ASTVผู้จัดการรายวัน-"มาร์ค"หนุน"ยิ่งลักษณ์"จัดตั้งรัฐบาลเร็ว แนะเร่งแก้ปัญหาปากท้องก่อนรื้อคดี "แม้ว" หวั่นเกิดปมขัดแย้งในประเทศอีก แต่ไม่พูดชัดจะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งหรือไม่ "ชวน"เชียร์ให้นั่งหัวหน้าพรรคต่อ ท้ารัฐบาลใหม่ไล่ล่า เช็กบิล "มาร์ค-เทือก-ปชป." ได้เต็มที่ พร้อมพิสูจน์ความจริง "ชูวิทย์"ยื่นดอกไม้ให้กำลังใจ"มาร์ค" ปลอบใจเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล ดักคอ ครม.ปูจ๋า อย่าเอาลูกผัวตัวเมียมาเป็นรัฐมนตรี ไม่หวั่นปะทะฝีปาก "เต้น-ตู่" เหน็บไม่ใช่สภาโจ๊ก
เมื่อเช้าวานนี้ ( 5 ก.ค.) นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยได้เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาเข้าพบประมาณ 30 นาที
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า นางคริสตี้ ได้มาแสดงความขอบคุณในการที่ได้ทำงานในส่วนที่เกี่ยวของในช่วงที่เป็นรัฐบาล และได้ดูและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งในประเด็นที่เกี่ยวกับภูมิภาค และเรื่องของการเลือกตั้ง ซึ่งผ่านพ้นไปด้วยดี ทำให้เกิดความมั่นใจในกระบวนการในประชาธิปไตยของไทย โดยตนได้ยืนยันว่า การตัดสินใจยุบสภา เพื่อให้กระบวนการนี้ปรากฏชัดต่อชาวโลกว่า ประเทศไทยสามารถเดินไปได้ในภาพรวม ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่เรียบร้อย ผลการเลือกตั้งก็มีความชัดเจนที่ทำให้บ้านเมืองเดินไปได้
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้สอบถามว่า มีอะไรที่ห่วงใยหรือไม่ ตนได้บอกว่า ก็มีเพียงแค่ว่า ถ้ารัฐบาลใหม่ไม่เดินหน้าทำในสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการ หรือแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน หรือไปทำอะไรที่ทำให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพ หรือความวุ่นวาย โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือเรื่องของการที่พยายามเปลี่ยนแปลง ลบล้าง คำพิพากษาของศาล ก็จะเป็นความเสี่ยงของประเทศ ซึ่งก็หวังว่ารัฐบาลจะไม่ทำสิ่งเหล่านั้น แต่จะเดินหน้าแก้ปัญหาของประชาชน
เมื่อถามว่า รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะเดินหน้าอย่างไร เพื่อให้เกิดความปรองดองอย่างแท้จริง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอย้ำว่า ขอให้เดินหน้าแก้ปัญหาของประชาชน อย่าทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อความวุ่นวายอีกกับการเอาเรื่องเก่าๆ เข้ามา ส่วนเรื่องการรัฐประหาร ทางต่างประเทศก็ไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็น หรือพูดคุยในเรื่องนี้ ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่คนกุกันขึ้นมาเท่านั้น
เมื่อถามว่า มองความจริงใจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไร ที่ได้ประกาศ ว่า สร้างความสามัคคีของคนในชาติ เป็นวาระแรก โดยให้คณะกรรมการชุด นายคณิต ณ นคร เป็นผู้ดูแล อย่างอิสระ จะสามารถเชื่อถือได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ดีใจที่ทางรัฐบาลจะไว้วางใจคณะกรรมการชุดของนายคณิต เพราะวันที่ตนตั้งขึ้นมา ก็มีหลายฝ่ายพยายามบอกว่า ไม่เป็นกลาง ตนคิดว่านายคณิต กับคณะได้ทำงานไประดับหนึ่ง ได้รับการยอมรับมากขึ้น และตอนนี้หากสนับสนุนให้ทำงานอย่างอิสระ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
** "มาร์ค"ย้ำปรองดอง ไม่ใช่นิรโทษ
ส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชูเรื่องความปรองดอง เป็นวาระแห่งชาติ แต่นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำเสื้อแดง ที่กำลังจะเป็นว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ กลับบอกว่าต้องเอาคนผิดในกรณีที่เกิดการก่อการจลาจลมาลงโทษ หรือต้องให้คนที่ติดคุกออกมาให้ได้ทั้งหมด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มี 2 เรื่อง ที่ตนอยากจะฝากเป็นข้อคิดถึงรัฐบาลใหม่ ข้อแรก คือ การปรองดอง ไม่ใช่เรื่องการนิรโทษกรรม นายคณิต ก็ได้พูดค่อนข้างชัดว่า การปรองดองไม่ใช่เรื่องนิรโทษกรรม ฉะนั้น อย่าเอา 2 เรื่องนี้ มาปะปนกัน บังเอิญตนก็เห็นข่าวใน CNN ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดถึงเรื่องความเป็นไปได้ ที่เหมือนกับการจะไปรื้อคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ตนอยากฝากบอกว่า อย่าทำเลยครับ วันนี้ประชาชนได้ให้ความไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาแก้ปัญหาอื่น ถ้านำเรื่องนี้กลับเข้ามา ก็จะเป็นปมความขัดแย้งของประเทศชาติบ้านเมือง
ข้อ 2 เป็นเรื่องของการที่จะต้นหาความจริง ความรับผิดชอบในเหตุการณ์ต่างๆ ตนคิดว่าเป็นหลักการที่ทางรัฐบาลของตนได้ให้ไว้อยู่แล้ว แต่ต้องเข้าใจว่า ในขณะที่ตนทำเรื่องนี้ ตนไม่เคยมีธง แต่ถ้าหากรัฐบาลชุดนี้มีแกนนำเสื้อแดง ซึ่งเป็นส.ส.มาชี้ธงอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องสรุปอย่างนั้น อย่างนี้ มันจะทำลายกระบวนการที่จะหาความจริง อย่างเป็นอิสระ
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุว่า จะไม่มีนิรโทษกรรมเพื่อใครคนใดคนหนึ่งตามนโยบายของพรรค นายกรัฐมนตรี มองคำพูดนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าไปเล่นคำเลยครับ เรื่องว่า เพื่อคนใดคนหนึ่ง เมื่อการปรองดองที่แท้จริง ไม่ใช่เรื่องการนิรโทษกรรมคดีทุจริต คดีอาญา ก็อย่าไปทำ คือ ถ้าอยากจะช่วยคนหนึ่ง แต่บอกว่าไม่ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง ก็เลยไปช่วยอีกสักคนหนึ่ง มันก็ไม่ต่างจากเดิม เพียงแต่ว่า ลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้นเอง อย่าไปทำเลยครับ
**เตือนโยกย้ายข้าราชการต้องมีเหตุผล
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความเห็นได้ชัด เช่น ในส่วนของราชการ ก็ได้มีการเตรียมรับสภาพในการถูกโยกย้าย อย่างกรณี ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็เตรียมรับสภาพ หากตนเองถูกโยกย้าย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า การจะโยกย้ายข้าราชการ ก็ต้องมีเหตุมีผล แต่ขณะนี้ อย่าเพิ่งไปสรุปล่วงหน้า อยากจะฝากข้อคิดไว้ว่า จริงๆ แล้ว ปัญหาของประชาชน เป็นเรื่องอื่นทั้งนั้น ขณะนี้หากจะปล่อยให้คณะกรรมการอิสระ เดินหน้าต่อ ก็ดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่รัฐบาลควรจะใส่ใจตอนนี้ ควรจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ และปากท้อง
เมื่อถามว่า เรื่องเศรษฐกิจ และปากท้อง เป็นเรื่องที่ถูกวางไว้เป็นวาระที่ 3 จากเรื่องของวาระปรองดอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หวังว่า เขาคงจะเปลี่ยน เพราะยังไม่ได้มีการตั้งอย่างเป็นทางการ หวังว่าพอถึงเวลาที่จะแถลงนโยบาย จะได้มีการปรับแนวคิดตรงนี้ สักนิดหนึ่ง ตนหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น
**ตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อแม้ว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ 5 พรรคการเมือง มาจับขั้วกับพรรคเพื่อไทยได้เร็วผิดปกติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งอย่างนี้ ก็ควรจะเร็ว ตนก็อยากให้ตั้งรัฐบาลเร็ว เพราะประเทศไม่ควรจะอยู่ในสภาพซึ่งไม่มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มอยู่นาน
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะบริหารงานไม่ให้อยู่ภายใต้อิทธิพลของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นพี่ชาย ได้หรือไม่ เพราะในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังมีการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถึงวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องมาเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นรัฐบาลให้พี่ชาย
** ไม่จำเป็นต้องเสนอชื่อนายกฯแข่ง"ปู"
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หากถึงวันเปิดสภาผู้แทนราษฎร อาจจะมีการเสนอชื่อเป็นตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังทันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่ที่ประชุม ส.ส. แต่ตนคิดว่า หลักการที่ผ่านมา ถ้าพรรคที่อันดับ 1 ได้เสียงเกินครึ่ง ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเสนอชื่อไปแข่งอยู่แล้ว เพราะว่ามันก็ชัดเจนอยู่แล้ว รวมถึงกรณีของประธานสภาฯ ด้วย ตนเข้าใจว่าเมื่อเสียงของพรรคข้างมากเกินครึ่งก็ไม่มีความจำเป็น
**ยังอุบเรื่องกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค
เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงภายในของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเกิดขึ้น คิดว่าจะส่งผลอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้แสดงความรับผิดชอบ เพราะคิดว่าเป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้อง 2 เรื่อง คือ 1.หัวหน้าองค์กร เมื่อองค์กรทดถอย ซึ่งวัดจากคะแนนเสียง ก็ควรแสดงความรับผิดชอบ 2.เป็นเรื่องที่ตนพูดไว้แล้ว ส่วนขณะนี้ก็เป็นไปตามกระบวนการของพรรค ซึ่งมีเวลา 90 วัน ตนคิดว่าพรรคควรที่จะใช้เวลานี้ในการทบทวนอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ควรจะรีบมีข้อสรุปอะไร
เมื่อถามว่า ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พูดทำนองว่า จะไม่กลับมาเป็นเลขาธิการพรรคอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้คุยกัน ซึ่งเวลานี้ไม่ใช่เรื่องของตน และนายสุเทพ แต่เป็นเรื่องของสมาชิกพรรค
เมื่อถามว่า หากที่ประชุมมีเสียงสนับสนุนให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง จะรับหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ ตอนนี้อยากให้เป็นเรื่องคนอื่นมากกว่า ให้พรรคเป็นคนคิด ให้สมาชิกพรรคได้พูดคุยกันอย่างอิสระ เพราะการจะไปพูดอะไร จะไม่เป็นประโยชน์เท่าไร และจะทำให้เกิดความรู้สึก ตนว่าสมาชิกพรรคควรใช้เวลานี้ในการทบทวนด้วยเหตุด้วยผล และแนวทางต่างๆ ที่ทำมา และเขาจะต้องตกผลึก และอาจจะมีคนที่อาสาตัว ซึ่งเราจะคอยดู โดยองค์กร ไม่ควรจะผูกพันกับตัวบุคคล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่แพ้เลือกตั้งเกิดจากปัจจัยอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอไม่ให้ความเห็น สมาชิกทุกคนควรจะทำ เพราะตนได้ลาออก ถอยออกมาเพื่อให้สมาชิกเปิดกว้างทางความคิด เพราะฉะนั้นไม่ควรมาถามความเห็นตน
** "ชวน"เชียร์"มาร์ค"เป็นหัวหน้าต่อ
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยที่นายอภิสิทธิ์ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพราะการเป็นนักการเมืองอาชีพ จะต้องรักษาคำพูด ซึ่งต่อไปสมาชิกพรรคจะเลือกใครนั้น ยังไม่ได้คุยกับนายอภิสิทธิ์ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่า คนที่เหมาะที่สุดที่จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป แม้จะมีคนเหมาะสมหลายคน แต่คนที่เหมาะสมที่สุด ยังเป็นนายอภิสิทธิ์อยู่ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค และเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหารอยร้าวในพรรคเหมือนในอดีต เพราะเชื่อว่าคนในพรรคส่วนใหญ่ จะเห็นใจหัวหน้าพรรค ที่ได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชื่อนายชวน เป็นหัวหน้าพรรค จะรับหรือไม่ นายชวนตอบสวนปนหัวเราะว่า ไม่รับครับ ผมชัดเจน ไม่มีเงื่อนไข จ้างก็ไม่รับ ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมยังไม่ได้พูดคุยกับนายสุเทพ จึงไม่อยากพูด ควรให้กรรมการตอบดีกว่า แต่เลขาธิการพรรค ไม่ใช่ตำแหน่งที่เราจะไปกำหนดได้ ตามข้อบังคับ จะให้หัวหน้าพรรคเสนอตัวบุคคลเข้ามา
เมื่อถามว่ามีคำแนะนำถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯหญิงหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ไม่มีอะไรแนะนำครับ เมื่อถามว่ารัฐบาลใหม่จะอยู่ครบเทอม 4 ปี หรือไม่ นายชวนกล่าวเลี่ยงว่า สภามีวาระ 4 ปี
** ไม่หวั่นถูก"เพื่อแม้ว"ตามเช็กบิล
เมื่อถามว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์จากนี้ จะยากลำบากหรือไม่ เพราะอาจมีการไล่ล่าเช็คบิล นายชวน กล่าวว่า ความจริงผมอยากให้ทำนะ หากรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ทำอะไรไม่ถูกต้อง เช่น สั่งฆ่า 91 ศพจริงหรือไม่ ก็เป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้กล่าวหา ที่เข้ามาเป็นรัฐบาลจะติดตามให้ชัดเจน ถ้าปรากฏว่าเป็นความจริง ก็ต้องดำเนินคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ หรือใครก็ตาม ถ้าสั่งฆ่าจริง ก็เป็นโอกาสอันดี ดังนั้นปัญหาหลายเรื่องที่เป็นข้อกล่าวหา ก็จะได้มีการพิสูจน์ ส่วนการไล่ล่าผมเห็นด้วย ถ้าสมมุติว่ามีใครทำผิดก็ควรไล่ล่าว่าเขาได้ทำตามข้อกล่าวหาจริงหรือไม่ เพราะอำนาจก็อยู่ที่รัฐบาลแล้ว หลักคือใครละเมิดกฎหมายคนนั้นต้องรับผิดชอบ ดังนั้นถ้าเขารู้ว่ามีใครทำผิดกฎหมาย เขาก็ตามจัดการ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องรังแกอะไรทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า นพ.เหวง โตจิราการ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ระบุแกนนำคนเสื้อแดงและแนวร่วมที่ถูกจองจำในคุกควรได้ออกมา นายชวน กล่าวว่า อยู่ที่อำนาจศาล ไม่ได้อยู่ที่อำนาจรัฐบาล ที่ผ่านมาในสมัยของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เราก็ได้ย้ำว่าอย่าทำอะไรนอกกฎหมาย ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นหากมีใครละเมิดกฎหมาย หน้าที่ของรัฐบาลใหม่ไม่ถือว่าเป็นการไล่ล่า แต่เป็นการจัดการให้ถูกต้อง ถ้ามีคนทำผิดก็ต้องจัดการ
**"ชูวิทย์"จ้องสอบคุณสมบัติครม.ปูจ๋า
วันเดียวกันนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่ นายอภิสิทธิ์ โดยมีนายเชน เทือกสุบรรณ ว่าที่ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เป็นผู้รับดอกไม้แทน โดยนายชูวิทย์ให้สัมภาษณ์ว่า มาเพื่อจะขอคำปรึกษาในฐานะที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ซึ่งถือว่าการทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่ได้เสียหายอะไร สามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติได้ คนจะกระแหนะกระแหนตนอย่างไรก็ไม่สนใจ
"งานแรกในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน คือ การตรวจสอบคุณสมบัติ “ครม.ปูจ๋า” รัฐมนตรีรายบุคคล ว่า มีการนำเอาคนในครอบครัวมาเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ และถ้าเป็นอย่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯ ระบุว่า จะไม่เป็นดีเอ็นเอโคลนนิง จะตั้ง ครม.ชุดนี้ ด้วยความรู้ความสามารถเป็นหลัก ไม่ใช่ใช้ระบบโควตา 7 ต่อ 1 เพราะทันทีที่ใช้ระบบนี้ จะเจาะลึกรัฐมนตรีเรียงตัว โดยเฉพาะกระทรวงพลังงานของชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และกระทรวงเกษตรฯ ของพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งนี้ เชื่อว่า ประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดี เผลอๆ ครม.ปูจ๋า อาจอยู่ไม่ถึง 6 เดือนก็ได้"นายชูวิทย์กล่าว
**ไม่ใช่สภาโจ๊กอย่าเอาแดงเป็นรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า เมื่อเข้าสภาแล้วต้องไปปะทะฝีปากกับนปช.ไม่ว่าจะเป็น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ หนักใจหรือ นายชูวิทย์ กล่าวว่า สมัยตนที่เป็นฝ่ายค้าน 2548 นายณัฐวุฒิ ยังอยู่ในสภาโจ๊กอยู่เลย นายจตุพร ยังเป็นวุ้น ไม่รู้ขี่รถกระบะอยู่หรือเปล่า แต่ตนเป็นถึงดาวสภา วันนี้เมื่อคุณได้เข้ามาเป็น ส.ส.ตนขอเตือน และเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยคงไม่เอาเสื้อแดงมาเป็นรัฐมนตรี
**ฝากเนื้อฝากตัวนายหัว"ชวน"
จากนั้น นายชูวิทย์ ได้ขึ้นไปพบ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ที่ห้องทำงานชั้น 3 ตึก ควง อภัยวงศ์ โดย นายชูวิทย์ ได้กล่าวกับนายชวน ว่า ตนมาให้กำลังใจกับนายอภิสิทธิ์ ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพราะตนตั้งใจมาเป็นฝ่ายค้าน เพราะสามารถมาทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้และนายอภิสิทธิ์ก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศอีกมาก ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ข้องใจว่าพรรคที่เคยจับมือกับประชาธิปัตย์ วันนี้กลับไปร่วมรัฐบาล ไม่เข้าใจว่าเขาจะเป็นแต่ฝ่ายรัฐบาลอย่างไร ซึ่งการจะมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านร่วมกันก็จะต้องมาหารือกันว่าจะทำอย่างไร
ทั้งนี้ นายชวน ได้กล่าวแสดงความยินดีที่นายชูวิทย์ได้มาเป็น ส.ส.และเห็นว่า พรรคการเมืองต้องเป็นได้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ พรรคที่ได้เสียงข้างมากก็เป็นรัฐบาล พรรคที่ได้เสียงน้อยก็เป็นฝ่ายค้านก็ธรรมดา แต่เราควรทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดซึ่งการทำงานร่วมกันต้องรอให้สภาเปิดก่อน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยที่นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่คนที่จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านควรจะเป็นนายอภิสิทธิ์
**ท้าคนหน้าเหลี่ยมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ทวิตเตอร์ ผ่าน @korbsak ว่า ผมรับได้กับผลการเลือกตั้ง ไม่ใช่องุ่นเปรี้ยว แต่อยากเห็นฝีมือคนหน้าเหลี่ยมในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ให้เห็นกันจะจะ เก่งจริงหรือเก่งเทียม และ "campaign promise สองเรื่องใหญ่ 300 บาท ค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศทันที 15,000 บาทต่อตัน รับซื้อข้าวเปลือกทั่วประเทศ ถ้าทำได้ถือว่าสุดยอด" นอกจากนี้ สำหรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เอกชนจะไม่ยอม เรื่องนี้คงพับไป โครงการรับจำนำข้าวของชาวนา 15,000 บาท ก็คงไม่ต่าง และมองไม่ออกว่าหน้าตาเงินเฟ้อในอนาคตของเราจะเป็นอย่างไร
**โวย"ปูแดง"บ้าอำนาจส่งตร.ปิดคลื่น 90.25
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. มีการดำเนินการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งไม่ชัดว่าสังกัดใด ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชนปกป้องสถาบันฯ คลื่นความถี่ 90.25 ซึ่งมีที่ตั้งอาคารบริเวณย่านประตูน้ำ มีนายสมพร หลงจิ เป็นผู้ดำเนินรายการ พร้อมตรวจยึดเสาเครื่องส่งสัญญาณไว้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ถือเป็นกรณีแรกที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้ง ใช้อิทธิพลคุกคามสื่อที่ไม่ใช่ข้างของตัวเอง เพราะเป็นที่เข้าใจตรงกันว่า สถานีวิทยุชุมชนแห่งนี้ มีนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนอยู่
