“บรรหาร” หนุนบรรจุนโยบายปรองดอง แก้รัฐธรรมนูญ ลั่นเกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว อย่ากลัวม็อบค้าน ชี้ตั้ง ส.ส.ร.แก้ก็ได้ ระบุจ่าย 10 ล้านเหยื่อแดงเผาเมืองถ้ามีเงินก็โอเค เฉไฉ “นช.แม้ว” ได้วีซ่าเป็นเรื่องของรัฐบาลยุ่น ชม “ยิ่งลักษณ์” สร้างภาพช่วยน้ำท่วมดี แนะเปลี่ยนชื่อแก่งเสือไม่เต้น จะได้สร้างได้ ยันถ้าไม่ทำชาวบ้านเดือดร้อน
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงการบรรจุเรื่องการปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ในนโยบายรัฐบาลว่า เรื่องปรองดองเป็นนโยบายอันหนึ่งที่ควรประกาศให้สังคมรู้ว่าเรามีนโยบายปรองดองสมานฉันท์เพื่อความสามัคคีของคนในชาติ บรรจุไว้ในนโยบายก็คงไม่น่าเสียหายอะไร รวมถึงนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ถ้าหากเป็นการแก้ให้ดีขึ้น และแก้ไขข้อบกพร่องก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เมื่อถามว่าพรรคการเมืองต่างๆ ก็เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะประเด็นการยุบพรรค ที่แก้ไขให้กับคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่บางพรรคการเมืองที่ไม่มี ส.ส.ไม่เห็นด้วย นายบรรหารกล่าวว่า เป็นธรรมดาที่จะมีคนไม่เห็นด้วย เมื่อเรามีหน้าที่ที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องก็ต้องทำต่อไป จะไปกลัวอะไร เมื่อถามว่า มีคำขู่ว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะมีกลุ่มออมาคัดค้าน นายบรรหารกล่าวว่า ไม่ต้องกลัวถ้าเราทำถูกต้อง ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาก็ยังยืนยันจุดยืนเดิมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เรื่องการยุบพรรคเพื่อคืนความเป็นธรรมคนที่ไม่ได้กระทำความผิด คนเราเกิดมาครั้งเดียว ตายหนเดียว ไม่ต้องกลัว ถ้าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อให้มีการตั้ง ส.ส.ร.แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับว่า นายบรรหารกล่าวว่า ไม่เป็นไร จะนำเอาระบบ ส.ส.ร.มาใช้ก็ได้ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดี แต่เมื่อมีการปฏิวัติก็ถูกยกเลิกไป ซึ่งอาจจะตั้ง ส.ส.ร.แบบเก่า เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนาพร้อมที่จะสนับสนุนหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าเขียนอย่างไร เมื่อถามว่า หากนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาเป็นตัวตั้งและปรับปรุงแก้ไขมีความเห็นอย่างไร นายบรรหารกล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 40 พรรคชาติไทยเป็นคนทำเอง เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งไปคาดการณ์ล่วงหน้าว่าพรรคเพื่อไทยจะนำรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นตัวตั้งหรือไม่ แต่ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ดีขึ้น และเป็นธรรมก็ไม่น่าจะกลัวกลุ่มคัดค้านจนเกินเหตุ
ส่วนกรณีที่ นปช.เสนอให้รัฐบาลเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. และ 19 พ.ค.53 รายละ 10 ล้านบาทนั้น นายบรรหารกล่าวว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ และไม่มีความเห็น ทราบเพียงข่าวในหนังสือพิมพ์ ถามว่ามีเงินหรือเปล่า ถ้ามีเงินก็โอเค ทั้งนี้ก็ต้องดูความเหมาะสมด้วย
นายบรรหารยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประเทศญี่ปุ่นออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้ายเดินทางเข้าประเทศว่า เรื่องนี้ฟังข่าวมาเกือบครึ่งปีแล้วที่หน่วยงานของญี่ปุ่นเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปบรรยายเรื่องเศรษฐกิจและการศึกษา แต่เรื่องก็เงียบหายไป ตนก็ไม่ทราบ เมื่อรัฐบาลเขาเชิญและไม่ขัดข้องก็ไม่น่ามีปัญหา ส่วนที่กระทรวงต่างประเทศไปบอกกับทางญี่ปุ่นว่าอย่างไรตนก็ไม่ทราบ แต่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศก็ออกมาปฏิเสธไปแล้วว่าทางญี่ปุ่นเป็นผู้มาถาม ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาลญี่ปุ่นจะพิจารณาอย่างไร
เมื่อถามว่า คิดอย่างไรพอเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลก็เปลี่ยนท่าทีไม่ออกหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ นายบรรหารกล่าวว่า อยู่ที่ใครเป็นคนตั้งเรื่องขึ้นมา และใครเป็นคนรับลูกไปขยายต่อ อะไรก็ตามทำเรื่องให้พอดี เดินทางสายกลาง และให้รัฐบาลชุดนี้ทำงานต่อไปหากไม่ดีก็ค่อยว่ากันอีกที ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีที่สิ้นสุด รัฐบาลไหนขึ้นมาก็ถูกเล่นงาน
นอกจากนี้ นายบรรหารยังกล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้วยว่า เป็นเรื่องดี ใช้ได้ ภาพออกมาดูดี และการให้สัมภาษณ์ก็รอบคอบ ส่วนการปรับเงินค่าชดเชยผู้ประสบภัยน้ำท่วมเป็น 600 บาทขึ้นไปก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ถ้ามีงบประมาณเพียงพอ หรือจะให้น้ำท่วมไปอีก 10 ปี
เมื่อถามว่า มองว่าการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นมีความจำเป็นหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า อยากจะพูดแต่กลัวถูกเล่นงานว่าความจริงแม่น้ำปิง วัง น่าน มีเขื่อนไว้รองรับน้ำหมดแล้ว เหลือแต่แม่น้ำยมยังไม่มีเขื่อนไว้รองรับ เพราะฉะนั้นก็ทำให้น้ำท่วมซ้ำซาก เพราะแม่น้ำยมมีระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร ถ้ามีเขื่อนแก่งเสือเต้นก็จะสามารถเก็บกักน้ำได้ 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยใช้งบประมาณไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท และถ้าหากสร้างได้ก็จะไม่ทำให้น้ำไหลบากเข้าท่วมในหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นสุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ ความจริงตนได้เสนอเข้าครม.ตั้งแต่ปี 2498 เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น ถ้าชื่อเขื่อนแก่งเสือเต้นมีปัญหามากก็ควรเปลี่ยนชื่อใหม่ว่าแก่งเสือไม่เต้นดีกว่า หากไม่สร้างจะปล่อยให้น้ำท่วมทุกปี เสียงบประมาณหลายพันล้านบาททำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างนี้ไปอีก 10-20 ปี
เมื่อถามว่าถึงเวลาที่จะต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นแล้วหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ตนไม่มีสิทธิ์ฟันธงว่าจะสร้างหรือไม่สร้าง และไม่ทราบว่าแนวทางการทำงานของรัฐบาลชุดนี้จะสร้างหรือไม่ แต่ตนเห็นว่าจำเป็นที่จะสร้าง ถ้าไม่สร้างก็จะเดือดร้อนอย่างนี้ทุกปี อย่างไรก็ตาม ที่มีเรียกร้องให้ไปสร้างที่อื่นแทนนั้น ตนเห็นว่าต้องมีการทำการศึกษาและประชาพิจารณ์กันใหม่อีก 3-4 ปี แต่แก่งเสือเต้นสามารถสร้างได้ทันที เพราะมีการศึกษาทุกอย่างไว้เรียบร้อยหมดแล้ว เมื่อถามว่า ส.ว.สนับสนุนให้มีการสร้างเขื่อน นายบรรหารกล่าวว่า ตนก็หนุนแต่ไม่กล้าพูด