มีหลักฐานที่ปรากฏให้เห็นมากหลาย ทั้งจากซากประวัติศาสตร์และอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆว่า บรรพชนไทยเป็นกลุ่มคนที่ฉลาดที่สุดในโลกกลุ่มหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ทำไมประเทศไทยวันนี้กลับยังด้อยพัฒนา ล้าหลังกว่าประเทศอื่นๆ อีกมาก ทั้งที่ในสมัยพระนารายณ์มหาราชเราเจริญเทียบเท่ายุโรป
ผมเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่สุดน่าจะเป็นเพราะว่าเรามีระบบคัดเลือกผู้นำประเทศที่ไม่ดีพอ ผู้นำสำคัญมากเนื่องเพราะคนไทยนั้นมีนิสัยอิงผู้นำ ไม่มีนิสัยอิงตนอย่างฝรั่ง ชนชาติเอเชียเราจะมีนิสัยเหมือนๆ กันเช่นนี้เสมอ
ที่ญี่ปุ่นเจริญมาได้ก็เพราะมีผู้นำที่ดี คือระบบจักรพรรดิและข้าราชการตงฉินที่รองรับ แม้วันนี้จะใช้ระบอบ ปชต. ในการปกครอง แต่การเฟ้นตัวผู้นำพรรคการเมืองก็ใช้ระบบคุณธรรม ไม่ใช่เป็นใครก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็มาชุบมือเปิบเป็นหัวหน้าพรรคได้ในบัดดลแบบไทยเรา (เพราะเอาเงินฟาดหัว)
เกาหลีก็เช่นกัน เจริญมาได้เพราะเผด็จการทหารสองคน คือ ปักจุงฮี และ ชุนดูฮวาน ที่ครองอำนาจ 20 ปี และสร้างประเทศขึ้นมาจนลืมตาอ้าปาก เพียงแต่ว่าทหารของเขามีวิสัยทัศน์และความรักชาติ ..ความรักชาติของเกาหลีนั้นเป็นที่เลื่องลือ มันล้นหลามจนกลายเป็นอคติสู่การเกลียดฝรั่ง เช่น ผู้หญิงเกาหลีคนไหนเดินกับฝรั่งจะได้รับการดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก แท็กซี่ก็มักไม่จอดรับฝรั่ง (ในช่วงนั้น ได้ข่าวว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว)
ส่วนเผด็จการทหารของไทยเราในช่วงเดียวกันกับเกาหลีนั้น ขาดทั้งวิสัยทัศน์และความรักชาติ แถมยังโกงกิน ที่สำคัญวิสัยทัศน์ของพวกท่านคือหันไปตามก้นฝรั่งลูกเดียว ไม่รู้จักคิดเองทำเอง ประเทศนี้ก็เลยไม่เกิดในเวทีโลกสักที อย่างมากก็แค่ขายของเก่ากินเช่นต้มยำกุ้งและทะเลสีคราม
ยิ่งตอนนี้หันมาใช้ประชาธิปไตยตามฝรั่ง ก็จะยิ่งเจ๊งกันไปใหญ่
อินเดียกับจีนก็น่าเปรียบเทียบกัน ..อินเดียใช้ประชาธิปไตย ส่วนจีนใช้เผด็จการ (ในหน้ากาก ปชต.พรรคเดียว) จะเห็นว่าจีนเริ่ม “เจริญ” กว่าอินเดียอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
มาเลเซีย สิงคโปร์ ก็สร้างชาติมาด้วยผู้นำที่เข้มแข็งคนเดียว (ในคราบ ปชต.) เช่นกัน ส่วนฟิลิปินส์เป็น ปชต.คล้ายไทยเรามาก แล้วดูสิ อะไรเกิดขึ้นกับประเทศนี้ ทั้งที่เคยมีการทำนายว่า ไทยกับฟิลิปินส์จะเป็นมหาอำนาจเอเชีย รายต่อจากญี่ปุ่น
