นึกว่าแน่ สุดท้ายก็แค่ ตีกิน แถม แจกโง่ อีกต่างหากสำหรับ “ไอ้ปอย”พสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ไปขึ้นเวทีเสื้อแดงกลางอนุสาวรียประชาธิปไตยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา
ที่บอกไม่แน่จริง ก็เพราะเนื้อหาการปราศรัยของพสิษฐ์พบว่า ไม่ได้มีการแฉเบื้องหลังการตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชนหรือยุบพรรคประชาธิปัตย์อะไรที่เด็ดๆ นอกจากการพูดแค่ว่ามีการติดต่ออดีตเจ้านายเก่า ชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนหน้าการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น
เนื้อความก็เป็นเรื่องพื้นๆ เพียงแต่รอบนี้พสิษฐ์ระบุชื่อตัวอดีตเจ้านายเก่าว่าเป็นคนที่ถูกล็อบบี้ด้วยเท่านั้น นอกนั้นก็แค่พูดแบบกว้างๆ ไม่มีการพูดให้เฉพาะเจาะจงลงไปว่าการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคการเมืองเป็นอย่างไร มีความไม่ปกติอย่างไร
เรื่องข้อสอบรั่วการสอบเข้าบรรจุรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งพสิษฐ์ปรากฏตัวอยู่ในคลิปลับด้วยมีที่มาที่ไปอย่างไร มีข้อสอบรั่วจริงหรือไม่ มีการฝากเด็กของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้สอบเข้าไดจริงหรือไม่
ก็ปรากฏว่าพสิษฐ์ไม่เห็นจะพูดอะไรให้ชัดเจน
เอาแต่ไปพูดเรื่องการแข่งขันฟุตบอล เรื่องผู้ตัดสิน-เรื่องกติกาการแข่งขันกีฬา ถ้าพูดประสาชาวบ้านก็คือ พูดจาเลียบค่าย หวังตีกิน แต่สิ่งที่จะตีกินกลับไม่ได้ทำให้สังคมเข้าใจด้วย
สิ่งที่ แกนนำเสื้อแดง บอกไว้ก่อนหน้าวันที่ 10 เมษายน ว่าการปราศรัยของพสิษฐ์จะเป็นการแฉข้อมูลที่สะเทือนแผ่นดิน จึงเป็นการโกหกอีกครั้งหนึ่ง เพราะที่คิดกันว่าจะเป็นไม้หน้าสาม น็อคศาลรัฐธรรมนูญหัวอาบเลือด
สุดท้ายก็เป็นแค่การพูดลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ทั้งเทปเสียง-คลิปเสียง-สำเนาเอกสาร เพื่อมาทำให้น้ำหนักคำพูดตัวเองน่าเชื่อถือได้
ของแบบนี้ใครๆ ก็พูดกันได้ สิ่งที่พสิษฐ์พูดบนเวทีจึงไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรให้สังคมต้องตื่นเต้น
จะมีก็แต่เพียงตัว “ชัช” เท่านั้น ที่ต้องตอบคำถามกับสังคมเสียทีได้แล้วว่าอดีตลูกน้อง-หัวหน้าสำนักงานตัวเองนายนี้ที่คอยติดตามทุกฝีก้าวตอนเป็นเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ “ชัช”ไปเอาตัวมาทำงานและมอบอำนาจให้บริหารจัดการทุกอย่างในศาลรัฐธรรมนูญ แล้วต่อมาก็มาทำหลายเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเสียหาย
แล้วทำไม”ชัช”ถึงไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไปได้เรื่อยๆ
แบบนี้ สงสัยเดือนพฤษภาคม เมื่อครบกำหนด 3 ปีของการเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ-ประธานศาลรัฐธรรมนูญ คงทำให้การทวงสัจจะของ “ชัช”ที่บอกจะอยู่ในตำแหน่งแค่ 3 ปีก็จะลาออกเพื่อเปิดทางให้คนอื่นมาเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญแทน
“ชัช”คงเก้าอี้ร้อนแน่นอน หากจะมีตุลาการบางคนทวงถามสัจจะและความรับผิดชอบที่ “ชัช”ไปเอาตัวพสิษฐ์มาทำงานใกล้ชิด มาวันนี้ตัวอดีตเลขานุการประธานศาลรธน.กลับมาทำให้ภาพลักษณ์ของศาลรัฐธรรมนูญป่นปี้
ที่บอกไม่แน่จริง ก็เพราะเนื้อหาการปราศรัยของพสิษฐ์พบว่า ไม่ได้มีการแฉเบื้องหลังการตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชนหรือยุบพรรคประชาธิปัตย์อะไรที่เด็ดๆ นอกจากการพูดแค่ว่ามีการติดต่ออดีตเจ้านายเก่า ชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนหน้าการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น
เนื้อความก็เป็นเรื่องพื้นๆ เพียงแต่รอบนี้พสิษฐ์ระบุชื่อตัวอดีตเจ้านายเก่าว่าเป็นคนที่ถูกล็อบบี้ด้วยเท่านั้น นอกนั้นก็แค่พูดแบบกว้างๆ ไม่มีการพูดให้เฉพาะเจาะจงลงไปว่าการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคการเมืองเป็นอย่างไร มีความไม่ปกติอย่างไร
เรื่องข้อสอบรั่วการสอบเข้าบรรจุรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งพสิษฐ์ปรากฏตัวอยู่ในคลิปลับด้วยมีที่มาที่ไปอย่างไร มีข้อสอบรั่วจริงหรือไม่ มีการฝากเด็กของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้สอบเข้าไดจริงหรือไม่
ก็ปรากฏว่าพสิษฐ์ไม่เห็นจะพูดอะไรให้ชัดเจน
เอาแต่ไปพูดเรื่องการแข่งขันฟุตบอล เรื่องผู้ตัดสิน-เรื่องกติกาการแข่งขันกีฬา ถ้าพูดประสาชาวบ้านก็คือ พูดจาเลียบค่าย หวังตีกิน แต่สิ่งที่จะตีกินกลับไม่ได้ทำให้สังคมเข้าใจด้วย
สิ่งที่ แกนนำเสื้อแดง บอกไว้ก่อนหน้าวันที่ 10 เมษายน ว่าการปราศรัยของพสิษฐ์จะเป็นการแฉข้อมูลที่สะเทือนแผ่นดิน จึงเป็นการโกหกอีกครั้งหนึ่ง เพราะที่คิดกันว่าจะเป็นไม้หน้าสาม น็อคศาลรัฐธรรมนูญหัวอาบเลือด
สุดท้ายก็เป็นแค่การพูดลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ทั้งเทปเสียง-คลิปเสียง-สำเนาเอกสาร เพื่อมาทำให้น้ำหนักคำพูดตัวเองน่าเชื่อถือได้
ของแบบนี้ใครๆ ก็พูดกันได้ สิ่งที่พสิษฐ์พูดบนเวทีจึงไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรให้สังคมต้องตื่นเต้น
จะมีก็แต่เพียงตัว “ชัช” เท่านั้น ที่ต้องตอบคำถามกับสังคมเสียทีได้แล้วว่าอดีตลูกน้อง-หัวหน้าสำนักงานตัวเองนายนี้ที่คอยติดตามทุกฝีก้าวตอนเป็นเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ “ชัช”ไปเอาตัวมาทำงานและมอบอำนาจให้บริหารจัดการทุกอย่างในศาลรัฐธรรมนูญ แล้วต่อมาก็มาทำหลายเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเสียหาย
แล้วทำไม”ชัช”ถึงไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไปได้เรื่อยๆ
แบบนี้ สงสัยเดือนพฤษภาคม เมื่อครบกำหนด 3 ปีของการเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ-ประธานศาลรัฐธรรมนูญ คงทำให้การทวงสัจจะของ “ชัช”ที่บอกจะอยู่ในตำแหน่งแค่ 3 ปีก็จะลาออกเพื่อเปิดทางให้คนอื่นมาเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญแทน
“ชัช”คงเก้าอี้ร้อนแน่นอน หากจะมีตุลาการบางคนทวงถามสัจจะและความรับผิดชอบที่ “ชัช”ไปเอาตัวพสิษฐ์มาทำงานใกล้ชิด มาวันนี้ตัวอดีตเลขานุการประธานศาลรธน.กลับมาทำให้ภาพลักษณ์ของศาลรัฐธรรมนูญป่นปี้