ยื้อมาได้หลายเดือน สุดท้ายก็ไปไม่ไหว “ชัช ชลวร” เลยจำต้องทิ้งเก้าอี้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ อย่างเสียมิได้ เมื่อ วันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา
แม้คนในศาลรัฐธรรมนูญบางส่วนจะวิเคราะห์ว่า ดูแล้ว ตัวอดีตประธานชัช ต้องการจะยื้ออยู่ให้ผ่านวันสำคัญของประเทศไปก่อนแล้วค่อยลาออก แต่ก็ทนแรงกดดันในศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้
เพราะสัญญาลูกผู้ชายที่ให้ไว้ คนเป็นระดับประธานศาลรัฐธรรมนูญ อดีตตุลาการชั้นผู้ใหญ่ของประเทศ จะมาทำลืม พูดจาสั่วๆไม่ได้
กับคำมั่นที่บอกจะอยู่ในตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแค่ 3 ปี แล้วจะลาออกเพื่อจะทำให้หลุดจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญไปพร้อมกัน จะได้เปิดทางให้ตุลาการคนอื่นได้เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญบ้าง
ถึงวันนี้ปาเข้าไปจะกลางเดือนสิงหาคมแล้ว มันเลยกำหนดสามปี คือตั้งแต่พฤษภาคมมานานเกินรอแล้ว “เฮียชัช” ก็ยังไม่มีทีท่าจะทำตามสัญญา แถมทำท่าจะยื้อเวลาออกไปอีก แต่สุดท้ายประธานชัช ก็ต้องยอมเซ็นใบลาออก
จะเป็นการลาออกแค่ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมลาออกจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่เหลือวาระดำรงตำแหน่งอีก 6 ปี แต่ตุลาการส่วนใหญ่ก็ไม่ติดใจ เพราะทั้งหมดก็ผู้ใหญ่ด้วยกันแล้ว ไม่ใช่เด็กๆจะมาไล่บี้กันแบบเอาตาย
ลำพังแค่ให้ลาออกจากประธานยังยื้อขนาดนี้ ขืนไล่ต้อนให้ลาออกจากตุลาการด้วย
มีหวังเอาช้างมาฉุด ชัช ก็ไม่ออก
เวลานี้ผู้คนเลยจับจ้องแล้วใครจะมาเป็น “ประธานศาลรัฐธรรมนูญ” คนใหม่ ที่จะเลือกกันในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้
ดูๆไปแล้ว ในจำนวน 8 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เหลือ ไม่นับ ชัช คนที่ถูกมองว่ามีภาษีดีที่สุด เพราะตุลาการบางคนก็เจอพิษของ “น้องปอย” พสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขาประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซัดจนเสียผู้เสียคน ทั้งเรื่อง
คลิปลับ-ข้อสอบรั่ว
ตุลาการบางคนที่มีชื่ออยู่กับเรื่องพวกคลิปลับ-ข้อสอบรั่ว คงไม่เอาเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าของสังคม
ทำให้ตัวเต็งๆ ที่เหลือก็มี วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ เหตุเพราะมีความอาวุโส เป็นอดีตตุลาการที่ผ่านตำแหน่งใหญ่ในศาลฎีการะดับประธานแผนกมาแล้ว
อีกหนึ่งแคนดิเดตก็คือ นุรักษ์ มาประณีต ที่อายุน้อยกว่าวสันต์ 2 ปี คือ 62 แถมตอนอยู่ศาลฎีกา ก็ยังไม่ขึ้นถึงระดับประธานแผนกคดีเหมือนวสันต์
แต่ที่น่าสนใจคือ ตอนที่ชิงตำแหน่งประธานศาลรธน. เมื่อ 3 ปีที่แล้ว นุรักษ์ แม้จะแพ้ ชัช แต่ก็ได้เสียงสนับสนุนในการลงมติลับจากเพื่อนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยกัน ดีกว่าวสันต์ด้วยซ้ำ
ให้จับตาอีกหนึ่งแคนดิเดตคือ อุดมศักดิ์ นิติมนตรี ที่มีภาพลักษณ์กลางๆ ไม่อิงการเมืองอะไร แถมความอาวุโสก็มีมากกว่านุรักษ์ คืออายุ 63 ปี มีดีกรีผู้พิพากษาศาลฎีกา แล้วก็ได้รับเลือกให้เป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุด ก่อนจะมาอยู่ศาลรัฐธรรมนูญ
อีกคนหนึ่งที่หลายคนเชียร์ คือ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตหัวหอกตุลาการภิวัฒน์ เมื่อช่วงปี 49 จากค่ายนิติศาสตร์ จุฬาฯ แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวปฏิเสธไปแล้วว่าไม่ต้องการเป็น และไม่ประสงค์จะลงชิง
เพราะในบรรดาตุลาการทั้ง 9 คน อาจารย์จรัญ อาวุโสน้อยสุด ทำให้เจ้าตัวที่ยึดถือแนวทางความเป็นอาวุโสในวงการตุลาการไม่ต้องการแซงหน้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรุ่นพี่ๆ เลยออกตัวทันทีว่า ไม่หวังตำแหน่งใหญ่ในศาลรธน.
แต่จะเป็นใคร ขึ้นมาเป็นประธานศาลรธน.คนใหม่ ดูแล้ว ตัวเต็งยังอยู่ที่สองคนนี้
“วสันต์-นุรักษ์”