ผมคงต้องยินดีกับคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา และคงจะมีการจัดตั้งรัฐบาลต่อจากนี้ไป ผมคาดว่ารัฐบาลใหม่จะเผชิญกับเรื่องท้าทายอย่างมากมายหลายเรื่องในอนาคตอันใกล้นี้
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังมีปัญหาด้านความมั่นคงอยู่รอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งเรื่องเขตแดนกับประเทศกัมพูชา ปัญหาชายแดนภาคใต้ และปัญหายาเสพติด ผมไม่แน่ใจว่ารัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทยที่มีคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี จะเลือกดำเนินการอย่างไรกับกองทัพไทย โดยเฉพาะกองทัพบก ซึ่งดูจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด
ในฐานะของอดีตทหารที่รับราชการมานาน ผมอยากจะฝากความเห็นเรื่องกองทัพไทยให้แก่ท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า เมื่อผมดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมและจเรทหารทั่วไป ผมได้เคยเตือนรัฐบาลในขณะนั้นซึ่งนำโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของคุณยิ่งลักษณ์ในหลายโอกาสว่าสิ่งที่ท่านจะต้องรีบทำโดยรีบด่วนคือการปรับปรุงกองทัพไทยให้เป็นกองทัพที่ทันสมัยที่มีขีดความสามารถสูง และส่งเสริมกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และที่สำคัญคือท่านไม่ควรยุ่งกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารซึ่งเป็นเรื่องของกองทัพโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากท่านแต่อย่างใด
จนกระทั่งในปี 49 มีการประชุมสภากลาโหมนัดหนึ่ง ผมก็ได้นำเสนอที่ประชุมเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซงกองทัพโดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ซึ่งผมได้รับการร้องเรียนจากกำลังพลที่ไม่พอใจของกองทัพจำนวนมาก ซึ่งในขณะนั้นพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ซึ่งเข้าประชุมนั่งถัดจากผมนั่งฟังอยู่ด้วยความสนใจ ส่วนสมาชิกสภากลาโหมอื่นที่เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพก็รับฟังและเห็นด้วยกับผม ซึ่งผมเชื่อว่าคำกล่าวของผมเป็นสัญญาณบอกเหตุครั้งสำคัญที่แสดงความไม่พอใจของทหารที่มีต่อรัฐบาล จากนั้นมีผู้นำคำกล่าวของผมไปให้สื่อมวลชน ซึ่งเผยแพร่ไปทั่วประเทศในวันต่อมา
อันที่จริงแล้วที่ผมกล่าวในสภากลาโหมครั้งนั้น มีความตั้งใจเพียงส่งคำเตือนไปให้นายกรัฐมนตรีทักษิณซึ่งเป็นผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อนว่า ขณะนี้ทหารไม่พอใจที่ฝ่ายการเมืองเข้าแทรกแซงกองทัพ รัฐบาลควรจะเข้ามาแก้ไขเรื่องนี้ด้วยการสร้างความเข้าใจกับผู้นำเหล่าทหารโดยทันที ซึ่งน่าเสียดายว่ารัฐบาลมิได้ตระหนักในคำเตือนของผม ผมทราบว่าคนใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรีทักษิณนำคำกล่าวของผมไปวิเคราะห์หลายคน แต่ดูเหมือนคุณทักษิณก็ไม่สนใจเช่นเคย ไม่กี่เดือนต่อมา พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน และบรรดาผู้นำทหารทุกเหล่าทัพ ก็นำกำลังเข้าทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ผมอยู่ในราชการทหารมา 40 กว่าปี เห็นการปฏิวัติรัฐประหารมานับครั้งไม่ถ้วน และไม่อยากเห็นอีกแล้ว จึงขอส่งคำเตือนไปยังรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ให้ระวังเรื่องการปฏิบัติใดๆ ที่มีลักษณะแทรกแซงกองทัพ โดยเฉพาะตัวคุณยิ่งลักษณ์เองหรือนักการเมืองในสังกัดของพรรคเพื่อไทย อย่าเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารเป็นอันขาด ทหารอาชีพมีระบบและระเบียบในการแต่งตั้งโยกย้ายของตนเองที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ดูแลให้เขาปฏิบัติตามระเบียบและกฎเกณฑ์ที่ยุติธรรมต่อกำลังพลทั่วไปเท่านั้นก็พอ นายทหารทุกคนทำงานด้วยกันมาหลายสิบปี เพียงเห็นชื่อก็รู้ดีว่าใครดีใครเก่งหรือใครไม่ดีอย่างไร
มีแต่ทหารที่คนในกองทัพไม่เอาด้วยแล้วเท่านั้นที่ไปวิ่งเต้นขอตำแหน่งกับนักการเมือง