ระบบการปกครองเป็นต้นน้ำของทุกอย่างที่จะตามมา คือ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เราคนไทยต้องร่วมกันสร้างระบบการปกครองที่สอดคล้องกับนิสัยคนไทยขึ้นมาให้จงได้ คือ ระบบคัดสรรผู้นำที่เก่งดีมีวิสัยทัศน์ขึ้นไปบริหารประเทศ
ถ้าจะแค่นใช้ประชาธิปไตยตามฝรั่ง ก็ต้องปรับวิธีการเสียก่อน ไม่ใช่ลอกเขาทั้งดุ้นแบบที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ แล้วก็บูชากันต่อไปว่าเสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์ (ที่ซื้อได้หรือหลอกได้)
การปรับวิธีการนั้นผมได้เคยเสนอไว้บ้างแล้วในบทความเก่าๆ เช่น ปรับได้ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
ต้นน้ำคือ ต้องมีการคัดเลือกผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยการวัดความรู้ทางการเมือง ไม่ใช่ใครที่ไหนที่มีอายุครบกำหนดก็มีสิทธิเลือกตั้งเหมือนกันและเท่ากันหมด อาจให้มีการสอบความรู้แล้วให้น้ำหนักการลงคะแนนเสียงตั้งแต่ 1-10 การสอบนี้ทำได้ง่ายมากและลงทุนน้อยมาก ไม่ได้ยากหรือแพงอย่างที่คิด ข้อสอบรั่วก็ไม่ต้องกลัว เพราะเราจะบอกข้อสอบพร้อมเฉลยทั้งหมดล่วงหน้าด้วยซ้ำไป
สำหรับวิธีกลางน้ำก็เช่น การเข้าสู่ตำแหน่งนายกรมต. อาจไม่จำเป็นต้องเอาพรรคเสียงข้างมากเสมอไป แต่ให้เอาพรรคที่มีคะแนนถึงระดับหนึ่งก็พอ เช่น 10% ของคะแนนทั้งหมด แล้วเอาหน.พรรคเหล่านี้เข้าไปให้ ส.ว.เลือกให้เป็นนายกฯ อีกที ซึ่งว่าที่นายกฯ ต้องโชว์วิสัยทัศน์อีกรอบ พร้อมการสอบประวัติ ผลงานในอดีต
ส่วน ส.ว.มีที่มาตามที่กฎหมายกำหนด เช่น เลือกเอามาจากคนที่มีประวัติผลงานดีเด่นและเป็นที่ยอมรับของสังคม แบบนี้ก็ถือเป็น ปชต.ทางอ้อม ที่แน่นอนกว่า ปชต.ทางตรงที่เลือกกันแบบสุกเอาเผากินเสียอีก
รายชื่อรมต.กระทรวงต่างๆ ที่นายกฯ เสนอ ก็ต้องได้รับการโหวตยอมรับจาก ส.ว.ด้วย รมต.ยี้จะได้หมดไปเสียที
ต้องมีระบบคานอำนาจแบบใหม่ที่ตัด “การเล่นพวกแบบไทยๆ” ออกไปให้ได้ เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้นให้ทำโดย ส.ส. ส่วน ส.ว.ทำหน้าที่โหวต แบบนี้รัฐบาลเสียงข้างน้อยก็มีเสถียรภาพได้ (ถ้าทำดีถูกใจ ส.ว.) ตรงข้าม..ต่อให้พรรคมี ส.ส.ล้นหลาม แต่ถ้าทำเลว ก็อาจถูก ส.ว.โหวตไม่ไว้วางใจได้
ส่วนปลายน้ำนั้นได้มีการทำอยู่แล้วคือขั้นตอนการติดตามตรวจสอบการทำงาน การทุจริตของนักการเมืองนั่นเอง
ถ้าปรับมาใช้วิธีการ ปชต.แบบนี้ มันจะสอดคล้องกับลักษณะนิสัยของคนไทย ที่มีนิสัยอิงนาย อิงกลุ่ม แต่ไม่อิงตนแบบฝรั่ง
