กมธ.สอบประวัติ วุฒิสภา เปิดให้ว่าที่ กสทช.แสดงวิสัยทัศน์วันแรก ส่วนใหญ่เห็นตรงกันเร่งพัฒนาโครงข่ายสื่อสาร-จัดระเบียบคลื่นความถี่-กำกับให้แข่งขันเสรี ขณะที่โฆษก กมธ.คาดสรุปรายงานไม่เกิน 30 ส.ค. โหวตเลือก กสทช.5 ก.ย. โต้ขบวนการล้มกระดานไม่มีโอกาส เชื่อ ส.ว.ส่วนใหญ่ต้องการเดินหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 10.00 น. การประชุมคณะกรรมธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดให้มีการรับฟังวิสัยทัศน์ของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ กสทช.เป็นวันแรกจำนวน 24 คน โดยแบ่งเป็นผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อฯ ที่จะแสดงวิสัยทัศน์ออกเป็น 4 ด้าน คือ ด้านกิจการกระจายเสียง, กิจการโทรทัศน์, ด้านโทรคมนาคมและด้านกฎหมาย โดยการแสดงวิสัยทัศน์จะมีเวลาคนละ 7 นาที ภายใต้คำถามว่า เหตใดวุฒิสภาจึงควรเลือกเป็น กสทช. และหากได้รับเลือกมีแนวทางการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
โดย รศ.พนา ทองมีอาคม ผู้ได้รับการเสนอชื่อฯ ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า กิจการวิทยุโทรทัศน์เป็นสิ่งสำคัญ ปัจจุบันเยาวชนเรียนรู้จากวิทยุโทรทัศน์ค่อนข้างมาก ในอนาคตกิจการวิทยุโทรทัศน์จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้น องค์กรที่จะกำกับดูแลจะต้องจัดองค์กรให้เหมาะสมกับภาระกิจ การทำงานของ กสทช.จะต้องมุ่งเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติจะคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ โดยมีความเป็นธรรม และตรวจสอบได้ การกำหนดนโยบายของ กสทช.จะต้องดำเนินการอย่างมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ส่วนสิ่งที่ กสทช.จะต้องเร่งทำคือดำเนินการในสิ่งที่กฎหมายกำหนดให้ทำเช่นการประกาศให้กฎระเบียบที่มีอยู่ใช้ต่อไปได้ การวางแผนแม่บท การวางกรอบพื้นฐานในการพัฒนา การกำหนดนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้ได้รับการเสนอชื่อฯ ด้านกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า เป้าหมายของกสทช.ควรจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านบรอดแบนด์ให้มีการกระจายอย่างทั่วถึง คุณภาพดีและราคาเข้าถึงได้ การเริ่มเปลี่ยนผ่านระบบโทรทัศนไปสู่ระบบดิจิตอลอย่างมีความพร้อมไม่ให้ล่าช้าเหมือนการพัฒนาโครงข่าย 3 จี, การจัดสรรคลื่นความถี่ภาคประชาชนและด้านความมั่นคง
โดยต้องเร่งจัดทำแผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่และแผนแม่บทกิจการเพื่อนำไปสู่ใบอนุญาต 3 จี และ 4 จี การส่งเสริมการแข่งขันในตลาดบริการโทรคมนาคมเพิ่มขึ้น โดยเร่งจัดทำแผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่, การพัฒนาโครงข่ายใยแก้วนำแสงทั่วประเทศ การตั้งและกำหนดนโยบายลบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงไอซีทีของประชาชนการพัฒนากิจการและพัฒนาบุคลากรให้พร้อมการเปิดเสรี 2015
นายสุทธิพล ทวีชัยการ ผู้ได้รับการเสนอชื่อฯ ด้านกฎหมาย กล่าวว่า หากเป็น กสทช.สิ่งที่ต้องเร่งทำ คือ การสร้างศรัทธาให้สังคมมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะองค์กรรวมศูนย์ในการจัดสรรคคลื่นความถี่ และการกำกับดูแลกิจการด้านสื่อสารและโทรคมนาคม โดย กสทช.ต้องเป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริง ไม่ทำงานตามใบสั่งของผู้ใด ทำงานอย่างการมีส่วนร่วม มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริต โปร่งใสและเที่ยงธรรมไม่เลือกปฏิบัติ สามารถบูรณาการกฎกติกาเกี่ยวกับกิจการโทรคมนาคมที่มีจำนวนมากและซ้ำซ้อน ให้มีเอกภาพง่ายต่อการปฏิบัติ
