xs
xsm
sm
md
lg

"ปู"ปัดไปจัดโผฮ่องกง เงินเดือนค่าแรงยังเคว้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “ปูแดง” ปัดบินถกโผ ครม. “นช.แม้ว” ที่ฮ่องกง ไม่รู้กลุ่มมัชฌิมาขอร่วมงาน ยันพี่ชายไม่มีเอี่ยวจัดรัฐมนตรี “ส.ส.เหนือ” รุมทึ้ง ทวง 5 รมต. ปลอดฯยันมติเดิมไม่เอาภูมิใจห้อย “ปูไหล”ได้อีกอ้าง นโยบายค่าจ้างงยังไม่ชัด ก.พ.ชี้ ถ้าปรับฐาน ขรก.ต้องรื้อโครงสร้างบัญชีครั้งใหญ่

วานนี้ (8 ก.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าส.ส.ในกลุ่มมัชชิมา ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะมาร่วมกับพรรคเพื่อไทยและจะมีการยกมือโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลยังคงอยู่ที่ 6 ส่วนจะยกมือโหวตให้หรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบในรายละเอียดและยังไม่คิดถึงตรงนั้น อยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรคจะมาช่วยกันในการติดต่อ วันนี้ขอยืนในหลักการเดิมก่อนวันนี้ก็จะคงคุยกันในนามพรรคไปก่อน

เมื่อถามว่า ส.ส.ต่างออกมาเรียนร้องตำแหน่งและมีข่าวว่าเตรียมที่จะบินไปหาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งใครกันแน่ที่เป็นผู้จัดคณะรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าคนจัดอยู่ที่ประเทศไทย วันนี้ยังไม่ได้จัดอะไรเลยยังทำเรื่องของนโยบายอยู่ซึ่งเมื่อวันก่อน (7 ก.ค.) ก็ได้คุยกับว่าที่ส.ส.ของพรรค ทุกคนก็เข้าใจว่าวันนี้พรรคมองในเรื่องของผลงานและมองในเรื่องบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ขณะนี้เรายังอยู่ในขั้นตอนที่การสร้างกรอบนโยบายอยู่

เมื่อถามว่าคณะรัฐมนตรีจะมีคนนอกอยู่ด้วยได้มีการทาบทามแล้วหรือยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการทาบทามอะไรและไม่ได่บอกว่าจะมีคนนอกเข้ามา เพียงแต่บอกว่าเราเองให้โอกาสคนในอยู่แล้วและเราก็ไม่ปิดโอกาสสำหรับคนนอก แล้วเราอยากเห็นคนที่มีความรู้ความสามารถเยอะๆเข้ามาช่วยกันบริหารประเทศ

เมื่อถามว่าการที่ยังไม่ชัดเจนเรื่องคณะรัฐมนตรีจะทำให้เกิดการต่อรองในพรรคมากขึ้นจะทำให้หนักใจหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เชื่อว่าว่าที่ส.ส.ทุกคนจะมีเหตุผลและเข้าใจวัตถุประสงค์ของพรรค เราเองก็มีขั้นตอนในการหารือพูดคุยกันอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา ขอให้มีผลอย่างเป็นทางการก่อนแล้วจะมีการชี้แจงในรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง

เมื่อถามว่าขณะนี้ก็เริ่มมีการทวงโคตารัฐมนตรีภาคต่างๆจะหาความลงตัวอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนยินดีที่จะรับฟังแล้วคงต้องหารือกับทุกส่วนอีกครั้ง

เมื่อถามว่าจะมีการปรามผู้ที่ออกมาเรียกร้องในขณะนี้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในต้องพูดคุยกันในพรรค แต่หลักการณ์เราก็ระบุชัดเจนว่าเราจะวางในเรื่องกรอบนโยบายก่อนผลงานที่จะทำแล้วค่อยมาดูบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ

เมื่อถามว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังที่พรรคร่วมรัฐบาลขอมานั้น มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะเอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าเร็วเกินไปขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดอะไรและยังไม่มีการฟรอม....คณะรัฐมนตรีใดๆทั้งสิ้นอย่ากให้มีผลการรับรองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ก่อน แล้วทุกกระทรวงเราจะตั้งหลักจากนโยบายก่อน พอร่างนโยบายทำงานกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วจากนั้นก็จะไปหารือกับผู้ที่จะมารับผิดชอบแต่ละกระทรวงก่อน ใครก็ได้ที่มีความรู้ความสามารถที่จะทำงานเพื่อประชาชน เพราะตนเองเล็งเห็นว่าทำอย่างไรให้ผลงานนั้นเป็นที่ประจักษ์และรวดเร็วให้มากที่สุด

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ตำแหน่งรัฐมนตรีต่างๆจะทำให้เกิดความแตกแยกภายในพรรค น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งในพรรค การพูดต่างๆนั้นเป็นความเห็นที่แตกต่างแต่สุดท้ายแล้วก็เชื่อว่าทุกคนเคารพกติกาต่างๆแล้วก็หารือกันได้

เมื่อถามว่ามีกระแสข่างว่า จะบินไปหาพ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าไม่มีไม่ได้เดินทางจะอยู่ที่กรุงเทพฯส่วนกระแสข่าวว่าจะไปตั้งคณัรัฐมนตรีที่ประเทศฮ่องกงนั้นก็ไม่เป็นความจริง

เมื่อถามว่ากังวลในส่วนของจำนวนส.ส.ของพรรคหรือไม่เพราะในขณะนี้มีผู้ไปร้องเรียนกกต.ว่าทำผิดการเลือกตั้งกว่า 50 เรื่องแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าขอให้เป็นความเห็นของกกต.เป็นผู้พิจารณาดีกว่า

เมื่อถามว่าว่าท้ายที่สุดแล้วฝ่ายการเมืองจะสามารถมากดดันได้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราใช้หลักการในการคุยกันหารือกัน ก็เชื่อว่าถ้ามีหลักการณ์ที่ชัดเจน ทุกคนก็ต้องยอมรับในหลักการณ์ และเชื่อว่าเราคุยกันเองได้เพราะว่าเราเองก็ทำงานอยู่ด้วยกันมานานความคิดเห็นต่างไม่ใช้ว่าจะแตกแยก

**ส.ส.เหนือยึกยักอ้างไม่ได้ทวง รมต.

นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ว่าที่ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับการเลือกตั้งที่ผ่านมาภาคเหนือพรรคเพื่อไทยได้ส.ส.ถึง 49 คน ดังนั้นในส่วนของภาคเหนือก็ควรจะมีตำแหน่งรัฐมนตรี 5 เก้าอี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีรายชื่อที่อยู่ในข่ายออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว อาทิ นายไพโรจน์ ตันบรรจง ว่าที่ส.ส.พะเยา นายอิทธิเดช แก้วหลวง ว่าที่ส.ส.เชียงราย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ว่าที่ส.ส.แพร่ และนายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ ว่าที่ส.ส.เชียงใหม่ ซึ่งโควตาตรงนี้ยังไม่เกี่ยวกับคะแนนบัญชีรายชื่อของพรรคในภาคเหนือด้วย ที่ได้คะแนนมาเป็นกอบเป็นกำ

นายบุญทรง ในฐานะคนสนิทของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการต่อรองโควต้ารัฐมนตรีหลังผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือได้รับการเลือกตั้ง 49 คนว่า ไม่มีการต่อรองหรือเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีใดๆจากพรรค ส่วนที่มีข่าวว่าตนเองเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นยังไม่มีการพูดคุยกับพรรคในเรื่องนี้คงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในพรรคจะพิจารณาโดยส่วนตัวไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกับผู้ใหญ่ในพรรคเป็นทางการไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็พร้อมทำงานอย่างเต็มที่

สำหรับกระแสความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับแกนนำของกลุ่ม นปช.ที่ออกมาเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีให้บรรดาแกนนำ นายบุญทรง กล่าวว่า โดยส่วนตัวยังไม่ได้คุยกับแกนนำคนใดของ นปช. แต่คิดว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาหรือประเด็นเรื่องความขัดแย้งตามที่เป็นข่าวเพราะว่านายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ก็ออกมาพูดชัดเจนกับสื่อแล้วว่าไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งใดๆเกิดขึ้นตามที่เป็นข่าว

นายไพโรจน์ กล่าวว่า ไม่การต่อรองหรือพูดคุยเกี่ยวกับโควต้ารัฐมนตรีในกลุ่มส.ส.ภาคเหนื่อ หลังจากได้รับการเลือกตั้ง 49 คน ข่าวที่มีการนำเสนอไปนั้นไม่ทราบว่ามาได้อย่างไร เพราะว่าตนไม่เคยพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ในพรรคเลย การพิจารณาหรือเลือกใครมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอยู่ที่ผู้ใหญ่ในพรรคจะคัดเลือกและตัดสิน

**'หงอก' ร่อน จม.เตือน ส.ส. หยุดวิ่ง

ที่พรรคเพื่อไทย นายสุนัย จุลพงศธร อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนสมาชิกพรรคเพื่อไทยและส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคน เรื่อง “ ภาพลวงตาแห่งชัยชนะและต้องมองการเมืองให้ยาวไกล ” มีความยาว 1 หน้ากระดาษเอ 4 ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการเตือนว่าที่ ส.ส.และนักการเมืองให้ตระหนักถึงผลการเลือกตั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ต้องการเห็นความเป็นธรรมทางการเมืองและทางกฎหมายด้วยการใช้มาตรฐานเดียวกัน ดังนั้นไม่อยากให้มัวแต่ฉลองความสำเร็จ แต่อยากให้นำอำนาจที่ประชาชนมอบให้ไปเร่งแก้ปัญหาปากท้องและความทุกข์ยากของประชาชน ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการเรียกร้องประชาธิปไตย ตลอดจนเร่งสร้างความปรองดองโดยเร็ว รวมทั้งให้ส.ส.หยุดวิ่งเต้นตำแหน่งรัฐมนตรี

**พท.ยันมติเดิมไม่เอา “ภูมิใจห้อย”

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ได้สนใจข่าวที่ว่ากลุ่มมัชฌิมาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะเป็นงูเห่าในพรรคภูมิใจไทย ยกมือสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อจะมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยในอนาคต เพราะเวลานี้พรรคเพื่อไทยมีพรรคเล็กเข้ามาร่วมรัฐบาลแล้ว 2 พรรค คือ พรรคมหาชน และพรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคละ 1 เสียง มาทำให้รัฐบาลมีเสียงมากถึง 300 เสียงแล้วไม่จำเป็นต้องไปดึงใครเพิ่มแล้ว

พรรคเพื่อไทยเคยมีมติของคณะกรรมการบริหารพรรคไปอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามมติของพรรคไปอย่างนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปจับมือกับกลุ่มมัชฌิมาดังกล่าว

“เราไม่นิยมไปฉกไปชิง ส.ส.ของพรรคอื่นๆ เหมือนกับที่บางพรรคเคยทำกับพรรคเพื่อไทย ตอนนี้ คิดเพียงว่าจะต้องทำงานตามนโยบายเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนเท่านั้น”

ด้าน ว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ สุนทรชัย แกนนำ ส.ส.104 คน ภาคอีสานของพรรค ยืนยันเช่นกันว่าไม่เห็นด้วยที่จะดึงงูเห่าภูมิใจไทยมาร่วมงานด้วยเช่นกัน

