xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยจะไปทางไหน : กรณีกองทัพกับการเมือง (ตอน 2)

เผยแพร่:   โดย: พลเอกมนตรี ศุภาพร, Ph.D.

ผมดีใจที่ได้รับฟังคำให้สัมภาษณ์ของท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ว่า ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของคุณยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยคราวนี้ จะปล่อยให้ฝ่ายทหารเลือกรัฐมนตรีกลาโหมกันเองแต่ต้องๆ รับผิดชอบเรื่องความมั่นคงเรื่องวินัยทหารและความเรียบร้อยในกองทัพกันเอง เพราะอย่างน้อยก็แสดงว่าคุณทักษิณเริ่มมีความเข้าใจในเรื่องของกองทัพและการเมืองมากขึ้นแล้ว

แต่จะเป็นจริงตามที่คุณทักษิณพูดหรือไม่ ผมยังไม่แน่ใจ อาจจะเป็นเพียงเรื่องที่คุณทักษิณทำให้ทหารสบายใจกับข่าวที่คุณทักษิณจะตั้งคนนั้นคนนี้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม แต่เมื่อคุณทักษิณเปิดทางเช่นนี้ ก็ทำให้ขบวนการวิ่งเต้นเป็นรัฐมนตรีก็เริ่มคึกคักอีกครั้ง จนลืมไปว่าคนที่เป็นคนจัดตั้งรัฐบาลคือคุณยิ่งลักษณ์ที่ก็มีสัญญาใจกับใครบางคนอยู่เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าประเด็นมิได้อยู่ที่ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม แต่อยู่ที่ความระมัดระวังมิให้นักการเมืองที่เข้ามาแทรกแซงกองทัพในทางปฏิบัติ และการที่ฝ่ายการเมืองจะต้องสนับสนุนกองทัพไทยให้มีการพัฒนาไปสู่ความเป็นทหารอาชีพมากกว่า

การที่การเมืองสนับสนุนการทหารให้มุ่งสู่ความเป็นทหารอาชีพนั้น มิได้หมายความว่าจะต้องใช้อดีตทหารเข้ามาควบคุมทหารแล้วจะสามารถพัฒนากองทัพได้ ตรงกันข้ามทหารกลับต้องการนักการเมืองที่มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องการเมือง การทหารและกฎหมายเป็นอย่างดีมาช่วยเหลือให้การพัฒนากิจการทหารไทยเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง

ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ ที่ฝ่ายการเมืองต้องรีบแก้ไขด่วน ทั้งๆ ที่ทหารเองก็พยายามทำกันมานานแล้วแต่ไม่ยังไม่สำเร็จ ก็คือกฎหมายที่เกี่ยวกับการรับราชการทหารที่ท่านจะต้องจัดระเบียบกองทัพเสียใหม่โดยเฉพาะการปล่อยให้กองทัพไทยมีนายทหารชั้นนายพลนับพันคนซึ่งไม่มีตำแหน่งและไม่มีงานทำ สาเหตุเนื่องจากไม่มีระบบที่สามารถปลดถ่ายกำลังพลที่รับเข้ามามากระหว่างมีสงคราม พอเขาเติบโตขึ้นก็จำเป็นต้องแต่งตั้งยศตามขั้นตอนและความอาวุโส เพราะจะต้องอยู่ถึงเกษียณอายุ 60 ปี เช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือน

กองทัพที่เป็นมาตรฐานทั่วโลกเขาใช้วิธีคัดเลือกด้วยระบบคุณธรรมที่เข้มงวดและการกำหนดอายุของผู้บริหารกองทัพเป็นเกณฑ์ เช่น เป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพอายุระหว่าง 50-55 ปี เป็นได้ไม่เกิน 2 ปี การกำหนดดังนี้ทำให้นายทหารระดับล่างๆ มาอายุก็ลดหลั่นกันลงไป หลังการคัดเลือกแล้วการข้ามอาวุโสกระทำได้ยากมากทำให้ไม่สามารถตั้งนายพลกันได้ง่ายๆ เช่น ประเทศไทย เรื่องนี้มีรายละเอียดมาก แต่ถ้าทำได้ก็จะสามารถหยุดสิ่งเลวร้ายในกองทัพได้หลายอย่าง เช่น จะสามารถหยุดยั้งการวิ่งเต้นกับนักการเมืองเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งสูงในกองทัพ หยุดยั้งการคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์เพราะผู้รับผิดชอบต้องผ่านการคัดเลือกที่เข้มงวด หยุดได้แม้กระทั่งการปฏิวัติรัฐประหาร เพราะทหารจะมุ่งแข่งขันในการทำผลงานเพื่อกองทัพที่โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง

อีกเรื่องหนึ่งคือกฎหมายด้านการเกณฑ์ทหารและการกำลังสำรองของทหารที่ปัจจุบันใช้วิธีเกณฑ์ทหาร โดยวิธีจับฉลากใบดำใบแดง ทำให้ไม่สามารถคัดเลือกทหารเกณฑ์ที่มีคุณภาพได้ ในขณะที่คนมีเงินก็สามารถหาทางหลีกเลี่ยงไม่เป็นทหารได้ง่าย ทั้งที่วิธีการนำคนมาเป็นทหารที่เป็นมาตรฐานโลกนั้นยังมีอีกหลายวิธี ส่วนเรื่องกำลังสำรองนั้นผมก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเรียกพลกำลังสำรองได้จริงในยามสงคราม หรือในยามที่ไทยมีปัญหาใหญ่ในการรบเพื่อป้องกันประเทศ กองทัพจึงต้องการนักการเมืองมาช่วยคิดช่วยทำเรื่องเหล่านี้

นอกจากนั้นการจะทำให้ไทยพึ่งตนเองได้คือการสร้างอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ นั่นคือการผลิตอาวุธเองแทนที่จะซื้ออาวุธจากต่างประเทศซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก จากประสบการณ์ของผมที่เคยทำงานด้านนี้ สามารถยืนยันได้ว่าคนไทยมีความสามารถที่จะผลิตอาวุธกระสุนและยุทโธปกรณ์ได้ทุกชนิดแม้แต่รถถังเครื่องบินหรือจรวดแต่ต้องปล่อยให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการผลิตและพัฒนาอาวุธ แต่ทุกวันนี้ทำไม่ได้เพราะมีกฎหมายห้ามไว้ ประกอบกับผู้ใหญ่ฝ่ายทหารเองก็อยากซื้ออาวุธต่างประเทศเพราะได้ทั้งอำนาจและเงินตราในการจัดหา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นายทหารใกล้เกษียณมาเป็น ผบ.เหล่าทัพ จะต้องรีบของบประมาณซื้อรถถัง ปืนใหญ่ เรือรบ และเครื่องบินรบทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง และเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อค้าอาวุธจะแข่งกันมีบทบาทชี้นำการซื้ออาวุธต่างประเทศราคาสูงลิ่วให้กับกองทัพ

และยังมีอีกหลายๆ เรื่อง เช่น การยกเลิกหน้าที่ทหารที่ทำให้กองทัพต้องมีภาระเพิ่มขึ้นหรือเป็นหน้าที่ของราชการอื่นๆ เช่น งานความมั่นคงภายในบางเรื่อง งานพัฒนาบางอย่าง หรือบางงานที่ทหารจะต้องให้ประชาชนช่วยเหลือโดยเฉพาะงานความมั่นคงตามชายแดนที่ต้องมอบอำนาจให้กับหน่วยงานอื่น

ที่กล่าวมานี้เป็นตัวอย่างเพียงบางเรื่องที่ชี้ให้เห็นว่า ทหารต้องการนักการเมืองมาช่วยเพื่อให้กองทัพพัฒนาตนเองได้ ไม่ใช่เพียงเอาคนที่ทหารพอใจมาเป็นรัฐมนตรีเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่ท่านต้องคัดเลือกคนดีมีคุณสมบัติและมีความสามารถมาทำหน้าที่สำคัญยิ่งนี้จึงจะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง

การตั้งรัฐมนตรีกลาโหมตามความต้องการของฝ่ายทหาร จึงน่าจะเป็นเพียงลูกเล่นทางการเมืองก่อนเปิดสภาเพื่อตั้งรัฐบาลใหม่เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น