ในแง่กฎหมายต้องพัฒนากฎกติกาที่เกี่ยวข้องต่อกิจการทุดด้าน กำกับดูแลและส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินกิจการในการแข่งขันการให้บริการ บทบาทของ กสทช.จะต้องใช้กฎหมายในการส่งเสริมไม่ใช่กำหมายในการสร้างอุปสรรคให้ผู้ประกอบการ ต้องส่งเสริมผู้ประกอบการทั้งที่มีอยู่และผู้ประกอบการรายใหม่ โดยผลักดันให้มีการออกใบอนุญาตแบบรวม ที่เอื้อต่อการแข่งขัน โดยต้องสร้างสมดุลการใช้ประโญชน์จากคลื่นความถี่ให้เกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วน ส่งเสริมการแข่งขันในทุกระดับ
โดยต้องสนับสนุนให้มีการคุ้มครองผู้บริโภคและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรด้านการสื่อสาร ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมและบุคลากร ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้เกิดประสิทธิภาพ ตลอดจนวางระบบฐานข้อมูลด้านกิจการคลื่นความถี่ให้มีประสิทธิภาพ ในฐานะที่ทำงานในคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ทำงานภายใต้ความขัดแย้งและผลประโยชน์มาตลอดและมั่นใจว่าสามารถตรวจสอบได้เพราะยึดหลักความสุจริต
การจัดแสดงวิสัยทัศน์ในวันนี้ (16 ส.ค.) มีผู้ที่ได้รับเชิญมาแสดงวิสัยทัศน์แต่ไม่มาแสดงวิสัยทัศน์ 2 ราย คือ รศ.จิราภรณ์ สุวรรณวาจกกสิกิจ และนายสมชัย ทรัพย์ศิริผล ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่มาแสดงวิสัยทัศน์ถือว่าสละสิทธิในการแสดงวิสัยทัศน์ แต่ไม่เป็นการตัดสิทธิที่จะได้รับการคัดเลือกจากวุฒิสภา โดยการจัดให้แสดงวิสัยทัศน์จะจัดให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ 2 วัน โดยวันพรุ่งนี้ (17 ส.ค.) จะเชิญผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อฯ มาแสดงวิสัยทัศน์เพิ่มอีก 20 คน
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติและความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริธรรม (กมธ.) ของบุคคลที่สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช.กล่าวว่า ในวันนี้ กมธ.ได้เปิดให้ว่าที่ กสทช.ได้แสดงวิสัยทัศน์จำนวน 22 คน จากที่เชิญมา 24 คน และที่เหลืออีก 20 คนจะมาแสดงวิสัยทัศน์อีกในวันที่ 17 ส.ค. โดยมีผู้ไม่ประสงค์แสดงวิสัยทัศน์ 2 ราย
นายสมชายกล่าวว่า ในวันที่ 19 ส.ค. กมธ.จะพิจารณาเรื่องร้องเรียนของว่าที่ กสทช.ว่าถูกร้องเรียนเรื่องอะไรบ้าง และตรวจสอบหาข้อมูลข้อเท็จจริง รวมทั้งจะดูว่าจะขอข้อมูลหรือเชิญหน่วยงานใดมาให้รายละเอียดข้อเท็จจริง โดยคาดว่าจะสรุปข้อมูลของว่าที่ กสทช.ทั้ง 44 คนได้ภายในวันที่ 30 ส.ค. และเสร็จเรียบร้อยก็จะเสนอรายงานต่อประธานวุฒิสภาเพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมวุฒิสภาซึ่งในเบื้องต้นกำหนดวันประชุมเพื่อลงมติคัดเลือกในวันที่ 5 ก.ย.
ทั้งนี้ ในการประชุมวุฒิสภาเพื่อคัดเลือก กมธ.จะแจกรายงานทั้งที่เป็นเอกสารลับ และเปิดเผย ซึ่งประกอบด้วยประวัต ข้อมูลส่วนตัวของว่าที่ กสทช.แต่ละคนให้ ส.ว.พิจารณา โดยวิธีการลงคะแนนจะลงติเลือกทีละกลุ่ม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่ามีความพยายามจะล้มกระดานไม่ให้มีการสรรหา กสทช.ได้ นายสมชายกล่าวว่า คงไม่มีโอกาส เพราะ ส.ว.ส่วนใหญ่ได้เห็นตรงกันว่าจะต้องเดินหน้าตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยจะต้องสรรหาให้ได้ก่อนวันที่ 11 ก.ย. ซึ่งตามเจตนารมณ์ของรัฐะรรมนูญก็ต้องการให้ กสทช.เป็นอิสระ ซึ่งกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าหากวุฒิสภาทำไม่สำเร็จก็ให้อำนาจฝ่ายบริหารเป็นผู้คัดเลือกแทน
