“พล.อ.ประยุทธ์” หงุดหงิดสื่อ พาดหัวข่าว อ้อนรัฐบาลซื้อเฮลิคอปเตอร์ 30 ลำ ระบุเป็นการไม่ให้เกียรติทหาร ลั่นไม่ต้องอ้อนใคร เพราะเป็นการทำตามหน้าที่ ขณะเดียวกัน ยังติงการพาดหัวข่าว “รมว.กห.-ผบ.ทบ.” ไม่กล้าขึ้น ฮ.ให้ลูกน้องไปแทน ขู่ถ้าขืนขึ้นหัวข่าวแบบนี้เลิกให้สัมภาษณ์
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพเฮลิคอปเตอร์หลังเฮลิคอปเตอร์ตก ว่า ไม่ใช่เพราะมี ฮ.ตก ถึงมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไร ซึ่งเราคิดทุกวันก่อนเครื่องจะตก ตลอดเวลากองทัพบกไม่ได้ทำงานด้วยความรู้สึก หรืออยากจะทำ เพราะตนอยากจะได้หรืออยากจะซื้อ แต่เป็นความต้องการของกองทัพที่จะพัฒนาในด้านยุทโธปกรณ์ความรู้ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเราอยู่ในช่วงแผนพัฒนาในห้วงที่ 3 ปี 2556-2559 โดยใช้เป็นงบประมาณผูกพัน 3 ปีแต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน
สำหรับอากาศยานของ ทบ.ที่ได้มาจาการช่วยเหลือส่วนหนึ่ง อีกส่วนซื้อมา แต่ทั้งหมดมีการรับรองมาตรฐานสากลของสหรัฐฯ และบริษัทที่ได้รับการรับรอง ปัจจุบันมีการตรวจสอบอยู่ จึงเป็นไปไม่ได้ว่า ถ้าของไม่ดีใช้ไม่ได้แล้วเราจะฝืนให้ขึ้นไป เพราะชีวิตคน ตนเป็นผู้บังคับบัญชา ก็ต้องเป็นห่วงผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน ไม่ว่าชั้นยศไหน เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่ากองทัพบกไม่เป็นห่วง แต่มีบางสื่อไปเขียนว่า ตนถือโอกาสที่จะซื้อ ฮ.ทั้งที่เป็นสิ่งตนเล่าให้ฟังว่ากองทัพบกมีการพัฒนาอย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน รวมถึงหาสาเหตุพร้อมหาวิธีทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะนักบิน เครื่องบิน การใช้งานมาตรการต่างๆ ที่ผ่านมา เรามีมาตรการดำเนินการมาตลอด แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ และช่วงที่ผ่านมาเราได้ปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์มาตลอดไม่ได้เพิ่งมาทำตอนนี้ สิ่งที่ทำอยู่ คือ ฮ.ที่หมดอายุการใช้งานมีจำนวนกี่ลำ รวมถึงการรวบรวมอะไหล่ต่างๆ เพื่อให้เหลือ ฮ.ที่สามารถใช้การได้ปลอดภัย 100% จำนวนกี่ลำ ก็มีตัวเลขอยู่แล้ว เพราฉะนั้น ฮ.ที่ไม่ปลอดภัยจะไม่บินขึ้นแน่นอน
“การพัฒนาของกองทัพบก ผมให้ปีนี้เป็นปีแห่งการพัฒนา สำหรับเรื่องยุทโธปกรณ์ก็ต้องมาดูว่าสิ่งไหนควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็เหมือนกัน ผมจะต้องเสนอผ่านรัฐบาล ผมทำงานด้วยหลักการและหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ และกลไกของกองทัพบก เพราะฉะนั้นอย่าไปเขียนข่าวว่า ผมไปอ้อนใคร มันไม่ใช่ทหารใช้คำพูดแบบนั้นไม่ได้ กรุณาให้เกียรติทหารด้วยในการใช้คำพูดพาดหัวข่าว ผมไม่ต้องอ้อนใคร เพราะเป็นการทำงานตามหน้าที่ เพราะฉะนั้นใครที่มาเป็นรัฐบาลผมก็ต้องทำกับรัฐบาลนั้น อย่าทำให้เกิดข้องขัดแย้ง ถ้าไม่ใช่เช่นนั้นจะไปคนละเรื่อง ทุกอย่างก็จะเป๋ไปหมด”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับ เบลล์ 212 ที่ระงับไม่ให้ขึ้นบินขณะนี้ ผบ.