ส่วนนักการเมืองเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการแต่งตั้งทหารพวกนี้เลย การแต่งตั้งคนไม่ดีมาเป็นแม่ทัพนายกองสร้างแต่สิ่งเลวร้ายให้เกิดขึ้นในกองทัพ ทำให้ทหารเสียระบบ คนที่ไม่วิ่งเต้นแต่มีความสามารถไม่สามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญเพื่อปรับปรุงหรือทำงานให้กองทัพได้ อันเป็นผลให้กองทัพอ่อนแอมาจนถึงทุกวันนี้
หากยังเชื่อความคิดที่ว่าถ้าเป็นคนตั้งผู้นำทหารแล้วจะสามารถคุมกองทัพได้ ก็ขอให้ดูนายกฯ ทักษิณเป็นตัวอย่าง ขณะนี้คุณทักษิณน่าจะเห็นด้วยกับผมแล้ว เพราะเห็นให้สัมภาษณ์ครั้งหลังว่าตัดสินใจผิดพลาดที่สุดที่แต่งตั้ง พลเอกสนธิ เป็น ผบ.ทบ.แต่ผมว่าท่านตัดสินใจผิดตั้งแต่ต้นที่เข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายทหารต่างหาก
เรื่องที่รัฐบาลใหม่ต้องรีบทำคือ การปรับปรุงขีดความสามารถของกองทัพไทยที่ขณะนี้อ่อนแอและขาดประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศ อันเป็นผลจากการแทรกแซงทางการเมืองในอดีต สิ่งสำคัญในการปรับปรุงมีอยู่ 2 ประการคือ การปรับปรุงทางโครงสร้างของกองทัพให้มีมาตรฐานและเหมาะสมกับสงครามสมัยใหม่ซึ่งมีเรื่องต้องทำหลายสิบเรื่อง และการปรับปรุงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ให้เป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยสามารถพึ่งตนเองได้จากการซื้ออาวุธกระสุนราคาแพงมากจากต่างประเทศ ทั้งสองเรื่องจะต้องทำโดยคนที่รู้เรื่องดีอย่างรีบด่วนและต้องแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งถ้ารัฐบาลเอาใจใส่โดยไม่นำการเมืองเข้าไปแทรก ก็จะทำให้ทหารไทยมุ่งสู่ความเป็นทหารอาชีพในที่สุด
ผมได้เขียนหนังสือแนะนำในเรื่องการปรับปรุงและพัฒนากองทัพไทยไว้หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องวิสัยทัศน์ประเทศไทย 2570 และเรื่องทหารของแผ่นดิน ซึ่งรัฐบาลควรนำไปศึกษาและแก้ไขโดยเร็วก็จะเป็นคุณประโยชน์แก่กองทัพไทยเป็นอย่างยิ่ง และจะเป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐบาลกับกองทัพไทย
ขอแต่เพียงรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีคุณทักษิณช่วยคิดอยู่ข้างหลัง อย่าเอาเรื่องแก้ไขมาปกปิดการแก้แค้นก็แล้วกัน
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังมีปัญหาด้านความมั่นคงอยู่รอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งเรื่องเขตแดนกับประเทศกัมพูชา ปัญหาชายแดนภาคใต้ และปัญหายาเสพติด ผมไม่แน่ใจว่ารัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทยที่มีคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี จะเลือกดำเนินการอย่างไรกับกองทัพไทย โดยเฉพาะกองทัพบก ซึ่งดูจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด
ในฐานะของอดีตทหารที่รับราชการมานาน ผมอยากจะฝากความเห็นเรื่องกองทัพไทยให้แก่ท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า เมื่อผมดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมและจเรทหารทั่วไป ผมได้เคยเตือนรัฐบาลในขณะนั้นซึ่งนำโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของคุณยิ่งลักษณ์ในหลายโอกาสว่าสิ่งที่ท่านจะต้องรีบทำโดยรีบด่วนคือการปรับปรุงกองทัพไทยให้เป็นกองทัพที่ทันสมัยที่มีขีดความสามารถสูง และส่งเสริมกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และที่สำคัญคือท่านไม่ควรยุ่งกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารซึ่งเป็นเรื่องของกองทัพโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากท่านแต่อย่างใด
จนกระทั่งในปี 49 มีการประชุมสภากลาโหมนัดหนึ่ง ผมก็ได้นำเสนอที่ประชุมเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซงกองทัพโดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ซึ่งผมได้รับการร้องเรียนจากกำลังพลที่ไม่พอใจของกองทัพจำนวนมาก ซึ่งในขณะนั้นพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ซึ่งเข้าประชุมนั่งถัดจากผมนั่งฟังอยู่ด้วยความสนใจ ส่วนสมาชิกสภากลาโหมอื่นที่เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพก็รับฟังและเห็นด้วยกับผม ซึ่งผมเชื่อว่าคำกล่าวของผมเป็นสัญญาณบอกเหตุครั้งสำคัญที่แสดงความไม่พอใจของทหารที่มีต่อรัฐบาล จากนั้นมีผู้นำคำกล่าวของผมไปให้สื่อมวลชน ซึ่งเผยแพร่ไปทั่วประเทศในวันต่อมา
