ASTVผู้จัดการรายวัน-เรกูเลเตอร์ประกาศโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ 1 ก.ค.นี้ เสนอผู้ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนใช้ฟรีถาวร รัฐรับภาระปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท ระยะแรกดึงเงิน 3 การไฟฟ้าอุ้ม แต่จากนั้นโยนภาคอุตสาหกรรมรับไปเต็มๆ ยัน 1ก.ค. ดีเดย์ขึ้นแอลพีจีอุตสาหกรรมแน่
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า เรกูเลเตอร์จะประกาศใช้โครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ในเดือนก.ค.2554นี้ โดยจะบรรจุมาตรการผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนฟรีเข้าไปไว้เป็นการถาวรแล้วให้ผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่หรือภาคอุตสาหกรรม กิจการโรงแรม ผู้ใช้ไฟฟ้าฉุกเฉินมาแบกรับภาระค่าไฟเพิ่มแทน แต่เบื้องต้นเพื่อบรรเทาผลกระทบจะนำเงินที่เรียกคืนจาก 3 การไฟฟ้าที่ไม่ได้ลงทุนจริงช่วงปี 2551-2553 (Claw Back) ที่เหลือวงเงินประมาณ 6,400 ล้านมาช่วยเกลี่ยรับภาระค่าไฟฟ้าให้กับภาคอุตสาหกรรมไปก่อนช่วงแรก
“โครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ จะมีการออกประกาศเพื่อใช้เป็นนโยบายเลยว่าให้ผู้ประกอบการที่ใช้ไฟฟ้าเยอะมาช่วยแบกรับภาระตามขั้นบันไดการใช้ไฟ ซึ่งค่าไฟที่ภาคอุตสาหกรรมจะแบกรับแทนรายย่อยนั้นจะคิดเป็นค่าไฟที่ต้องขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย แต่เบื้องต้นก็จะช่วยเอาเงิน Claw Back มาเกลี่ยให้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาปรับตัว แต่จะนานแค่ไหนตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนจริงที่เพิ่มขึ้น”นายดิเรกกล่าว
นายดิเรกกล่าวยอมรับว่า นโยบายดังกล่าวได้แจ้งไปยังภาคเอกชนรับทราบแล้ว ซึ่งยอมรับว่าค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ควรจะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เนื่องจากระยะยาวหากก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเริ่มทยอยหมดลง จะต้องพึ่งการนำเข้ารูปของก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) มาแทน ซึ่งจะมีราคาแพงและจะทำให้ค่าไฟฟ้าต้องแพงขึ้นด้วย
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เรกูเลเตอร์ได้มีนโยบายที่จะกันคนรวยที่มีบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านพักตากอากาศหันมาใช้สิทธิ์ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนฟรี โดยดูจากมิเตอร์ที่ขอใช้ไม่เกิน 5-15 แอมแปร์ที่จำกัดขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 7 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็นภาระประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การปรับราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคอุตสาหกรรมไตรมาสละ 3บาท/ก.ก. จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่กำหนดไว้ คงไม่สามารถผ่อนผันได้ตามที่ภาคเอกชนเสนอมา แต่ได้มีมาตรการลดผลกระทบเบื้องต้นผ่อนผันให้ผู้ที่ใช้แอลพีจีรายย่อยติดตั้งถังขนาด48 ก.ก.ไม่เกิน 20 ถัง สามารถใช้แอลพีจีราคาเดิมได้ ไม่ต้องมีการเปลี่ยนเป็นถังขนาดใหญ่
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า เรกูเลเตอร์จะประกาศใช้โครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ในเดือนก.ค.2554นี้ โดยจะบรรจุมาตรการผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนฟรีเข้าไปไว้เป็นการถาวรแล้วให้ผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่หรือภาคอุตสาหกรรม กิจการโรงแรม ผู้ใช้ไฟฟ้าฉุกเฉินมาแบกรับภาระค่าไฟเพิ่มแทน แต่เบื้องต้นเพื่อบรรเทาผลกระทบจะนำเงินที่เรียกคืนจาก 3 การไฟฟ้าที่ไม่ได้ลงทุนจริงช่วงปี 2551-2553 (Claw Back) ที่เหลือวงเงินประมาณ 6,400 ล้านมาช่วยเกลี่ยรับภาระค่าไฟฟ้าให้กับภาคอุตสาหกรรมไปก่อนช่วงแรก
“โครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ จะมีการออกประกาศเพื่อใช้เป็นนโยบายเลยว่าให้ผู้ประกอบการที่ใช้ไฟฟ้าเยอะมาช่วยแบกรับภาระตามขั้นบันไดการใช้ไฟ ซึ่งค่าไฟที่ภาคอุตสาหกรรมจะแบกรับแทนรายย่อยนั้นจะคิดเป็นค่าไฟที่ต้องขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย แต่เบื้องต้นก็จะช่วยเอาเงิน Claw Back มาเกลี่ยให้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาปรับตัว แต่จะนานแค่ไหนตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนจริงที่เพิ่มขึ้น”นายดิเรกกล่าว
นายดิเรกกล่าวยอมรับว่า นโยบายดังกล่าวได้แจ้งไปยังภาคเอกชนรับทราบแล้ว ซึ่งยอมรับว่าค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ควรจะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เนื่องจากระยะยาวหากก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเริ่มทยอยหมดลง จะต้องพึ่งการนำเข้ารูปของก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) มาแทน ซึ่งจะมีราคาแพงและจะทำให้ค่าไฟฟ้าต้องแพงขึ้นด้วย
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เรกูเลเตอร์ได้มีนโยบายที่จะกันคนรวยที่มีบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านพักตากอากาศหันมาใช้สิทธิ์ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนฟรี โดยดูจากมิเตอร์ที่ขอใช้ไม่เกิน 5-15 แอมแปร์ที่จำกัดขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 7 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็นภาระประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การปรับราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคอุตสาหกรรมไตรมาสละ 3บาท/ก.ก. จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่กำหนดไว้ คงไม่สามารถผ่อนผันได้ตามที่ภาคเอกชนเสนอมา แต่ได้มีมาตรการลดผลกระทบเบื้องต้นผ่อนผันให้ผู้ที่ใช้แอลพีจีรายย่อยติดตั้งถังขนาด48 ก.ก.ไม่เกิน 20 ถัง สามารถใช้แอลพีจีราคาเดิมได้ ไม่ต้องมีการเปลี่ยนเป็นถังขนาดใหญ่