ทั้งนี้ หมายความว่า พรรคเพื่อไทยเพิ่งได้เข้ามาเป็นแกนนำในการจัดรัฐบาลได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง ก็เริ่มปฏิบัติการปิดสื่อที่ไม่อยู่ข้างตัวเอง
เมื่อเช้าวานนี้ ( 5 ก.ค.) นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยได้เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาเข้าพบประมาณ 30 นาที
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า นางคริสตี้ ได้มาแสดงความขอบคุณในการที่ได้ทำงานในส่วนที่เกี่ยวของในช่วงที่เป็นรัฐบาล และได้ดูและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งในประเด็นที่เกี่ยวกับภูมิภาค และเรื่องของการเลือกตั้ง ซึ่งผ่านพ้นไปด้วยดี ทำให้เกิดความมั่นใจในกระบวนการในประชาธิปไตยของไทย โดยตนได้ยืนยันว่า การตัดสินใจยุบสภา เพื่อให้กระบวนการนี้ปรากฏชัดต่อชาวโลกว่า ประเทศไทยสามารถเดินไปได้ในภาพรวม ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่เรียบร้อย ผลการเลือกตั้งก็มีความชัดเจนที่ทำให้บ้านเมืองเดินไปได้
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้สอบถามว่า มีอะไรที่ห่วงใยหรือไม่ ตนได้บอกว่า ก็มีเพียงแค่ว่า ถ้ารัฐบาลใหม่ไม่เดินหน้าทำในสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการ หรือแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน หรือไปทำอะไรที่ทำให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพ หรือความวุ่นวาย โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือเรื่องของการที่พยายามเปลี่ยนแปลง ลบล้าง คำพิพากษาของศาล ก็จะเป็นความเสี่ยงของประเทศ ซึ่งก็หวังว่ารัฐบาลจะไม่ทำสิ่งเหล่านั้น แต่จะเดินหน้าแก้ปัญหาของประชาชน
เมื่อถามว่า รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะเดินหน้าอย่างไร เพื่อให้เกิดความปรองดองอย่างแท้จริง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอย้ำว่า ขอให้เดินหน้าแก้ปัญหาของประชาชน อย่าทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อความวุ่นวายอีกกับการเอาเรื่องเก่าๆ เข้ามา ส่วนเรื่องการรัฐประหาร ทางต่างประเทศก็ไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็น หรือพูดคุยในเรื่องนี้ ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่คนกุกันขึ้นมาเท่านั้น
เมื่อถามว่า มองความจริงใจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไร ที่ได้ประกาศ ว่า สร้างความสามัคคีของคนในชาติ เป็นวาระแรก โดยให้คณะกรรมการชุด นายคณิต ณ นคร เป็นผู้ดูแล อย่างอิสระ จะสามารถเชื่อถือได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ดีใจที่ทางรัฐบาลจะไว้วางใจคณะกรรมการชุดของนายคณิต เพราะวันที่ตนตั้งขึ้นมา ก็มีหลายฝ่ายพยายามบอกว่า ไม่เป็นกลาง ตนคิดว่านายคณิต กับคณะได้ทำงานไประดับหนึ่ง ได้รับการยอมรับมากขึ้น และตอนนี้หากสนับสนุนให้ทำงานอย่างอิสระ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
** "มาร์ค"ย้ำปรองดอง ไม่ใช่นิรโทษ
ส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชูเรื่องความปรองดอง เป็นวาระแห่งชาติ แต่นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำเสื้อแดง ที่กำลังจะเป็นว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ กลับบอกว่าต้องเอาคนผิดในกรณีที่เกิดการก่อการจลาจลมาลงโทษ หรือต้องให้คนที่ติดคุกออกมาให้ได้ทั้งหมด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มี 2 เรื่อง ที่ตนอยากจะฝากเป็นข้อคิดถึงรัฐบาลใหม่ ข้อแรก คือ การปรองดอง ไม่ใช่เรื่องการนิรโทษกรรม นายคณิต ก็ได้พูดค่อนข้างชัดว่า การปรองดองไม่ใช่เรื่องนิรโทษกรรม ฉะนั้น อย่าเอา 2 เรื่องนี้ มาปะปนกัน บังเอิญตนก็เห็นข่าวใน CNN ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดถึงเรื่องความเป็นไปได้ ที่เหมือนกับการจะไปรื้อคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ตนอยากฝากบอกว่า อย่าทำเลยครับ วันนี้ประชาชนได้ให้ความไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาแก้ปัญหาอื่น ถ้านำเรื่องนี้กลับเข้ามา ก็จะเป็นปมความขัดแย้งของประเทศชาติบ้านเมือง
ข้อ 2 เป็นเรื่องของการที่จะต้นหาความจริง ความรับผิดชอบในเหตุการณ์ต่างๆ ตนคิดว่าเป็นหลักการที่ทางรัฐบาลของตนได้ให้ไว้อยู่แล้ว แต่ต้องเข้าใจว่า ในขณะที่ตนทำเรื่องนี้ ตนไม่เคยมีธง แต่ถ้าหากรัฐบาลชุดนี้มีแกนนำเสื้อแดง ซึ่งเป็นส.ส.มาชี้ธงอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องสรุปอย่างนั้น อย่างนี้ มันจะทำลายกระบวนการที่จะหาความจริง อย่างเป็นอิสระ
