ผ่าประเด็นร้อน
แม้ว่าอีกด้านหนึ่งของบ้านเมืองจะเต็มไปด้วยความผิดหวังหลังจากพรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเลขาธิการพรรค สุเทพ เทือกสุบรรณ ประสบความพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างยับเยิน รวมทั้งหลายคนมีความรู้สึกกลัวว่าบ้านเมืองกำลังเข้าสู่ยุคมืด พวกโจร ผู้ก่อการร้ายกำลังครองเมือง คนชั่วคนทำผิดกฎหมายกลับได้รับการยอมรับ บรรยากาศจึงออกมาในลักษณะซึมเศร้าทำใจไม่ได้
ขณะที่อีกด้านหนึ่งบรรยากาศเมืองไทยกลับตรงกันข้าม เพราะยามนี้หันไปทางไหนล้วนแล้วแต่เห็นท่าทางยินดี ส่งเสียงไชโยในหมู่คนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และให้การเคารพเชิดชูบูชา ทักษิณ ชินวัตร ว่าจะบันดาลทุกอย่างให้กับชีวิตของพวกเขาได้ในช่วงข้ามคืน
หลายคนต่างนั่งเฝ้าดูทีวีดูข่าวการให้สัมภาษณ์ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคนเล็กของทักษิณ ที่ถูกเลือกให้มาเป็นตัวแทน เป็น “โคลนนิ่ง” ด้วยแววตาที่มีความหวัง เหมือนกับว่าอีกไม่นานข้างหน้า ความเป็นอยู่ของพวกเขาจะต้องพลิกผันดีขึ้น ข้าวของจะราคาถูกลง ในกระเป๋าจะมีเงินพอกพูนขึ้นมา
ทุกอย่างจะถูกบันดาลจากทักษิณ ชินวัตร ผ่านทางน้องสาว คือ ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
บรรยากาศเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะแทบทั้งหมดที่เทใจเลือกพรรคเพื่อไทยมาแบบถล่มทลายทั้งระบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ล้วนมีความหวัง จนไม่สนใจว่าคนพวกนี้เป็นพวกเดียวกับคนที่เคยเผาบ้านเผาเมือง หรือถ้าพิจารณากันแบบให้เห็นจริงก็ต้องบอกว่าคนที่ “บงการ” ทุกอย่างก็คือ “นายใหญ่” ที่อยู่ต่างแดนนั่นแหละ
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากที่รู้ผลการเลือกตั้งว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ก็ย่อมหมายความว่า “ความคาดหวัง” จะเกิดขึ้นตามมาทันทีเช่นเดียวกัน และนั่นยังหมายความว่า “ความกดดัน” จะเกิดขึ้นอย่างมหาศาล
อย่างที่ระบุแล้วว่า ทันที่รู้ว่าชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย สายตาทุกคู่ย่อมจับจ้องไปที่พรรคเพื่อไทย ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย และที่สำคัญสายทุกคู่จะไปสังเกตดูความเคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตร ในฐานะเป็นผู้กำหนดทุกสิ่งของพรรคการเมืองนี้ จะเห็นได้ว่าการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคแรกที่ถูกดึงเข้ามาร่วมคือพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งปรากฏว่า ชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคต้องเดินทางไปหารือกับทักษิณ ถึงดูไบทันที
ขณะเดียวกัน ทันทีที่เป็นรัฐบาลสิ่งแรกที่จะต้องเจอก็คือการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เริ่มตั้งแต่หน้าตาของคณะรัฐมนตรีแต่ละคน ว่าเป็นใครบ้างมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ซึ่งรับรองว่าในจำนวนหนึ่งย่อมต้องมีโควตาเป็นบำเหน็จรางวัลให้กับแกนนำคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง รวมไปถึงตำแหน่งทางการเมืองอื่นอีกหลายคนอย่างแน่นอน
หรือก่อนหน้านั้นช่วงที่มีการฟอร์มตำแหน่งรัฐมนตรีเชื่อว่าจะต้องมีการแก่งแย่งกันเป็นรัฐมนตรี อาจมีรายการน้อยใจ โมโหกระฟัดกระเฟียดมีการสาวไส้คนนั้นคนนี้ออกมาให้เห็น เชื่อว่าจะต้องมีบรรยากาศแบบนี้ออกมาให้รำคาญไม่น้อยเหมือนกัน