**ภูมิใจไทยอัดผิดมารยาททางการเมือง

นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ประธาน ส.ส.พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มมัชฌิมาจะโหวตหนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะว่าไม่มีเหตุผลจะมาอ้างว่าเพื่อให้ชาติเดินหน้าอย่างราบรื่น เพราะเสียงของรัฐบาลมีถึง 300 เสียงไปแล้ว อีกทั้งเป็นการผิดมารยาททางการเมือง แต่ทั้งนี้ไม่สามารถห้ามได้ หากจะทำแบบนั้น

**อ้าง “เนวิน” ปล่อยฟรีโหวต

นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวเถึงกรณีว่าที่ ส.ส.กลุ่มมัชฌิมาของนายสมศักดิ์ เตรียมยกมือสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการรับรองความเป็น ส.ส. อีกทั้งยังมีเรื่องร้องเรียนอยู่มาก จึงยังไม่รู้ว่าจะมี ส.ส.เหลืออยู่จำนวนเท่าใด ดังนั้น จะต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการรับรอง ส.ส.เสียก่อน จึงจะมีการประชุมและมีมติอย่างใดอย่างหนึ่งจากพรรค อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน และแกนนำคนอื่นๆ ในพรรค ก็ปล่อยให้ ส.ส.แต่ละคนมีอิสระในการตัดสินใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการประชุม ส.ส. จะมีการออกมติให้ ส.ส.ทั้งหมดของพรรคภูมิใจไทย ยกมือสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า ภท.ยังไม่มีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ในเมื่อประชาชนให้ความไว้วางใจ พท.การจะตัดสินใจอะไร ผู้ใหญ่ใน ภท.ก็ได้ให้อิสระ เพราะรู้ดีว่า ส.ส.ทุกคนจะต้องตรึกตรองว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ

เมื่อถามว่า การปล่อยให้ ส.ส.ในพรรคฟรีโหวต เพราะไม่สามารถควบคุม ส.ส.ได้ ใช่หรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า ไม่ใช่ว่าคุมได้หรือไม่ได้ เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบว่าหลังการรับรอง ส.ส.แล้ว จะเหลือ ส.ส.เท่าใด ดังนั้น ต้องรอหลังวันที่ 12 กรกฎาคม ก่อน อีกทั้งยังเหลือเวลาอีกมาก เพราะก่อนจะเลือกนายกฯ จะต้องมีการเปิดสภา เพื่อเลือกประธานสภาเสียก่อน และถึงวันนั้นจะเหลือ ส.ส.เท่าใด ก็ยังไม่ทราบ

เมื่อถามว่า นายเนวินน้อยใจหรือไม่ ที่มีกลุ่มงูเห่าในพรรค นายศุภชัยกล่าวว่า ไม่ได้น้อยใจอะไร เพราะเมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ต้องเปิดโอกาสให้กับบ้านเมืองการจะพูดคุยอะไร ก็ต้องทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างผ่อนคลาย ต้องเอาบ้านเมืองเป็นหลัก ตอนนี้ไม่ได้มีใครรู้สึกอะไร เรายังภูมิใจไทยในความเป็น ภท. การที่นายสมศักดิ์ให้ ส.ส.ในกลุ่มมัชฌิมายกมือสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ไม่ได้แปลว่าส.ส.กลุ่มนี้จะย้ายไปอยู่ พท.เพราะทุกคนยังอยู่ ภท.เพียงแต่ว่าไม่ได้ปิดกั้นอิสระของ ส.ส.

**พช.-ชทพ.เจรจา ก.ท่องเที่ยวฯ

นายวิทยา คุณปลื้ม จากพรรคพลังชล หนึ่งในบุคคลที่มีชื่อดำรงตำแหน่งรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนคัดเลือก แต่ยอมรับว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นหนึ่งในกระทรวงที่พรรคพลังชลสนใจนอกจากกระทรวงอุตสาหกรรม และคมนาคม เพราะมีบุคลากรที่พร้อมทำงาน ซึ่งต้องคุยกันในพรรคร่วมรัฐบาลแล้วจึงพิจารณาบุคคลที่เหมาะสม

ส่วนที่มีข่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาสนใจกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เช่นเดียวกันนั้น เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ต้องเจรจากัน เพราะเรื่องการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นนโยบายทั้ง 2 พรรค