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุว่า จะไม่มีนิรโทษกรรมเพื่อใครคนใดคนหนึ่งตามนโยบายของพรรค นายกรัฐมนตรี มองคำพูดนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าไปเล่นคำเลยครับ เรื่องว่า เพื่อคนใดคนหนึ่ง เมื่อการปรองดองที่แท้จริง ไม่ใช่เรื่องการนิรโทษกรรมคดีทุจริต คดีอาญา ก็อย่าไปทำ คือ ถ้าอยากจะช่วยคนหนึ่ง แต่บอกว่าไม่ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง ก็เลยไปช่วยอีกสักคนหนึ่ง มันก็ไม่ต่างจากเดิม เพียงแต่ว่า ลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้นเอง อย่าไปทำเลยครับ
**เตือนโยกย้ายข้าราชการต้องมีเหตุผล
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความเห็นได้ชัด เช่น ในส่วนของราชการ ก็ได้มีการเตรียมรับสภาพในการถูกโยกย้าย อย่างกรณี ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็เตรียมรับสภาพ หากตนเองถูกโยกย้าย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า การจะโยกย้ายข้าราชการ ก็ต้องมีเหตุมีผล แต่ขณะนี้ อย่าเพิ่งไปสรุปล่วงหน้า อยากจะฝากข้อคิดไว้ว่า จริงๆ แล้ว ปัญหาของประชาชน เป็นเรื่องอื่นทั้งนั้น ขณะนี้หากจะปล่อยให้คณะกรรมการอิสระ เดินหน้าต่อ ก็ดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่รัฐบาลควรจะใส่ใจตอนนี้ ควรจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ และปากท้อง
เมื่อถามว่า เรื่องเศรษฐกิจ และปากท้อง เป็นเรื่องที่ถูกวางไว้เป็นวาระที่ 3 จากเรื่องของวาระปรองดอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หวังว่า เขาคงจะเปลี่ยน เพราะยังไม่ได้มีการตั้งอย่างเป็นทางการ หวังว่าพอถึงเวลาที่จะแถลงนโยบาย จะได้มีการปรับแนวคิดตรงนี้ สักนิดหนึ่ง ตนหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น
**ตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อแม้ว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ 5 พรรคการเมือง มาจับขั้วกับพรรคเพื่อไทยได้เร็วผิดปกติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งอย่างนี้ ก็ควรจะเร็ว ตนก็อยากให้ตั้งรัฐบาลเร็ว เพราะประเทศไม่ควรจะอยู่ในสภาพซึ่งไม่มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มอยู่นาน
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะบริหารงานไม่ให้อยู่ภายใต้อิทธิพลของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นพี่ชาย ได้หรือไม่ เพราะในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังมีการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถึงวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องมาเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นรัฐบาลให้พี่ชาย
** ไม่จำเป็นต้องเสนอชื่อนายกฯแข่ง"ปู"
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หากถึงวันเปิดสภาผู้แทนราษฎร อาจจะมีการเสนอชื่อเป็นตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังทันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่ที่ประชุม ส.ส. แต่ตนคิดว่า หลักการที่ผ่านมา ถ้าพรรคที่อันดับ 1 ได้เสียงเกินครึ่ง ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเสนอชื่อไปแข่งอยู่แล้ว เพราะว่ามันก็ชัดเจนอยู่แล้ว รวมถึงกรณีของประธานสภาฯ ด้วย ตนเข้าใจว่าเมื่อเสียงของพรรคข้างมากเกินครึ่งก็ไม่มีความจำเป็น
**ยังอุบเรื่องกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค
เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงภายในของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเกิดขึ้น คิดว่าจะส่งผลอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้แสดงความรับผิดชอบ เพราะคิดว่าเป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้อง 2 เรื่อง คือ 1.หัวหน้าองค์กร เมื่อองค์กรทดถอย ซึ่งวัดจากคะแนนเสียง ก็ควรแสดงความรับผิดชอบ 2.เป็นเรื่องที่ตนพูดไว้แล้ว ส่วนขณะนี้ก็เป็นไปตามกระบวนการของพรรค ซึ่งมีเวลา 90 วัน ตนคิดว่าพรรคควรที่จะใช้เวลานี้ในการทบทวนอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ควรจะรีบมีข้อสรุปอะไร
เมื่อถามว่า ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พูดทำนองว่า จะไม่กลับมาเป็นเลขาธิการพรรคอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้คุยกัน ซึ่งเวลานี้ไม่ใช่เรื่องของตน และนายสุเทพ แต่เป็นเรื่องของสมาชิกพรรค
เมื่อถามว่า หากที่ประชุมมีเสียงสนับสนุนให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง จะรับหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ ตอนนี้อยากให้เป็นเรื่องคนอื่นมากกว่า ให้พรรคเป็นคนคิด ให้สมาชิกพรรคได้พูดคุยกันอย่างอิสระ เพราะการจะไปพูดอะไร จะไม่เป็นประโยชน์เท่าไร และจะทำให้เกิดความรู้สึก ตนว่าสมาชิกพรรคควรใช้เวลานี้ในการทบทวนด้วยเหตุด้วยผล และแนวทางต่างๆ ที่ทำมา และเขาจะต้องตกผลึก และอาจจะมีคนที่อาสาตัว ซึ่งเราจะคอยดู โดยองค์กร ไม่ควรจะผูกพันกับตัวบุคคล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่แพ้เลือกตั้งเกิดจากปัจจัยอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอไม่ให้ความเห็น สมาชิกทุกคนควรจะทำ เพราะตนได้ลาออก ถอยออกมาเพื่อให้สมาชิกเปิดกว้างทางความคิด เพราะฉะนั้นไม่ควรมาถามความเห็นตน
** "ชวน"เชียร์"มาร์ค"เป็นหัวหน้าต่อ
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยที่นายอภิสิทธิ์ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพราะการเป็นนักการเมืองอาชีพ จะต้องรักษาคำพูด ซึ่งต่อไปสมาชิกพรรคจะเลือกใครนั้น ยังไม่ได้คุยกับนายอภิสิทธิ์ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่า คนที่เหมาะที่สุดที่จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป แม้จะมีคนเหมาะสมหลายคน แต่คนที่เหมาะสมที่สุด ยังเป็นนายอภิสิทธิ์อยู่ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค และเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหารอยร้าวในพรรคเหมือนในอดีต เพราะเชื่อว่าคนในพรรคส่วนใหญ่ จะเห็นใจหัวหน้าพรรค ที่ได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชื่อนายชวน เป็นหัวหน้าพรรค จะรับหรือไม่ นายชวนตอบสวนปนหัวเราะว่า ไม่รับครับ ผมชัดเจน ไม่มีเงื่อนไข จ้างก็ไม่รับ ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมยังไม่ได้พูดคุยกับนายสุเทพ จึงไม่อยากพูด ควรให้กรรมการตอบดีกว่า แต่เลขาธิการพรรค ไม่ใช่ตำแหน่งที่เราจะไปกำหนดได้ ตามข้อบังคับ จะให้หัวหน้าพรรคเสนอตัวบุคคลเข้ามา
เมื่อถามว่ามีคำแนะนำถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯหญิงหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ไม่มีอะไรแนะนำครับ เมื่อถามว่ารัฐบาลใหม่จะอยู่ครบเทอม 4 ปี หรือไม่ นายชวนกล่าวเลี่ยงว่า สภามีวาระ 4 ปี
** ไม่หวั่นถูก"เพื่อแม้ว"ตามเช็กบิล
เมื่อถามว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์จากนี้ จะยากลำบากหรือไม่ เพราะอาจมีการไล่ล่าเช็คบิล นายชวน กล่าวว่า ความจริงผมอยากให้ทำนะ หากรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ทำอะไรไม่ถูกต้อง เช่น สั่งฆ่า 91 ศพจริงหรือไม่ ก็เป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้กล่าวหา ที่เข้ามาเป็นรัฐบาลจะติดตามให้ชัดเจน ถ้าปรากฏว่าเป็นความจริง ก็ต้องดำเนินคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ หรือใครก็ตาม ถ้าสั่งฆ่าจริง ก็เป็นโอกาสอันดี ดังนั้นปัญหาหลายเรื่องที่เป็นข้อกล่าวหา ก็จะได้มีการพิสูจน์ ส่วนการไล่ล่าผมเห็นด้วย ถ้าสมมุติว่ามีใครทำผิดก็ควรไล่ล่าว่าเขาได้ทำตามข้อกล่าวหาจริงหรือไม่ เพราะอำนาจก็อยู่ที่รัฐบาลแล้ว หลักคือใครละเมิดกฎหมายคนนั้นต้องรับผิดชอบ ดังนั้นถ้าเขารู้ว่ามีใครทำผิดกฎหมาย เขาก็ตามจัดการ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องรังแกอะไรทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า นพ.เหวง โตจิราการ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ระบุแกนนำคนเสื้อแดงและแนวร่วมที่ถูกจองจำในคุกควรได้ออกมา นายชวน กล่าวว่า อยู่ที่อำนาจศาล ไม่ได้อยู่ที่อำนาจรัฐบาล ที่ผ่านมาในสมัยของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เราก็ได้ย้ำว่าอย่าทำอะไรนอกกฎหมาย ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นหากมีใครละเมิดกฎหมาย หน้าที่ของรัฐบาลใหม่ไม่ถือว่าเป็นการไล่ล่า แต่เป็นการจัดการให้ถูกต้อง ถ้ามีคนทำผิดก็ต้องจัดการ
**"ชูวิทย์"จ้องสอบคุณสมบัติครม.ปูจ๋า
วันเดียวกันนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่ นายอภิสิทธิ์ โดยมีนายเชน เทือกสุบรรณ ว่าที่ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เป็นผู้รับดอกไม้แทน โดยนายชูวิทย์ให้สัมภาษณ์ว่า มาเพื่อจะขอคำปรึกษาในฐานะที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ซึ่งถือว่าการทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่ได้เสียหายอะไร สามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติได้ คนจะกระแหนะกระแหนตนอย่างไรก็ไม่สนใจ
"งานแรกในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน คือ การตรวจสอบคุณสมบัติ “ครม.ปูจ๋า” รัฐมนตรีรายบุคคล ว่า มีการนำเอาคนในครอบครัวมาเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ และถ้าเป็นอย่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯ ระบุว่า จะไม่เป็นดีเอ็นเอโคลนนิง จะตั้ง ครม.ชุดนี้ ด้วยความรู้ความสามารถเป็นหลัก ไม่ใช่ใช้ระบบโควตา 7 ต่อ 1 เพราะทันทีที่ใช้ระบบนี้ จะเจาะลึกรัฐมนตรีเรียงตัว โดยเฉพาะกระทรวงพลังงานของชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และกระทรวงเกษตรฯ ของพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งนี้ เชื่อว่า ประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดี เผลอๆ ครม.ปูจ๋า อาจอยู่ไม่ถึง 6 เดือนก็ได้"นายชูวิทย์กล่าว
**ไม่ใช่สภาโจ๊กอย่าเอาแดงเป็นรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า เมื่อเข้าสภาแล้วต้องไปปะทะฝีปากกับนปช.ไม่ว่าจะเป็น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ หนักใจหรือ นายชูวิทย์ กล่าวว่า สมัยตนที่เป็นฝ่ายค้าน 2548 นายณัฐวุฒิ ยังอยู่ในสภาโจ๊กอยู่เลย นายจตุพร ยังเป็นวุ้น ไม่รู้ขี่รถกระบะอยู่หรือเปล่า แต่ตนเป็นถึงดาวสภา วันนี้เมื่อคุณได้เข้ามาเป็น ส.ส.ตนขอเตือน และเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยคงไม่เอาเสื้อแดงมาเป็นรัฐมนตรี
**ฝากเนื้อฝากตัวนายหัว"ชวน"
จากนั้น นายชูวิทย์ ได้ขึ้นไปพบ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ที่ห้องทำงานชั้น 3 ตึก ควง อภัยวงศ์ โดย นายชูวิทย์ ได้กล่าวกับนายชวน ว่า ตนมาให้กำลังใจกับนายอภิสิทธิ์ ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพราะตนตั้งใจมาเป็นฝ่ายค้าน เพราะสามารถมาทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้และนายอภิสิทธิ์ก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศอีกมาก ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ข้องใจว่าพรรคที่เคยจับมือกับประชาธิปัตย์ วันนี้กลับไปร่วมรัฐบาล ไม่เข้าใจว่าเขาจะเป็นแต่ฝ่ายรัฐบาลอย่างไร ซึ่งการจะมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านร่วมกันก็จะต้องมาหารือกันว่าจะทำอย่างไร
ทั้งนี้ นายชวน ได้กล่าวแสดงความยินดีที่นายชูวิทย์ได้มาเป็น ส.ส.และเห็นว่า พรรคการเมืองต้องเป็นได้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ พรรคที่ได้เสียงข้างมากก็เป็นรัฐบาล พรรคที่ได้เสียงน้อยก็เป็นฝ่ายค้านก็ธรรมดา แต่เราควรทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดซึ่งการทำงานร่วมกันต้องรอให้สภาเปิดก่อน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยที่นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่คนที่จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านควรจะเป็นนายอภิสิทธิ์
**ท้าคนหน้าเหลี่ยมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ทวิตเตอร์ ผ่าน @korbsak ว่า ผมรับได้กับผลการเลือกตั้ง ไม่ใช่องุ่นเปรี้ยว แต่อยากเห็นฝีมือคนหน้าเหลี่ยมในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ให้เห็นกันจะจะ เก่งจริงหรือเก่งเทียม และ "campaign promise สองเรื่องใหญ่ 300 บาท ค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศทันที 15,000 บาทต่อตัน รับซื้อข้าวเปลือกทั่วประเทศ ถ้าทำได้ถือว่าสุดยอด" นอกจากนี้ สำหรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เอกชนจะไม่ยอม เรื่องนี้คงพับไป โครงการรับจำนำข้าวของชาวนา 15,000 บาท ก็คงไม่ต่าง และมองไม่ออกว่าหน้าตาเงินเฟ้อในอนาคตของเราจะเป็นอย่างไร
**โวย"ปูแดง"บ้าอำนาจส่งตร.ปิดคลื่น 90.25
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. มีการดำเนินการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งไม่ชัดว่าสังกัดใด ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชนปกป้องสถาบันฯ คลื่นความถี่ 90.25 ซึ่งมีที่ตั้งอาคารบริเวณย่านประตูน้ำ มีนายสมพร หลงจิ เป็นผู้ดำเนินรายการ พร้อมตรวจยึดเสาเครื่องส่งสัญญาณไว้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ถือเป็นกรณีแรกที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้ง ใช้อิทธิพลคุกคามสื่อที่ไม่ใช่ข้างของตัวเอง เพราะเป็นที่เข้าใจตรงกันว่า สถานีวิทยุชุมชนแห่งนี้ มีนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนอยู่
ทั้งนี้ หมายความว่า พรรคเพื่อไทยเพิ่งได้เข้ามาเป็นแกนนำในการจัดรัฐบาลได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง ก็เริ่มปฏิบัติการปิดสื่อที่ไม่อยู่ข้างตัวเอง