“อภิสิทธิ์” เจ็บใจ “นพดล” สอนมวยไทยเพลี่ยงพล้ำกัมพูชาในเวทีศาลโลก สบโอกาสศอกกลับ โบ้ยเซ็นแถลงการณ์ร่วมขึ้นทะเบียนมรดสมัยนายกฯ สมัคร ต้นเหตุไทยถูกรุกคืบ 4.6 ตารางกิโลเมตร โยน รบ.ใหม่มีเป้าหมาย “รักษาอธิปไตย” ไม่ห่วงถูกโยนบาป พร้อมชี้แจงเนื้อแท้ของปัญหาคืออะไร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (25 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาวิจารณ์รัฐบาลกรณีคำตัดสินของศาลโลกเรื่องการแก้ปัญหาเขาพระวิหาร ที่ดูรายละเอียดแล้วไทยได้ประโยชน์เพียงข้อเดียวว่า ตนอยากจะย้ำว่าเรื่องทั้งหมดเป็นปัญหาเพราะนายนพดลเซ็นแถลงการณ์ร่วม จนเป็นเหตุทางกัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว แล้วก็รุกคืบในการเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ที่เราเรียกว่า 4.6 ตารางกิโลเมตร ทำให้ฝ่ายต่างๆ ต้องหาวิธีการที่จะต่อสู้เพื่อรักษาอธิปไตย และทหารที่เข้าไปก็เข้าไปในช่วงรัฐบาลท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช เพื่อเข้าไปทำตรงนี้ซึ่งจำเป็นแล้ว เนื่องจากนายนพดลไปสร้างเรื่องเอาไว้ ซึ่งนายนพดลน่าจะคิดย้อนกลับไปว่าทั้งหมดมาจากอะไร ส่วนเรื่องของศาลโลกขณะนี้เป็นเรื่องที่เราให้ 2 กระทรวงคุยกันว่าจะไปคุยกับกัมพูชาอย่างไร เพราะตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในพื้นที่
เมื่อถามว่า แต่นายนพดลมองในทิศทางตรงกันข้ามว่า ถ้าเดินตามรัฐบาลคุณสมัครคงไม่มีปัญหาอย่างวันนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันไม่มีปัญหากับกัมพูชา เพราะเท่ากับว่าเขาได้สิทธิโดยปริยายในการที่จะมาบริหารจัดการพื้นที่ตรงนั้น ถ้าเราโต้แย้งก็จะถูกนำไปเป็นข้ออ้างในการต่อสู้ ซึ่งเราก็ไม่ยอม
เมื่อถามว่า วิธีคิดของนายพดลที่มีความคิดเห็นแบบนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่านายนพดลจะมีบทบาทอะไรในรัฐบาลใหม่หรือไม่ แต่ตนก็อยากจะย้ำว่าปัญหาทั้งหมดเริ่มจากการที่เราไปโอนอ่อนในเรื่องของมรดกโลกตั้งแต่ต้น
เมื่อถามว่า ถ้ารัฐบาลใหม่เข้ามาแล้วมีท่าทีเหมือนกับรัฐบาลนายสมัครในอดีตจะเกิดปัญหาอะไรเกี่ยวดินแดนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ จนกว่าจะทราบว่าแนวทางแนวคิดเขาเป็นอย่างไร เพราะเรื่องแบบนี้มีรายละเอียด ความละเอียดอ่อนเยอะทั้งในแง่ของกฎหมาย ทั้งในแง่ของยุทธศาสตร์ทางการทหารซึ่งต้องดู แต่สิ่งที่ตนอยากจะฝากไว้คือต้องมีเป้าหมายชัดเจนในการรักษาอธิปไตยและต้องแก้ปัญหาให้ได้ ตนย้ำว่าเป้าหมายรัฐบาลของตนที่เข้ามา คือ 1.ยังไม่ยินยอมที่จะให้กัมพูชาเสนอแผนบริหารจัดการในพื้นที่ที่เป็นของเราในมรดกโลก 3 ปีเขาทำไม่ได้ ซึ่งเราทำสำเร็จในการที่ไม่ให้เขาดำเนิน 2.เราพยายามที่จะไม่ให้เกิดปัญหาที่จะขยายวงออกไป แต่ก็ทำด้วยความยากลำบากเพราะทางกัมพูชาเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการปะทะ และใช้เงื่อนไขนี้ยกระดับไปฟ้องที่ต่างๆ ซึ่งเราก็ต่อสู้อย่างเต็มที่ เขาก็ไปฟ้องศาลโลก และคดีหลักยังไม่ได้พิจารณาแต่คำขอชั่วคราวเราก็ต่อสู่เต็มที่ จนศาลไม่อนุญาตตามที่กัมพูชาร้องขอตรงกันข้ามยังสั่งให้กัมพูชาถอนทหารออกจาพื้นที่กัมพูชาด้วย
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะโยนบาปมาให้รัฐบาลชุดนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ห่วงเพราะข้อเท็จจริงคือข้อเท็จจริง และตนก็พร้อมที่จะชี้แจงตลอดเวลาว่าเนื้อแท้ของปัญหาอยู่ที่ไหนอย่างไร เมื่อถามว่า นายนพดลระบุว่าเลยเวลาที่สองฝ่ายจะมาพูดคุยกัน นายกรัฐมนตรีมองว่ายังคุยกันได้ในระดับทวิภาคีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันเลยตรงที่ว่ากัมพูชาไปฟ้องศาลโลก และมันก็มีมรดกโลก และอาเซียนได้เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ว่าเนื้อของการแก้ไขปัญหาเกือบทุกเวที เขาก็ยืนยันที่จะให้สองฝ่ายจะต้องเป็นพูดคุยและตกลงกัน เราก็ต้องดำเนินการตรงนี้ต่อไป และเป็นเรื่องที่รัฐบาลหน้าต้องเข้ามาดูแล เพราะขั้นตอนการทำงานต่อไปสถานะรัฐบาลปัจจุบันอาจจะไม่สามารถดำเนินการได้เพราะติดข้อจำกัดทางกฎหมายภายในประเทศ
เมื่อถามว่า คดีหลักที่อยู่ในศาลโลก รัฐบาลใหม่มาจะทำให้เป็นแบบเดียวกับแถลงการณ์ร่วมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องต่อสู้เต็มที่ ประเด็นต่างๆ ก็ได้ศึกษาค่อนข้างครบถ้วนแล้วแต่เราต้องดูว่า ผลของการที่มีคำสั่งชั่วคราวท่าทีของกัมพูชาจะเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า ทางกองทัพในการทำหน้าที่รักษาอธิปไตย ก็ต้องรอดูนโยบายของชุดใหม่ ถ้ารัฐบาลชุดใหม่มีนโยบายที่เปลี่ยนแปลงไป กองทัพจะทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่สามารถที่จะตอบได้ว่าแนวทางใหม่เขาจะเป็นอย่างไร แต่ตนมั่นใจว่าการทำงานของรัฐบาลก็ต้องฟังทางกองทัพด้วย ซึ่งทางกองทัพก็มีความตั้งใจที่จะปกป้องอธิปไตย
เมื่อถามว่า ถ้ายังสนับสนุนให้มีการขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้ายอมอย่างนั้น ก็เป็นปัญหากับอธิปไตยแน่นอน เพราะกัมพูชาจะเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ในฝั่งเรา ซึ่งหลังจากนั้นก็จะทำให้เกิดความยากลำบากมากขึ้นในการที่จะไปต่อสู้ว่าพื้นที่นั้นเป็นของเรา