**ชทพ.มั่นใจรัฐบาล ปูแดง อยู่นาน

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า คิดว่าเสถียรภาพของรัฐบาลแม้ว่าจะมี 300 เสียง สิ่งที่สำคัญประการแรกคือ เรื่องของสภาฯ โดยเฉพะาสภาที่ล่มบ่อย จึงอยากให้คนที่จะมาเป็นกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปต้องตระหนักว่าแม้เสียงจะมีมาก ส่วนการจัดตั้งครม.เป็นสิ่งที่ประชาชนฝากความหวังไว้กับนักการเมือง ค.ร.ม.ยิ่งลักษณ์ 1 จึงมีความสำคัญ ต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถ รวมถึงภาพพจน์และภูมิหลังของนักการเมือง

เมื่อถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีพรรคการเมืองมาร่วมรัฐบาลอีกเพื่อสร้างเสถียรภาพของรัฐบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อยู่ที่พรรคแกนนำว่าจะเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองขนาดไหน ในความรู้สึกของตนคิดว่าขณะนี้จำนวน 300 เสียงถ้าสามารถบริหารจัดการอย่างที่ตนได้บอกไปแล้ว เรื่ององค์ประชุมและเรื่องการทำงานของคณะรัฐมนตรีน่าจะทำให้การบริหารงานของรัฐบาลดำเนินไปได้

**ชพน.ไม่สนลิ่วล้อ พท.ขวางยึดเก้าอี้

นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่สสมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาท้วงติงการจัดสรรตำแหน่ง รมว.พลังงานให้กับพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ว่า เรื่องดังกล่าวตนไม่ทราบ แต่พรรคยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่เคยมีการต่อรองเก้าอี้ในกระทรวงใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งการจัดคนให้มาบริหารในตำแหน่งใด เชื่อว่าพรรคแกนนำจะพิจารณาจากความเหมาะสม ส่วนข่าวที่ออกมาช่วงที่ผ่านมานั้น คาดว่าจะเป็นข่าวปล่อยที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเท่านั้น

ส่วนคนพท.จะไปต่อรอง พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรพจน์ กล่าวว่า เชื่อว่าไม่เป็นความจริง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ มีเพียงแค่การให้กำลังใจและสนับสนุนให้การบริหารของพรรคเพื่อไทยเป็นไปอย่างราบรื่นเท่านั้น ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันแล้วว่าข่าวไม่จริง

**“ปูไหล”ได้อีก ยังไม่ชัด300บาท-หมื่นห้า

อีกด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงที่หลายฝ่ายมีความกังวลเรื่องนโยบายเศรษฐกิจของพรรคจะสร้างปัญหาให้ประเทศ ว่า เรากำลังทำงานอยู่ในขั้นของการศึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจุดประสงค์หลักเราต้องการที่จะผลักดันนโยบายที่ได้ประกาศ แต่ทั้งนี้ก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย พรรคเพื่อไทยคงจะไม่ไปเริ่มโครงการต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบอย่างแน่นอน แต่เรายินดีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สำหรับนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และเงินเดือนพนักงานจบใหม่ปริญญาตรี 15,000 บาทที่มีผู้มองว่าจะเกิดปัญหาตามมานั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้เราอาจจะคุยในด้านเดียว คือ ค่าใช้จ่าย แต่สิ่งที่เราจะทำนั้น เราจะดูในแหล่งรายได้ด้วย เพราะทุกอย่างนั้นต้องดูในภาพรวมทั้งหมด ตนยังไม่อยากลงไปในรายละเอียดของแต่ละนโยบาย ซึ่งหากลงไปรายละเอียดของแต่ละนโยบายแล้ว อาจจะทำให้ผู้ที่ได้รับฟังข่าวสารเกิดความตกใจได้ เพราะเรายังไม่มีแผนชัดเจน เนื่องจากจากวันนี้ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ หากประกาศอย่างเป็นทางการและหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้วนั้น เราจะเสนอแผนงานในภาพรวมเพื่อให้พี่น้องประชาชนสบายใจ

