xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตชวนสลดหดหู่-ตรรกะโกงแล้วบ้านเมืองเจริญ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กลายเป็นเรื่องที่ชวนสลดหดหู่กันไม่น้อยกับผลสำรวจของ “เอแบคโพลล์” ที่เพิ่งออกมาก่อนหน้านี้ที่เน้นเอาเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี กับคนชั้นกลางที่มีรายได้สูงเกินกว่าเดือนละ 2 หมื่นบาทรวมไปถึงกลุ่มพ่อค้านักธุตกิจ ที่มีทัศนคติยอมรับได้กับการที่เห็นรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นถ้าทำให้พวกเขาอยู่ดีกินดี หรือทำให้บ้านเมืองเจริญ

ขณะเดียวกันยังหมายรวมถึงมีความเห็นดีเห็นงามกับการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นนายกรัฐมนตรี “โคลนนิ่ง” ของ พี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร เพราะหัวข้อสำรวจมีการระบุว่าเป็นทัศนะที่มีต่อ “รัฐบาลใหม่”

นั่นก็แสดงว่ามันก็เป็นเงื่อนไขไปถึงรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ด้วยว่าถ้า “โกงแล้วทำให้ชาวบ้านรวยด้วย” ก็โอเค ยอมรับได้อะไรประมาณนั้น

ภาพอารมณ์มันแสดงออกมาแบบนั้นจริงๆ แต่กลายเป็นว่ามันเป็นภาพที่ชวนขนหัวลุก ระคนสิ้นหวังอะไรชอบกล เพราะนี่คือความคิดความเห็นของคนรุ่นใหม่ ที่ถือว่าเป็นอนาคตของชาติ รวมไปถึงความเห็นของพวกคนชั้นกลางมีรายได้พอสมควรหรือมีกินมีใช้ กลับยังมีความคิดแบบนี้ออกมา มันก็ย่อมตั้งคำถามตามมาอีกว่ามันเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองนี้ ทำไมระบบคิดถึงได้ออกมาแบบ “หลุดโลก” เหนือเหตุผลอย่างไม่น่าเชื่อ

อีกทั้งยังเป็นทัศนะของคนทั่วประเทศที่มีความคิดแบบนี้ ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่าอนาคตบ้านเมืองนี้มันไร้ความหวังเข้าไปทุกที

สิ่งที่ยังข้องใจก็คือนี่เป็นความคิดของชาวบ้านที่มีความรู้ มีการศึกษา มีรายได้ และรับรู้ข่าวสารอยู่ในเมืองค่อนข้างดี เป็นใครก็ต้องช็อกเป็นธรรมดา

ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ล่าสุดหลังจากที่ได้เห็นผลสำรวจดังกล่าวนี้ออกมาทำให้กลุ่มสภาหอการค้าไทย ที่นำโดย ดุสิต นนทนาคร ได้ออกมาแสดงท่าทีวิตกและรีบจี้ให้สังคมช่วยกันแก้ไข เพราะก่อนหน้านี้ สภาหอการค้าถือว่าเป็นองค์กรภาคเอกชนกลุ่มใหญ่ที่ออกโรง “ต่อต้านคอรัปชั่น” ถึงขนาดรวมตัวกันลง “สัตยาบรรณ” เลิกจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับ ข้าราชการเพื่อตัดตอนการทุจริตคอรัปชั่นที่เริ่มระบาดออกไปอย่างน่าเป็นห่วง ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับความจริงว่า มันเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในยุครัฐบาลที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีการระบุว่าต้องมีการจ่ายเงินของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นถึงกว่า 30-50 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็น “ยุคทอง” ของการทุจริตกันเลยทีเดียว

และนี่คือที่มาของการรณรงค์ต่อการการคอรัปชั่นที่มีการลงสัตยาบรรณกันเอาไว้กันไว้อย่างเข้มแข็งกันล่วงหน้าแล้ว แต่กลายเป็นว่าเมื่อทัศนะของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เป็นอนาคตของชาติ หรือแม้แต่นักธุรกิจคนชั้นกลางก็มีความแบบเดียวกัน แต่ก็ถือว่าเป็นความคิดที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง และน่าอันตราย

อีกด้านมันก็สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนสิ่งที่พวกเขา (สภาหอการค้าฯ) หรือแม้แต่สมาคมต่อต้านการคอรัปชั่นที่กำลังรณรงค์กันอยู่นั้นมันล้มเหลวไม่มีใครเอาด้วย เพราะคนส่วนใหญ่กลับเห็นดีเห็นงามไปกับการทุจริตคดโกง เพียงแต่มีเงื่อนไขแค่ว่าต้องให้ตัวเองได้ประโยชน์ด้วย หรือทำให้บ้านเมืองมีความเจริญ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วความคิดดังกล่าวมัน “ตรรกะ”ที่สวนทางกับความเป็นจริงชนิดที่ออกมาในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะถ้ามีการทุจริตแล้วไม่มีทางที่บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรื่องไปได้ หรือถ้ารัฐบาลทุจริตก็ไม่มีทางที่ชาวบ้านจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน นอกเหนือจากพวกคนในครอบครัวของนักการเมืองเพียงไม่กี่คนในรัฐบาลเท่านั้น

ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนก็คือต้องรีบเปลี่ยนแปลงทัศนะคติที่ไร้เหตุผลดังกล่าวนี้ในทันที โดยเฉพาะหน่วยงานที่เดินหน้าอยู่แล้วอย่าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นทั้งหลายจะต้องรีบเคลื่อนไหวให้เป็นตัวอย่าง และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพราะตราบใดที่ยังเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มันก็มองไม่เห็นอนาคตอย่างแน่นอน !!
ดุสิต นนทนาคร
กำลังโหลดความคิดเห็น