ศบบ.ได้จัดชุดช่างไปตรวจสอบ ซึ่งต้องทำโดยเร็วไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา เพราะเบลล์ 212 ใช้กันทุกกองทัพภาค ในการปฏิบัติภารกิจหลายประการโดยเฉพาะการส่งกำลัง การเคลื่อนย้าย การตรวจเยี่ยมของผู้บังคับบัญชาโดยต้องให้เจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญระดับสูงและยืนยันด้วยว่าเครื่องใช้ได้หรือไม่ ถ้าใช้ได้ก็ต้องขึ้นบิน
เมื่อถามว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา จะมาเป็น รมว.กลาโหม กองทัพรับได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบมีชื่อออกมาแล้วหรือ ถ้าใครเป็นก็เป็นได้ ตนเป็นกลไกของรัฐบาลก็เป็นการทำงานร่วมกัน ไม่อยากเน้นที่ตัวบุคคล ตนไม่ใช่ตัวบุคคลแต่เป็นกองทัพบกและเป็นผู้นำองค์กร
ผู้สื่อข่าวถามว่า การหารือซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพต้องหารือกับรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าถ้ารัฐบาลนี้เป็น หรือคนที่เป็น รมว.กลาโหม แล้วกองทัพบกจะได้ประโยชน์และ ผบ.ทบ.จะได้ซื้อของ ถ้ามองอย่างนี้กันหมดเราก็ตาย ซึ่งไม่ใช้ระบบของกองทัพ ระบบของทุกกระทรวงทบวงกรมก็เป็นอย่างนี้ โดยเสนอเจ้ากระทรวงขึ้นไป แต่การจัดทำงบประมาณต้องมีการหารือกันว่าเหมาะสมหรือไม่ ถ้าเหมาะสมก็เสนอผ่านไปยังกองทัพไทยและผ่านไปยังกระทรวงกลาโหม โดยระหว่างนี้มีขั้นตอนมีคณะทำงาน กำหนดรูปแบบยุทโธปกรณ์ จัดตั้งงบประมาณเสนอเข้า ครม.ขออนุมัติ เสร็จแล้วก็ออกมาสู่กลไกการจัดซื้อจัดจ่าง ทุกอย่างมีขั้นตอน
“ทำไมถึงมีปัญหาการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ นั่นคือ มีบริษัทอยู่ไม่กี่บริษัททำเรื่องเหล่านี้ แต่เราพยายามทำแบบซื้อรัฐบาลต่อรัฐบาล ซึ่งเป็นขั้นตอนการจัดซื้อจัดหา ถ้าทำได้ในหลักการ อาวุธยุทโธปกรณ์ไม่ใช่ว่ามีผลิตอยู่แล้วไปซื้อได้เลย ยกตัวอย่างถ้าจะซื้อ ฮ.แบล็กฮอว์ก วันนี้ขั้นตอนต้องขออนุมัติเข้าไป จากนั้นสหรัฐฯก็จะเสนอเข้าสภาคองเกรส ว่า จะขายให้หรือไม่ กว่าจะเสนอเข้าไปก็ปีกว่าๆ นี่ยังไม่พูดถึงว่าจะมีงบประมาณหรือไม่ เพียงแต่ขออนุมัติหลักการ เขาก็ต้องขออนุมัติหลักการว่าเขาจะขายให้เราหรือไม่ อย่าง ฮ.แบล็กฮอว์ก ที่อนุมัติขอซื้อ 3 ลำเลย เวลามา 2 ปีมาแล้ว ก็พยายามติดตามอยู่ว่าจะซื้อได้หรือไม่ เพื่อขออนุมัติสภาคองเกรส เมื่ออนุมัติขึ้นมาเขาก็ต้องดูว่าประเทศเขามีความต้องการผลิตอีกจำนวนกี่ลำ ถ้าเขาผลิตไม่เสร็จก็ขายให้ใครไม่ได้ต้องเข้าคิวไว้ก่อน”
ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่า ฮ.แบล็กฮอว์ก ที่เราจะซื้อ จะได้เมื่อไหร่ และงบประมาณที่จะไปซื้อไม่รู้ว่ายังมีอยู่หรือไม่ เพราะงบประมาณแต่ละปีเป็นงบผูกพัน การสร้าง ฮ.ไม่ใช่ว่าสร้างอาทิตย์นี้ และอาทิตย์หน้าได้รับแล้ว เขาไม่ได้สร้างเก็บไว้ในโรงรถ ดังนั้น เลิกพูดได้เลยว่าจะซื้อวันนี้ แล้วอาทิตย์หน้าได้ ที่ผมบอกว่าจะซื้อ 30 ลำ ที่มีแผนจะมาชดเชย ไม่ใช่ตนมาขอเมื่อ ฮ.ตกแล้วมาขอ 30 ลำกรุณาเข้าใจกันเสียใหม่ด้วย และไม่ได้ใช้โอกาสตรงนี้เพื่อทำวิกฤติให้เป็นโอกาสเพื่อจะซื้อของหรือเพื่อไปทุจริตอีก