ส่วนเงินเดือนพนักงานจบใหม่ปริญญาตรี 15,000 บาทนั้น จะครอบคลุมไปถึงเอกชนด้วยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราอยากเห็นภาพรวมทั้งหมด แต่ทั้งนี้ต้องคุยกับผู้ประกอบการด้วยในเรื่องของการเตรียมงานและผลกระทบ ดังนั้นเราจะไม่ทำอะไรจนกว่าจะได้รับการหารืออย่างเป็นทางการ ส่วนจะมีผลกระทบต่อผู้ที่ทำงานมาก่อนแล้วหรือไม่นั้น คงต้องไปหารือและดูผลกระทบทั้งหมด สำหรับผู้ที่ทำงานแล้ว และเด็กจบใหม่ ต้องดูทั้งขบวนการ เราไม่อยากตอบว่าจะปรับตรงนี้แล้วจะเป็นอย่างไร เพราะต้องดูในรายละเอียดเสียก่อน

ขณะนี้มองเพียงค่าใช้จ่ายไม่ได้มองแหล่งรายได้ที่รัฐบาลจะได้รับ ซึ่งแผนงานขณะนี้ยังไม่มีการลงรายละเอียด เนื่องจากยังไม่มีแผนชัดเจนออกมา จึงต้องรอดูภาพรวมทั้งหมด ส่วนกรณีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เกรงว่าจะกระทบธุรกิจนั้น พรรคกำลังศึกษานโยบายต่างๆ ต้องดูผลกระทบรอบด้าน ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ โดยต้องหารือผู้ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนกว่านี้”

**”กอร์ป” ทวิตอัดประชานิยม พท.ไปไม่รอด

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความทวิตเตอร์ ผ่าน @korbsak ว่า เป็นห่วงหลายเรื่องว่าจะบานปลาย 300 บาท ค่าแรงทั่วประเทศ 15,000 บาทปริญญาตรีจบใหม่ และรับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดร้อยละ 80 หลังสุดยกเลิกกองทุนน้ำมัน และประโยชน์กองทุนคือการจูงใจให้ประชาชนใช้พลังงานทดแทน (95 ราคาสูงกว่า 95 โซฮอล์) ราคามันสำปะหลัง จะดิ่งลง อุตสาหกรรมเอทานอลไปไม่รอด ทำให้นึกถึงนักวิชาการบางคนที่ตนร่วมวงดีเบตช่วงหาเสียง รู้อยู่แก่ใจว่านโยบายเพื่อไทยจะทำให้ประเทศหายนะ แต่ไม่กล้าพูด กลัวไม่เป็นกลาง อนาถ สังคมหวังพึ่งนักวิชาการ อีกหนึ่งกลุ่มอาชีพที่ต้องกลับมามองตัวตนและหน้าที่เสียใหม่ วันนี้มีอะไรเหลือให้เราพึ่งได้ไหมครับ นักการเมือง ข้าราชการ นักวิชาการ สื่อ กลู่มอาชีพเหล่านี้เป็นกลุ่มอาชีพที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมมากสุด

**ก.พ.ชี้ ต้องรื้อโครงสร้างบัญชีครั้งใหญ่

นายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) มีนโยบายปรับเพิ่มเงินเดือนให้ผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีรุ่นใหม่ ที่จะเข้าทำงานในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจเป็น 1.5 หมื่นบาทต่อเดือนในเดือนตุลาคมนี้ ว่า นโยบายดังกล่าวทำได้ไม่ยาก เนื่องจากปัจจุบันโครงสร้างเงินเดือนของระบบข้าราชการแบ่งเป็น 4 ประเภท (แท่ง) ได้แก่ แท่งบริหาร อำนวยการ วิชาการ และทั่วไป ซึ่งอัตราเงินเดือนแต่ละแท่งก็แบ่งเป็นขั้นต่ำถึงขั้นสูงสุด