ด้วยวิธีการเช่นที่เสนอนี้เชื่อว่า เราจะได้รัฐบาลที่เก่ง ดี มีเสถียรภาพเข้าไปบริหารประเทศ แล้วสร้างประเทศไทยให้เป็นมหาอำนาจโลกได้ในเร็ววันแน่นอน เนื่องเพราะเรามีเชื้อพันธุ์จากบรรพชนที่ดีอยู่แล้ว
ผมเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่สุดน่าจะเป็นเพราะว่าเรามีระบบคัดเลือกผู้นำประเทศที่ไม่ดีพอ ผู้นำสำคัญมากเนื่องเพราะคนไทยนั้นมีนิสัยอิงผู้นำ ไม่มีนิสัยอิงตนอย่างฝรั่ง ชนชาติเอเชียเราจะมีนิสัยเหมือนๆ กันเช่นนี้เสมอ
ที่ญี่ปุ่นเจริญมาได้ก็เพราะมีผู้นำที่ดี คือระบบจักรพรรดิและข้าราชการตงฉินที่รองรับ แม้วันนี้จะใช้ระบอบ ปชต. ในการปกครอง แต่การเฟ้นตัวผู้นำพรรคการเมืองก็ใช้ระบบคุณธรรม ไม่ใช่เป็นใครก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็มาชุบมือเปิบเป็นหัวหน้าพรรคได้ในบัดดลแบบไทยเรา (เพราะเอาเงินฟาดหัว)
เกาหลีก็เช่นกัน เจริญมาได้เพราะเผด็จการทหารสองคน คือ ปักจุงฮี และ ชุนดูฮวาน ที่ครองอำนาจ 20 ปี และสร้างประเทศขึ้นมาจนลืมตาอ้าปาก เพียงแต่ว่าทหารของเขามีวิสัยทัศน์และความรักชาติ ..ความรักชาติของเกาหลีนั้นเป็นที่เลื่องลือ มันล้นหลามจนกลายเป็นอคติสู่การเกลียดฝรั่ง เช่น ผู้หญิงเกาหลีคนไหนเดินกับฝรั่งจะได้รับการดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก แท็กซี่ก็มักไม่จอดรับฝรั่ง (ในช่วงนั้น ได้ข่าวว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว)
ส่วนเผด็จการทหารของไทยเราในช่วงเดียวกันกับเกาหลีนั้น ขาดทั้งวิสัยทัศน์และความรักชาติ แถมยังโกงกิน ที่สำคัญวิสัยทัศน์ของพวกท่านคือหันไปตามก้นฝรั่งลูกเดียว ไม่รู้จักคิดเองทำเอง ประเทศนี้ก็เลยไม่เกิดในเวทีโลกสักที อย่างมากก็แค่ขายของเก่ากินเช่นต้มยำกุ้งและทะเลสีคราม
ยิ่งตอนนี้หันมาใช้ประชาธิปไตยตามฝรั่ง ก็จะยิ่งเจ๊งกันไปใหญ่
อินเดียกับจีนก็น่าเปรียบเทียบกัน ..อินเดียใช้ประชาธิปไตย ส่วนจีนใช้เผด็จการ (ในหน้ากาก ปชต.พรรคเดียว) จะเห็นว่าจีนเริ่ม “เจริญ” กว่าอินเดียอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
มาเลเซีย สิงคโปร์ ก็สร้างชาติมาด้วยผู้นำที่เข้มแข็งคนเดียว (ในคราบ ปชต.) เช่นกัน ส่วนฟิลิปินส์เป็น ปชต.คล้ายไทยเรามาก แล้วดูสิ อะไรเกิดขึ้นกับประเทศนี้ ทั้งที่เคยมีการทำนายว่า ไทยกับฟิลิปินส์จะเป็นมหาอำนาจเอเชีย รายต่อจากญี่ปุ่น
ระบบการปกครองเป็นต้นน้ำของทุกอย่างที่จะตามมา คือ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เราคนไทยต้องร่วมกันสร้างระบบการปกครองที่สอดคล้องกับนิสัยคนไทยขึ้นมาให้จงได้ คือ ระบบคัดสรรผู้นำที่เก่งดีมีวิสัยทัศน์ขึ้นไปบริหารประเทศ
