ASTVผู้จัดการ – “กอร์ปศักดิ์” รับน้อง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ด้วยของหนัก ระบุนโยบายเงินเดือน ป.ตรี 15,000 บาท ที่เพื่อไทยใช้หาเสียง ทำได้แค่ภาครัฐ บังคับภาคเอกชนไม่ได้ แต่ถ้าขึ้นเงิน ขรก.จริง ก็จะต้องใช้ภาษีเพิ่มอีก 2 แสนล้านบาท จากเดิมที่จ่ายอยู่แล้วกว่า 5 แสนล้าน
วานนี้ (8 ส.ค.) นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนบทความในหัวข้อ “15,000 ชอบมั้ยค้าาา” ในเฟซบุ๊ก Korbsak Sabhavasu โดยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายขึ้นเงินเดือนสำหรับผู้ที่จบวุฒิปริญญาตรี 15,000 บาท ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบ รวมทั้งตนด้วย เพราะอยากให้ลูกหลานเรียนจบแล้วทำงานเลี้ยงตัวเองได้เสียที แต่จากประสบการณ์ของตนที่ผ่านมา เงินเดือนเริ่มต้นภาคเอกชนไม่เท่ากัน เพราะบริษัทเอกชนมีอิสระในการว่าจ้างพนักงาน เงินเดือนจะแตกต่างกันไป คุณสมบัติของผู้สมัครต้องตรงกับที่บริษัทอยากได้เงินเดือนจึงจะดี
อย่างไรก็ตาม นายกอร์ปศักดิ์ ให้ความเห็นว่า แม้นโยบายจบปริญญาตรีได้เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาทต่อเดือน จะดูดี แต่ทำให้เป็นจริงไม่ได้ เพราะรัฐไม่มีสิทธิกำหนดว่าภาคเอกชนจะจ้างแบบไหน อย่างไร และเท่าไหร่ ขนาดค่าแรงขั้นต่ำก็ต้องผ่านคณะกรรมการไตรภาคี ถ้าจะให้เครดิต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายในฐานะผู้คิด ก็อาจแก้ต่างแทนได้ว่า นโยบายดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ หมายถึงเงินเดือนปริญญาตรี เฉพาะผู้ที่จะได้บรรจุเป็นข้าราชการเท่านั้น โปสเตอร์หาเสียงพื้นที่มีไม่พอ จึงไม่ได้ระบุว่าให้เฉพาะข้าราชการ และที่ไม่ได้ชี้แจง
นายกอร์ปศักดิ์ ยังอธิบายต่อ โดยหยิบยกบัญชีเงินเดือนข้าราชการ สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรีในปัจจุบันซึ่งระบุว่าปริญญาตรีเริ่มที่ 9,140 บาท ในปีที่ 1 และ 15,107 บาท ในปีที่ 9 และอธิบายต่อว่า ถ้าจะปรับจุดเริ่มต้นจาก 9,140 บาท เป็น 15,000 บาทตามนโยบาย หมายถึงปรับเพิ่มอีกประมาณร้อยละ 60 ก็ต้องปรับส่วนที่เหลือให้สอดคล้องกันไป โดยจะปรับเฉพาะคนที่บรรจุใหม่ไม่ได้แน่นอน ซึ่งการขึ้นเงินเดือนถ้าจะทำเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน ข้อเสียคือประเทศมีเงินภาษีไม่เพียงพอที่จะมาจ่าย เพราะปัจจุบันมีการจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ปีละ 428,000 ล้านบาท ไม่รวมเงินค่าครองชีพ ค่าบ้านเช่า ค่าสวัสดิการต่างๆ อีกกว่าแสนล้านต่อปี
“ถ้าปรับบัญชีเงินเดือนโดยยกระดับประญญาตรี 9,140 เป็น 15,000 คาดว่า ต้องใช้เงินอีกร่วม 200,000 ล้านบาทต่อปี สำหรับท่านที่ไม่เคยเชื่อนโยบายนี้ สามารถบอกเพื่อนข้างเคียงได้ว่า ฉันบอกคุณแล้ว (I've told you so) แต่ถ้าท่านเชื่อทักษิณ อีกไม่นานเกินรอ ท่านจะได้แค่คิดในใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นี่ สุดแสบจริงๆ ที่เจ็บปวดกว่านั้น คือ แทนที่จะยอมรับว่าทำตามสัญญาไม่ได้ (campaign promise broken) กลับเริ่มมีคำพูดว่า ที่พี่น้องได้ยินได้ฟังมานั้น เป็นเพียงเทคนิคของการหาเสียงเท่านั้น น่าสงสารการเมืองบ้านเราครับ” นายกอร์ปศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย
