หน.พรรครักประเทศไทย บุก ปชป.ยื่นดอกไม้ให้กำลังใจ “มาร์ค” ปลอบใจร่วมเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล “ปูจ๋า” เตือนบริหารไม่ได้เรื่องอาจเจ๊งภายใน 6 เดือน ตั้งเป้าชำแหละ รมต.เรียงตัว หากเป็น ครม.นอมินี ลูกผัวตัวเมีย จี้ ภารกิจด่วนมอบ “ธาริต” สางคดี 91 ศพ สลายกลุ่มเสื้อแดง ไม่หวั่นประชันฝีปาก เต้น-ตู่ เหน็บไม่ใช่เวทีสภาโจ๊ก
วันนี้ (5 ก.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมี นายเชน เทือกสุบรรณ ว่าที่ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เป็นผู้รับดอกไม้แทน นายอภิสิทธิ์ เนื่องจากติดภารกิจอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล
นายชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาเพื่อจะขอคำปรึกษาในฐานะที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ซึ่งถือว่าการทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่ได้เสียหายอะไร สามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติได้ คนจะกระแหนะกระแหนตนอย่างไรก็ไม่สนใจ และงานแรกในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านคือ การตรวจสอบคุณสมบัติ “ครม.ปูจ๋า” รัฐมนตรีรายบุคคล ว่า มีการนำเอาคนในครอบครัวมาเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ และถ้าเป็นอย่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯ ระบุว่า จะไม่เป็นดีเอ็นเอโคลนนิงให้ตั้ง ครม.ชุดนี้ ด้วยความรู้ความสามารถเป็นหลัก ไม่ใช่ใช้ระบบโควตา 7 ต่อ 1 เพราะทันทีที่ใช้ระบบนี้ตนจะเจาะลึกรัฐมนตรีเรียงตัว โดยเฉพาะกระทรวงพลังงานของชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และ กระทรวงเกษตรฯ ของพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งนี้ เชื่อว่า ประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดี เผลอๆ ครม.ปูจ๋า อาจอยู่ไม่ถึง 6 เดือนก็ได้
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ภารกิจเร่งด่วนในการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน คือ 1.จากที่พรรคเพื่อไทยเคยพูดเรื่อง 91 ศพ ถามว่า วันนี้ทำไมเงียบ อย่าไปโยนให้คณะกรรมการชุดของ นายคณิต ณ นคร ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้จี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ให้ทำเรื่องนี้ วันนี้ก็ต้องจี้ดีเอสไอให้ทำเรื่องนี้ วันนี้รัฐบาลชุดใหม่ต้องเรื่องเหล่านี้มาเป็นเรื่องใหญ่ 2.ควรจะสลายเสื้อแดง ไม่ให้มีสีเสื้ออีกต่อไปถึงจะปรองดองจริง เพราะเพื่อไทยชนะอยู่แล้ว และ 3.ต้องเอานโยบายมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและเรื่องปากท้องของประชาชน ไม่ใช่รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.รับรองเพราะขนาดตั้ง ครม.ยังไม่รอ กกต.รับรองเลย
“การทำอย่างนี้เป็นลีลาเดิมๆ ไม่ใช่วิสัยทัศน์ 2020 แต่เป็นวิสัยทัศน์ 1990 ฉะนั้น ท่านต้องเปลี่ยนวิสัยทัศน์และคัดเลือก รมต.ที่มีความรู้ความสามารถอย่าเอากลุ่มก๊วน นอมินีตัวแทน เอาลูกเอาผัวเอาเมียมา เพราะถ้าทำอย่างนั้น ประชาชนที่เลือกท่านไปจะผิดหวัง” นายชูวิทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรกับการนิรโทษกรรมและคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท นายชูวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึง สำหรับตนมันเป็นไปไม่ได้ แต่เห็นด้วยกับนิรโทษที่พรรคเพื่อไทย บอกว่า ไม่ต้องการเงินคืน แต่ที่เป็นปัญหาคือเรื่องคนตายที่พรรคเพื่อไทยทวงตลอดเวลา เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้วก็ไม่ควรลืม ควรจะให้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอจัดการไม่ควรโยนเรื่องให้คณะกรรมการชุดนายคณิต
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะย้ายนายธาริต นายชูวิทย์ กล่าวว่า เป็นตนจะไม่โยกย้าย แต่จะใช้งานให้มากขึ้น เพราะถ้าไปโยกย้ายเขาถือเป็นการกลั่นแกล้ง
เมื่อถามว่า เมื่อเข้าสภาแล้วต้องไปปะทะฝีปากกับ นปช.ไม่ว่าจะเป็น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ หนักใจหรือ นายชูวิทย์ กล่าวว่า สมัยตนที่เป็นฝ่ายค้าน 2548 นายณัฐวุฒิ ยังอยู่ในสภาโจ๊กอยู่เลย นายจตุพร ยังเป็นวุ้น ไม่รู้ขี่รถกระบะอยู่หรือเปล่า แต่ตนเป็นถึงดาวสภา วันนี้เมื่อคุณได้เข้ามาเป็น ส.ส.ตนขอเตือน และเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยคงไม่เอาเสื้อแดงมาเป็นรัฐมนตรี
ส่วนการทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกับประชาธิปัตย์ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ต้องเข้มแข็งเสียกำลังใจไม่ได้ เราต้องมาร่วมภารกิจฝ่ายค้านด้วยกันและตนก็มาให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ ไม่มีเจตนาอื่นใด ใครจะดูถูกตนก็ไม่เป็นไร ตนเห็นหลายครั้งแล้ว คนที่ดูถูกตนบอกขำๆ แล้วเป็นอย่างไร วันที่ 3 ก.ค.ตนได้ ส.ส.มา 4 ที่นั่งมากกว่าพรรคชาติไทยพัฒนาเสียอีกแล้วจะขำอยู่อีกหรือไม่ และคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลขอให้มีจุดยืนบ้างวันก่อนเพิ่งไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่วันนี้กลับมาเปลี่ยนขั้วถือว่าไม่มีจุดยืน
จากนั้น นายชูวิทย์ ได้ขึ้นไปพบ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ที่ห้องทำงานชั้น 3 ตึก ควง อภัยวงศ์ โดย นายชูวิทย์ ได้กล่าวกับนายชวน ว่า ตนมาให้กำลังใจกับนายอภิสิทธิ์ ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพราะตนตั้งใจมาเป็นฝ่ายค้าน เพราะสามารถมาทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้และนายอภิสิทธิ์ก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศอีกมาก ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ข้องใจว่าพรรคที่เคยจับมือกับประชาธิปัตย์ วันนี้กลับไปร่วมรัฐบาลไม่เข้าใจว่าเขาจะเป็นแต่ฝ่ายรัฐบาลอย่างไร ซึ่งการจะมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านร่วมกันก็จะต้องมาหารือกันว่าจะทำอย่างไร
ทั้งนี้ นายชวน ได้กล่าวแสดงความยินดีที่นายชูวิทย์ได้มาเป็น ส.ส.และเห็นว่า พรรคการเมืองต้องเป็นได้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ พรรคที่ได้เสียงข้างมากก็เป็นรัฐบาล พรรคที่ได้เสียงน้อยก็เป็นฝ่ายค้านก็ธรรมดา แต่เราควรทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดซึ่งการทำงานร่วมกันต้องรอให้สภาเปิดก่อน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยที่นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่คนที่จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านควรจะเป็นนายอภิสิทธิ์