ปัจจุบันเงินเดือนบรรจุข้าราชการใหม่อยู่ที่ 9,100 บาทต่อเดือน และ พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 กำหนดให้ปรับขึ้นเงินเดือนในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ไม่เกินร้อยละ 10 ถ้าเกินกว่านั้น จะต้องเสนอรัฐบาลแก้ไขกฎหมาย ขณะที่นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะมีการปรับเงินเดือนข้าราชการสูงถึงร้อยละ 50 จะต้องปรับโครงสร้างบัญชีเงินเดือนข้าราชการใหม่ทั้งหมด รวมทั้งแก้ไข พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 หรือออกเป็นพระราชกฤษฎีกามารองรับในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีข้าราชการพลเรือนสังกัด ก.พ.อยู่ทั้งสิ้น 4 แสนคน และข้าราชการพลเรือนสังกัดหน่วยงานอื่นๆ อีก 1.6 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 2 ล้านคน ซึ่งการปรับเงินเดือนข้าราชการคงต้องทำให้ครอบคลุมทั้งหมด ไม่ใช่แค่เฉพาะข้าราชการบรรจุใหม่ แต่ข้าราชการที่มีอยู่เดิมก็ต้องได้รับการปรับเงินเดือนบวกประสบการณ์ด้วยเช่นกัน ซึ่ง ก.พ.กำลังสำรวจและวิเคราะห์อัตราเงินเดือนที่ควรปรับใหม่ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะได้ข้อสรุป

นายนนทิกร กล่าวอีกว่า เชื่อว่าการปรับเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่เป็น 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน จะช่วยจูงใจให้เด็กรุ่นใหม่หันมารับราชการมากขึ้น เพราะมีอัตราเงินเดือนที่สามารถแข่งขันกับเอกชนได้ ทำให้หน่วยงานราชการได้เด็กเก่งๆ เข้ามาช่วยทำงาน แต่การคัดเลือกเด็กเข้ามาสู่ระบบราชการคงต้องเข้มข้นขึ้น เพื่อให้ได้คนที่มีคุณภาพเข้ามาทำงาน ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพการทำงานของผู้ทำงานเดิมให้ประชาชนรู้สึกคุ้มค่ากับภาษีที่จ่ายไป

**ปูปัดทบทวนมาตรา 112 โยนให้สภาฯ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวพรรคเพื่อไทยเตรียมจะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ว่า ไม่ใช่ ข้อเท็จจริงคือมีการสัมภาษณ์และสอบถามความเห็นในเรื่องนี้ ซึ่งตนก็ได้ตอบไปว่ามาตรานี้มีความละเอียดอ่อน คงต้องให้ผู้ที่มีความรู้มาหารือและพูดคุยกัน ส่วนตัวไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ ซึ่งความจริงคือไม่ควรจะนำมาตรานี้ “ไปอ้างอิงไม่ถูกที่” อีกทั้งเรื่องนี้น่าจะเป็นกระบวนการของทางสภามากกว่า

เมื่อถามว่า อยากให้ช่วยขยายความที่ระบุว่า "ไปอ้างอิงไม่ถูกที่" คืออะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ในเรื่องนี้เราต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรไม่ให้มีการนำไปใช้อ้างอิงมากกว่า ส่วนประเด็นที่จะแก้ไขถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และขอยังไม่ให้ความเห็นในตอนนี้เพราะยังไม่ได้เข้าไปศึกษาอย่างละเอียด คงต้องปรึกษากับผู้ที่มีความรู้ก่อน

เมื่อถามว่าจะมีการทบทวนมาตรา 112 หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าไม่เคยพูดเพราะเรื่องนี้ต้องแล้วแต่ขบวนการทางรัฐสภาอยู่แล้ว และวันนี้ก็ยังไม่ได้มีความคิดที่จะแก้รัฐธรรมนูญ โจยน์แรกที่ต้องทำภารกิจเน่งด่วนของเราคือทำอย่างไรให้ประเทศชาติเกิดความปรองดองการแก้ไขปัญหาปากท้องนั้นคือภารกิจเร่งด่วน