หลังจากนั้นเมื่อเข้าทำงาน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแล้ว แม้ว่าในช่วงประมาณ 1 เดือนแรกอาจยังเป็นช่วงของการแสดงความยินดีเฉลิมฉลอง แต่หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่สภาพของการ “เผชิญหน้ากับความเป็นจริง” จะมีการใช้วาทกรรมอำพราง หรือกล่าวโทษคนอื่นเพื่อสร้างราคาให้กับตัวเองเหมือนเมื่อก่อนคงทำไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึง “ฝีมือ” ของนายกฯ หญิงคนดังกล่าวว่า “เจ๋งจริง” หรือแค่โปรโมตหวังผลทางการเลือกตั้งเท่านั้นหรือไม่
เพราะที่ผ่านมาถือว่าเธอมีประสบการณ์ทางการเมืองเพียงแค่ 4 สัปดาห์เท่านั้น และยังไม่เคยเป็นหัวหน้าพรรคมาก่อนเลย ส่วนภาพธุรกิจในฐานะประธานบริษัทเอสซีแอสเซทฯถือว่ายังพิสูจน์อะไรไม่ได้ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำหน้าที่ภายใต้เงาของคนอื่นเท่านั้น อีกทั้งยังไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกับการบริหารประเทศชาติ ที่มีองค์ประกอบซับซ้อนไม่ได้เลย
สำหรับแรงกดดันที่เชื่อว่าจะถาโถมเข้าใส่ตัวเธออย่างมหาศาลในสภาพความเป็นจริงก็คือ จะทำให้บรรดารากหญ้าและคนไทยที่หลงใหลแล้วเทคะแนนเลือกเข้ามาให้พอใจได้อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาปากท้อง การทำให้ข้าวของแพงหมดไปหรือลดลงได้อย่างไร รวมไปถึงการทำตามคำมั่นสัญญาตอนที่หาเสียงได้อย่างไร เพราะหลายนโยบายที่เรียกว่าเป็นประชานิยมเหล่านั้นล้วนแต่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล
นอกจากนี้ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ จะสามารถนิรโทษกรรมลบล้างความผิดและคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทให้กับพี่ชายคือ ทักษิณ ได้อย่างไร เพราะเชื่อว่าสิ่งที่เป็นความปรารถนาสูงสุดประการหนึ่งที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีวันนี้ วันที่สามารถกุมอำนาจรัฐเอาไว้ในมือก็เพราะสาเหตุนี้ การรื้อกระบวนการยุติธรรมจะทำตามที่ประกาศเอาไว้อย่างไร เธอจะทำได้แนบเนียนเพียงใด เพราะแม้ว่ามีความพยายามใช้คณะทำงานของ คณิต ณ นคร โดยอ้างเรื่องความปรองดองก็ตาม แต่เมื่อใดก็ตามที่ขยับเรื่องนี้ขึ้นมามันก็ต้องเกิดความเสี่ยง เพราะแทบทุกฝ่ายได้ออกมาประสานเสียงดักคอกันล่วงหน้าแล้ว
นี่ยังไม่นับคดีอาญาที่รอการตรวจสอบอีกเป็นพรวน ซึ่งตัวยิ่งลักษณ์เองนั่นแหละจะต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นคดีให้ข้อมูลเท็จ คดีซุกหุ้น รวมถึงคดียุบพรรคเพื่อไทย ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องหนักอกทั้งสิ้น ซึ่งทุกอย่างกำลังจะมีการพิสูจน์ในอีกไม่ช้านี้
จากสภาพความเป็นจริงที่กำลังเผชิญหน้าตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ยิ่งลักษณ์ ในฐานะ “โคลนนิ่ง” ของทักษิณ จะทำได้ดีหรือไม่ เพราะถ้าหากทำงานเพื่อคนส่วนใหญ่ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าออกมาในทางตรงกันข้ามอย่างที่คาดหมายกันเอาไว้ล่วงหน้า ชะตากรรมในอนาคตก็น่าจะพอมองเห็นกันอยู่แล้ว ขณะเดียวกันหากพิจารณาอีกด้านหนึ่งหากจะ “ถอนพิษ” ทักษิณ ให้หมดไปอย่างแท้จริงก็ต้องเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยได้บริหารประเทศแบบนี้แหละ เหมือนกับการให้ “ปล่อยตัวตน” ออกมา จะได้รู้แจ้งเห็นจริงกันไปเสียทีว่าเจ๋งจริงแค่ไหน ซึ่งมีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น!!