“ผมว่าถ้าแบบนี้ก็อย่าทำงานกันเลย ขอให้เห็นใจกันบ้าง ผมรู้ว่าทุกคนตั้งใจดีอยากให้สังคมได้รับรู้ ที่ผมพยายามพุดทุกวันยอมเหนื่อยทุกวัน ซึ่งปกติเขาไม่พูดมากกัน คงไม่มีผบ.ทบ.คนไหนมาอธิบายแบบนี้ แต่อยากอธิบายให้เข้าใจว่า กองทัพบกพยายามทำทุกอย่างให้เกิดความโปร่งใส ให้กองทัพบกมีประสิทธิภาพ ให้เกิดความไว้วางใจกับคนในประเทศ ถ้าไม่เชื่อมั่นกองทัพจะปกป้องประเทศชาติกันอย่างไร การจะไปถ่วงดุลกับประเทศอื่นๆ คงไม่ได้ ถ้าเราไม่เข้มแข็ง วันนี้ทุกประเทศต้องการผลประโยชน์ของชาติทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเจรจาเรื่องอะไรก็ตามหรือไปตัดสินอะไรเป็นผลประโยชน์ของชาติทั้งสิ้น”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนที่มีปัญหากับใคร เราต้องคุยกันเองให้รู้เรื่อง อย่าเอาคนอื่นเข้ามา ถ้าคนอื่นเข้ามาไม่เข้าใจประเด็นปัญหาไม่เข้าใจพื้นฐานประเทศเรา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา เขาตัดสินอะไรมาก็ได้เมื่อถึงเวลานั้นเราจะเดือดร้อน ตนถึงบอกว่าอะไรก็ตามที่มีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านควรพยายามคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ถ้าทั้งสองประเทศมองหน้ากันไม่ได้ กระทบกระทั่งกันก็จะลำบาก
“วันก่อนผมเดินทางไปร่วมพิธีรดน้ำศพของผู้เสียชีวิตที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเรามีแผนการเดินทางของผู้บังคับบัญชา จากฝ่ายอำนวยการเตรียมการทั้งเดินทางด้วยรถยนต์ หรือ ฮ.โดยปกติถ้าอากาศไม่ดีก็จะไม่บินขึ้น เว้นแต่สถานการณ์ไม่ปกติ คือ สถานการณ์ที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในการกู้ภัย แต่ไม่ใช่ว่าไปเขียนกันว่า รมว.กลาโหม และ ผบ.ทบ.ไม่กล้าขึ้น ฮ.แต่ให้ลูกน้องขึ้นแทน ซึ่งผมไม่ได้โกรธ แต่เป็นธรรมหรือไม่”
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันมาถามผู้สื่อข่าวว่า เป็นธรรมหรือไม่กับเรื่องอย่างนี้ ผมอยากถามว่าความคิดของสื่อกับการเขียนไปนั้นเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยก็จะให้เดินทางด้วย ฮ.ไปด้วยทุกครั้ง เมื่อผู้สื่อข่าวแย้งว่า ข่าวที่นำเสนอ ผบ.ทบ.เดินทางด้วยรถยนต์แทนขึ้น ฮ. เพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาไม่ใช่อย่างนั้น ฉะนั้นต้องจำไว้ว่าใครพาดหัวข่าว ถ้าอย่างนี้วันหลังก็ไม่ต้องมาสัมภาษณ์กันแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินไปขึ้นลิฟต์ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ในขณะเดียวกัน ได้เดินออกมาชี้หน้าผู้สื่อข่าว พร้อมกับย้ำอีกว่า ถ้าไม่ตอบคำถามตนว่าใครพาดหัวข่าว ก็ไม่ต้องมาถามกันอีกต่อไปนี้จะไม่ให้สัมภาษณ์