ถ้าจะแค่นใช้ประชาธิปไตยตามฝรั่ง ก็ต้องปรับวิธีการเสียก่อน ไม่ใช่ลอกเขาทั้งดุ้นแบบที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ แล้วก็บูชากันต่อไปว่าเสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์ (ที่ซื้อได้หรือหลอกได้)
การปรับวิธีการนั้นผมได้เคยเสนอไว้บ้างแล้วในบทความเก่าๆ เช่น ปรับได้ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
ต้นน้ำคือ ต้องมีการคัดเลือกผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยการวัดความรู้ทางการเมือง ไม่ใช่ใครที่ไหนที่มีอายุครบกำหนดก็มีสิทธิเลือกตั้งเหมือนกันและเท่ากันหมด อาจให้มีการสอบความรู้แล้วให้น้ำหนักการลงคะแนนเสียงตั้งแต่ 1-10 การสอบนี้ทำได้ง่ายมากและลงทุนน้อยมาก ไม่ได้ยากหรือแพงอย่างที่คิด ข้อสอบรั่วก็ไม่ต้องกลัว เพราะเราจะบอกข้อสอบพร้อมเฉลยทั้งหมดล่วงหน้าด้วยซ้ำไป
สำหรับวิธีกลางน้ำก็เช่น การเข้าสู่ตำแหน่งนายกรมต. อาจไม่จำเป็นต้องเอาพรรคเสียงข้างมากเสมอไป แต่ให้เอาพรรคที่มีคะแนนถึงระดับหนึ่งก็พอ เช่น 10% ของคะแนนทั้งหมด แล้วเอาหน.พรรคเหล่านี้เข้าไปให้ ส.ว.เลือกให้เป็นนายกฯ อีกที ซึ่งว่าที่นายกฯ ต้องโชว์วิสัยทัศน์อีกรอบ พร้อมการสอบประวัติ ผลงานในอดีต
ส่วน ส.ว.มีที่มาตามที่กฎหมายกำหนด เช่น เลือกเอามาจากคนที่มีประวัติผลงานดีเด่นและเป็นที่ยอมรับของสังคม แบบนี้ก็ถือเป็น ปชต.ทางอ้อม ที่แน่นอนกว่า ปชต.ทางตรงที่เลือกกันแบบสุกเอาเผากินเสียอีก
รายชื่อรมต.กระทรวงต่างๆ ที่นายกฯ เสนอ ก็ต้องได้รับการโหวตยอมรับจาก ส.ว.ด้วย รมต.ยี้จะได้หมดไปเสียที
ต้องมีระบบคานอำนาจแบบใหม่ที่ตัด “การเล่นพวกแบบไทยๆ” ออกไปให้ได้ เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้นให้ทำโดย ส.ส. ส่วน ส.ว.ทำหน้าที่โหวต แบบนี้รัฐบาลเสียงข้างน้อยก็มีเสถียรภาพได้ (ถ้าทำดีถูกใจ ส.ว.) ตรงข้าม..ต่อให้พรรคมี ส.ส.ล้นหลาม แต่ถ้าทำเลว ก็อาจถูก ส.ว.โหวตไม่ไว้วางใจได้
ส่วนปลายน้ำนั้นได้มีการทำอยู่แล้วคือขั้นตอนการติดตามตรวจสอบการทำงาน การทุจริตของนักการเมืองนั่นเอง
ถ้าปรับมาใช้วิธีการ ปชต.แบบนี้ มันจะสอดคล้องกับลักษณะนิสัยของคนไทย ที่มีนิสัยอิงนาย อิงกลุ่ม แต่ไม่อิงตนแบบฝรั่ง
ด้วยวิธีการเช่นที่เสนอนี้เชื่อว่า เราจะได้รัฐบาลที่เก่ง ดี มีเสถียรภาพเข้าไปบริหารประเทศ แล้วสร้างประเทศไทยให้เป็นมหาอำนาจโลกได้ในเร็ววันแน่นอน เนื่องเพราะเรามีเชื้อพันธุ์จากบรรพชนที่ดีอยู่แล้ว