เมื่อถามว่าคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน จะมีไม่การทำเรื่องนิรโทษในการเดินหาปรองดอง คิดอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าเห็นด้วยแล้วแต่คอป.ตนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอยากให้คอป.ทำงานอย่างมีอิสระเต็มที่ สิ่งใดที่ตนและพรรคเพื่อไทยจะสามารถสนับสนุนให้ทำงานอย่างเต็มที่ได้ก็ยินดี

**ปชป.ซัดอย่าพลิ้วล้างอาญาให้แม้ว

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ คอป.ซึ่งใกล้จะเตรียมรายงานความคืบหน้าในการทำงานครบ1ปี โดยพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะสนับสนุนให้คอป.เดินหน้าทำงานต่อ อันถือว่าเป็นการสานงานต่อแนวทางการปรองดองที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ริเริ่มขึ้นภายหลังมีเหตุการณ์สูญเสียชีวิตของประชาชนเมื่อเดือนพ.ค.53 แต่ทั้งนี้ขอเรียกร้องไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีให้แสดงความชัดเจนว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะตั้งคณะกรรมการคู่ขนานจากฝ่ายบริหารเพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วยด้วยหรือไม่ รวมถึงพร้อมจะสนับสนุนและให้ความอิสระคณะกรรมการชุดอื่นๆ ที่มีการตั้งขึ้นมาทำงานก่อนหน้านี้ด้วยหรือไม่ ทั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน และคณะกรรมการสมัชชาปฎิรูปประเทศที่มีนพ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน

ส่วนกรณีการให้สัมภาษณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้ไว้กับนสพ.ดิ อินดีเพนเด้น ของประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 7 ก.ค.และนสพ.มติชนได้ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อฉบับวันที่8ก.ค.โดยระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวว่าสิ่งแรกที่จะทำให้การกระบวนปรองดองเกิดขึ้นจริงต้องกลับไปก่อนคำตัดสินของศาล และรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นถูกบังคับใช้หลังจากการรัฐประหารในปี 2549 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงหลังการหารือ โดยรัฐบาลควรถามประชาชนว่าต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใดและจะให้มีการทำประชาพิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนั้น นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า คำถามก็คือการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุว่าควรจะต้องกลับไปก่อนคำตัดสินของศาลนั้นหมายถึงคดีอะไร เพราะคำวินิจฉัยของศาลสิ้นสุดไปแล้ว และคดีก็มี2กลุ่มคือ 1.คดีการตัดสิทธิ์ทางการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะสนับสนุนหากมีความเห็นที่ตรงกันของคณะกรรมการอิสระ 2.คดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรร์รัปชั่น ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าในอดีตมีความพยายามที่จะทำประชาพิจารณ์เพื่อยกเลิกมาตรา39 ที่จะทำให้กระบวนการที่เกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญปี50 มีผลต่อการล้างผิดคดีอาญา ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นคำให้สัมภาษณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ไม่ตรงกับคำให้สัมภาษณ์ในประเทศ จึงขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์แสดงความชัดเจน

**ทูตจีนพบยิ่งลักษณ์แสดงความยินดี

เวลา 14.40 น. นายก่วน มู่ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ห้องรับรอง ชั้น 8 ที่อาคารไอโอเอ ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อแสดงความยินดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง

นายก่วน มู่ ได้พูดคุยเป็นภาษาไทยว่า ไทยกับจีนเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน อีกทั้งรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับไทยเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีน มีความมุ่นมั่นและหวังว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จะทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งทำให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีกันในประเทศ ซึ่งเป็นความปรารถนาจากทุกฝ่าย เพื่อประเทศไทยจะได้เดินไปข้างหน้าได้อย่างดี.
กำลังโหลดความคิดเห็น