xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อแม้วแหกตาค่าจ้าง 300 บาท รับทำไม่ได้ทันทีและได้ไม่ครบทุกจังหวัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คณวัฒน์ วศินสังวร  (แฟ้มภาพ)
เพื่อแม้วยอมรับแล้วไม่สามารถปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทได้ทันที หรือถ้าทำได้ก็จะได้ไม่เหมือนกันทุกจังหวัด โดยจะเน้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว รับเกิดเงินเฟ้อแน่ แต่จะเป็นช่วงสั้นๆ ส่วนเงินที่จะนำมาใช้ตามนโยบายประชานิยมไม่พ้นต้องกู้ บวกกับเงินงบประมาณ และเงินลงทุนจากต่างประเทศ

วันนี้ (15 ก.ค.) นายคณวัฒน์ วศินสังวร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน เราต้องรับฟังนักลงทุนภาคธุรกิจเอกชน แล้วมาคิดระบบปรับโครงสร้างค่าแรงขั้นต่ำให้ยืดยุ่นที่สุด อาจจะดูว่าจังหวัดไหนทำได้ทันที เช่น กรุงเทพฯ ปริมณฑล หรือจังหวัดที่มีค่าแรงไม่ห่างจาก 300 บาทมากนัก หรือจังหวัดแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา สมุย เราจะต้องดูในรายละเอียดเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคธุรกิจมากเกินไป SME ธุรกิจขนาดย่อม เราก็ต้องดูผลกระทบว่ามีอะไรบ้าง จะมีมาตรการอะไรจะช่วยได้บ้างนอกจากการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในปี 55 และ จาก 23% เหลือ 20 % ในปี 56

“ยืนยันว่าเมื่อเริ่มนโยบายนี้ทุกจังหวัดจะได้รับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำหมด บางจังหวัดได้ขึ้นเต็ม 300 บาท บางจังหวัดอาจยังขึ้นไม่ถึง ซึ่งในกลุ่มจังหวัดที่ได้ไม่ถึง 300 บาท ก็ต้องมีมาตรการอื่นช่วยแรงงาน เพื่อไม่ให้แรงงานไหลออกไปอยู่ในจังหวัดที่ได้ค่าแรง 300 บาท อาจจะเป็นมาตรการสร้างขีดความสามารถในการผลิต ยกระดับฝีมือแรงงาน”

ส่วนข้อห่วงใยจากหลายหน่วยงาน เช่น สภาอุตสาหกรรมฯ มีความเป็นห่วงเรื่องการเพิ่มค่าแรง พร้อมเสนอว่าหากมีการปรับค่าแรงภาครัฐต้องเข้ามามีส่วนในการแบกรับภาระในการอุดหนุนส่วนต่าง นายคณวัฒน์กล่าวว่า ทางพรรครับฟังและเห็นใจสภาอุตฯ ซึ่งหากทางพรรคได้จัดทำร่างนโยบายเสร็จสิ้นก็จะมีการเชิญทางสภาอุตฯและหน่วยงานอื่นๆ มาขอความเห็นในร่างนโยบายที่เราได้ดำเนินการ ร่วมถึงพร้อมจะพูดคุกับภาคธุรกิจด้วย

“แน่นอนว่าการดำเนินนโยบายตรงนี้จะต้องมีการปรับปรุงเม็ดเงินงบประมาณปี 2555 ให้ตรงกับยุทธศาสตร์ของพรรค เพราะเนื่องจากว่ากรอบงบประมาณที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ร่างไว้และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา มีหลายนโยบายไม่ตรงกับแนวนโยบายของทางพรรคเพื่อไทย เมื่อพรรคเพื่อไทยมาดำเนินนโยบายก็จำเป็นที่จะมีการปรับเปลี่ยนงบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบาย”

นายคณวัฒน์กล่าวว่า สำหรับเรื่องของดำเนินการนโยบายที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ยอมรับว่าในช่วงแรกอาจจะมีแรงกดดันที่ส่งผลทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่จะเป็นในช่วงสั้นๆ แต่หลังจากนั้นเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้ ซึ่งปัจจุบันเงินเฟ้อเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิต ที่วัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ใช่เกิดจากการบริโภคเกินตัวหรือปัจจัยทางด้นอุปสงค์

ทั้งนี้ ในส่วนของแหล่งที่มาของเงินที่จะมาใช้ในการทำนโยบายจะมาจาก 3 ส่วนหลัก คือ 1.งบประมาณประจำปี 2.การออกพันธบัตร 3.เงินลงทุนจากต่างประเทศ โดยนโยบายทั้งหมดที่จะเป็นการเติมเงินเพื่อกระตุ้นการซื้อในประเทศมั่นใจว่าจะทำให้การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจหรือจีดีพี ในไตรมาสสุดท้ายจะดีกว่าที่หลายฝ่ายได้ประเมินไว้ แต่ต้องมีการประเมินผลกระทบทางด้านเศรฐกิจของกลุ่มอียู และปัญหาหนี้สินของสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยได้

นายคณวัฒน์กล่าวว่า สำหรับนโยบายเร่งด่วนในเรื่องการแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพงนั้น ขณะนี้นายโอฬาร ไชยประวัติ อยู่ระหว่างการจัดทำสูตรมาตรฐานราคาสินค้าประมาณ 40 รายการ เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการควบคุมโครงสร้างต้นทุนเพื่อกำหนดราคาสินค้าในอนาคต ซึ่งในวันอังคารหน้าคาดว่านายโอฬารน่าจะรวบรวมสูตรมาตรฐานเบื้องต้นในสินค้าประมาณ 10 รายการเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายของพรรค
กำลังโหลดความคิดเห็น