมดจาก นายแพทย์ประเวศ นายอนันต์ และจากเวทีพันธมิตรฯ การโหวตโนจะนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง แล้วจะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ
“พรรคการเมืองกำลังจ้องดูกระแสโหวตโน ว่า มาแรงหรือไม่ ตนเชื่อหากกระแสโหวตโนมาแรงช่วงสองเดือนก่อนการเลือกตั้ง พรรคการเมืองจะชูประเด็นเรื่องปฏิรูปการเมือง เพื่อชิงเสียงโหวตโนมาเป็นของตัวเอง จากประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นฟื้นจากสงครามโลกครั้งที่สองเพราะการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ประเทศเยอรมันฟื้นประเทศหลังจากสงครามโลกก็ปฏิรูปขนานใหญ่เช่นเดียวกัน ฉะนั้นจะพาประเทศไทยไปได้ ต้องแสดงตัวตน เข้าคูหากาตรงช่องไม่เลือกพรรคการเมืองใด”