อันที่จริงแล้วที่ผมกล่าวในสภากลาโหมครั้งนั้น มีความตั้งใจเพียงส่งคำเตือนไปให้นายกรัฐมนตรีทักษิณซึ่งเป็นผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อนว่า ขณะนี้ทหารไม่พอใจที่ฝ่ายการเมืองเข้าแทรกแซงกองทัพ รัฐบาลควรจะเข้ามาแก้ไขเรื่องนี้ด้วยการสร้างความเข้าใจกับผู้นำเหล่าทหารโดยทันที ซึ่งน่าเสียดายว่ารัฐบาลมิได้ตระหนักในคำเตือนของผม ผมทราบว่าคนใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรีทักษิณนำคำกล่าวของผมไปวิเคราะห์หลายคน แต่ดูเหมือนคุณทักษิณก็ไม่สนใจเช่นเคย ไม่กี่เดือนต่อมา พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน และบรรดาผู้นำทหารทุกเหล่าทัพ ก็นำกำลังเข้าทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ผมอยู่ในราชการทหารมา 40 กว่าปี เห็นการปฏิวัติรัฐประหารมานับครั้งไม่ถ้วน และไม่อยากเห็นอีกแล้ว จึงขอส่งคำเตือนไปยังรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ให้ระวังเรื่องการปฏิบัติใดๆ ที่มีลักษณะแทรกแซงกองทัพ โดยเฉพาะตัวคุณยิ่งลักษณ์เองหรือนักการเมืองในสังกัดของพรรคเพื่อไทย อย่าเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารเป็นอันขาด ทหารอาชีพมีระบบและระเบียบในการแต่งตั้งโยกย้ายของตนเองที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ดูแลให้เขาปฏิบัติตามระเบียบและกฎเกณฑ์ที่ยุติธรรมต่อกำลังพลทั่วไปเท่านั้นก็พอ นายทหารทุกคนทำงานด้วยกันมาหลายสิบปี เพียงเห็นชื่อก็รู้ดีว่าใครดีใครเก่งหรือใครไม่ดีอย่างไร
มีแต่ทหารที่คนในกองทัพไม่เอาด้วยแล้วเท่านั้นที่ไปวิ่งเต้นขอตำแหน่งกับนักการเมือง
ส่วนนักการเมืองเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการแต่งตั้งทหารพวกนี้เลย การแต่งตั้งคนไม่ดีมาเป็นแม่ทัพนายกองสร้างแต่สิ่งเลวร้ายให้เกิดขึ้นในกองทัพ ทำให้ทหารเสียระบบ คนที่ไม่วิ่งเต้นแต่มีความสามารถไม่สามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญเพื่อปรับปรุงหรือทำงานให้กองทัพได้ อันเป็นผลให้กองทัพอ่อนแอมาจนถึงทุกวันนี้
หากยังเชื่อความคิดที่ว่าถ้าเป็นคนตั้งผู้นำทหารแล้วจะสามารถคุมกองทัพได้ ก็ขอให้ดูนายกฯ ทักษิณเป็นตัวอย่าง ขณะนี้คุณทักษิณน่าจะเห็นด้วยกับผมแล้ว เพราะเห็นให้สัมภาษณ์ครั้งหลังว่าตัดสินใจผิดพลาดที่สุดที่แต่งตั้ง พลเอกสนธิ เป็น ผบ.ทบ.แต่ผมว่าท่านตัดสินใจผิดตั้งแต่ต้นที่เข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายทหารต่างหาก
เรื่องที่รัฐบาลใหม่ต้องรีบทำคือ การปรับปรุงขีดความสามารถของกองทัพไทยที่ขณะนี้อ่อนแอและขาดประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศ อันเป็นผลจากการแทรกแซงทางการเมืองในอดีต สิ่งสำคัญในการปรับปรุงมีอยู่ 2 ประการคือ การปรับปรุงทางโครงสร้างของกองทัพให้มีมาตรฐานและเหมาะสมกับสงครามสมัยใหม่ซึ่งมีเรื่องต้องทำหลายสิบเรื่อง และการปรับปรุงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ให้เป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยสามารถพึ่งตนเองได้จากการซื้ออาวุธกระสุนราคาแพงมากจากต่างประเทศ ทั้งสองเรื่องจะต้องทำโดยคนที่รู้เรื่องดีอย่างรีบด่วนและต้องแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งถ้ารัฐบาลเอาใจใส่โดยไม่นำการเมืองเข้าไปแทรก ก็จะทำให้ทหารไทยมุ่งสู่ความเป็นทหารอาชีพในที่สุด
ผมได้เขียนหนังสือแนะนำในเรื่องการปรับปรุงและพัฒนากองทัพไทยไว้หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องวิสัยทัศน์ประเทศไทย 2570 และเรื่องทหารของแผ่นดิน ซึ่งรัฐบาลควรนำไปศึกษาและแก้ไขโดยเร็วก็จะเป็นคุณประโยชน์แก่กองทัพไทยเป็นอย่างยิ่ง และจะเป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐบาลกับกองทัพไทย
ขอแต่เพียงรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีคุณทักษิณช่วยคิดอยู่ข้างหลัง อย่าเอาเรื่องแก้ไขมาปกปิดการแก้แค้นก็แล้วกัน