xs
xsm
sm
md
lg

“รศ.ดร.พิชาย” เชื่อ พท.บูชายัญคนเสื้อแดงเอาใจทหาร แลกไม่ปฏิวัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
“รศ.ดร.พิชาย” ประเมิน 3 ทางเลือก พท.ตั้งรัฐบาล เชื่อเกิดปฏิวัติหากฮึกเหิมใช้อำนาจนิรโทษกรรม โยกย้ายข้าราชการอย่างไม่ชอบธรรม ด้าน “สำราญ” มั่นใจ พท.ไม่กล้าหักดิบกองทัพ ไม่ล้มภารกิจเอาแม้วกลับบ้าน คาดดึง “สุวัจน์-บรรหาร” ร่วม ด้าน “สุริยะใส” ลอกเว้นวรรค “มาร์ค” ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา จะสู้ พท.ต้องแก้ปัญหาคนภาคอีสานให้ได้ เชื่อปล่อย “ไอ้ตู่-ไอ้เต้น” รับกรรม แลกอายุ รบ.

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. รายการพิเศษเลือกตั้ง 54 ออกอากาศทางสถานี เอเอสทีวี ทีวีของประชาชน โดยมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นพิธีกร ได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ มาวิเคราะห์การเลือกตั้ง 54

รศ.ดร.พิชายกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ต่างจากครั้งที่แล้ว ภาคเหนือ ภาคอีสาน ยังเป็นของพรรคเพื่อไทย ส่วนภาคใต้เป็นของประชาธิปัตย์ ภายใต้การบริหารประเทศของบประชาธิปัตย์ 2 ปี ไม่มีความสามารถขยายฐานเสียงไปภาคอีสาน ภาคเหนือได้ ความพ่ายแพ้ของประชาธิปัตย์ เป็นเพราะละเลยยุทธศาสตร์ขยายฐานเสียง ทำงานมวลชนไม่เป็น คิดตรรกะง่ายๆประเมินประสิทธิภาพพรรคภูมิใจไทยสูงเกินไป ไม่ได้วิเคราะว่าพรรคเพื่อไทย ยังครองจิตใจชาวบ้านอยู่ ตนคาดว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ตนคาดว่านายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ น่าจะลาออก จะว่าไปแล้วที่จริงประชาธิปัตย์ก็เหมาะเป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว พูดเก่ง ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก

“คะแนนโหวตโนในกรุงเทพฯมีแสนกว่า หากรวมกับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะบริหารประเทศ ทำให้ชนชั้นกลางยอมรับ การบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทยจะอยู่ในภาวะความเสี่ยงนำไปสู่การรัฐประหารหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าจะลำพองฮึกเหิมกับชัยชนะ เดินหน้านิรโทษกรรมอย่างไม่สนในเสียงคัดค้าน หรือโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่ชอบธรรม”

รศ.ดร.พิชายกล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับพรรคเพื่อไทยเป็นอันหนึ่งเดียวกัน แต่พรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือไม่ตนไม่มั่นใจ ประเด็นนี้มีนักวิชาการมองว่า ในท้ายที่สุดแล้วเสื้อแดงกับเพื่อไทย จะถึงคราวแยกห่างจากกัน ธรรมชาติของนักการเมืองเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ตอบสนองตัวเองจนลืมมวลชน หากทำตามนโยบายประชานิยมที่ให้สัญญาไว้ทั้งหมด ประเทศต้องเดินเข้าสู่หายนะ แต่หากไม่ทำมวลชนก็จะเรียกร้อง

“ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ มีความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับทหารแล้วลอยแพคนเสื้อแดง แต่หากเข้ามาใช้อำนาจรัฐขยายหมูบ้านแดงต่อ ก็อาจเป็นเหตุผลทำให้กองทัพตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง สรุปความเป็นไปได้ของอนาคตบ้านเมือง 1.พรรคเพื่อไทยบูชายัญคนเสื้อแดงเพื่อเอาใจทหาร 2.พรรคเพื่อไทยขยายอุดมการรัฐไทยใหม่ ขายหมู่บ้านแดง และ 3.ประนีประนอมทั้งทหารและเอาใจเสื้อแดง เพื่อถ่วงเวลาครองอำนาจ”

รศ.ดร.พิชายกล่าวถึงจุดอ่อนของ น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร ว่า เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ แม้จะมีทีมที่ปรึกษาช่วยจัดการปัญหาหารเมืองที่ซับซ้อนในปัจจุบันก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะสุดท้ายต้องตัดสินใจเอง ปกติคนเราเมื่อเดินพลาดไป ย่อมต้องจดจำไว้เป็นบทเรียน แต่คนเราเมื่อมีอำนาจแล้วมักจะลืมการเรียนรู้ หากพรรคเพื่อไทยยังไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลง หันมาเรียนรู้ที่จะสร้างบรรยากาศปรองดอง ไม่พัฒนาประเทศอย่างจริงจัง ตนเชื่อว่าจะเจอแบบ นายนายสมัคร สุนทรเวช อีก

ด้าน นายสำราญกล่าวว่า ตนเคารพเสียงของประชาชน แต่ภาพรวมการเลือกตั้งยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย บ้านเมืองยังแตกแยก กกต. บกพร่องกับการจัดการปัญหาทุจริตเลือกตั้ง ความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพราะไม่จัดการกองกำลังเสื้อแดงให้เสร็จเด็ดขาด แยกมิตรศัตรูไม่ชัด เลยไม่กล้าจัดการบริหารประเทศ ที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ไล่รัฐบาลออกไปสองชุดหากไม่ไล่จะหนักกว่านี้ นายอภิสิทธิ์ควรใช้โอกาสบริหารประเทศ แก้ข้อผิดพลาดของระบอบทักษิณ ไม่ใช่มาบอกอย่าเลือกคนเผาบ้านเผาเมือง ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง แน่นอนอาจทำให้ใด้ใจชนชั้นกลางโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ชนะพรรคเพื่อไทย

“โหวตโนไม่ทะลุเป้าเป็นเพราะมีเวลารณรงค์จำกัด ประกอบกับนายสุขุม นวลสกุล ใช้อคติพูดถึงเรื่องโหวตโนช่วงโค้งสุดท้ายทำให้ภาพโหวตโนดูเหมือนเป็นเรื่องชั่วร้าย และกกต. ภาครัฐรุมต่อต้านโหวตโน หากไมมีวิชามารแล้วตนเชื่อว่าบัตรเสียเที่ยวนี้ทั้งหมดจะมีพวกโหวตโนไม่ต่ำกว่าครึ่ง”

นายสำราญกล่าวว่า เชื่อพรรคเพื่อไทยไม่หักดิบกองทัพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องหลีกเลี่ยงพยายามไม่ให้เดินซ้ำรอยเดิม และยอม พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ แม้จะมีเสียงในพรรคค้าน เห็นว่า พล.อ.ประวิตร คือนายเนวิน ก็ตามที เพื่อรักษาสถานภาพให้อยู่นานที่สุด สูตรทางการเมืองสุดท้ายคาดน่าจะดึงพรรคของนายสุวัจน์ พรรคของนายบรรหาร เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ส่วนคนที่จะเป็นประธานสภา ขอเดาว่าต้องเป็น พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ทั้งนี้หากให้ฟันธงภารกิจที่ซ่อนอยู่ในใจ พรรคเพื่อไทยต้องคิดว่าทำอย่างไรจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กลับบ้านได้ ด้วยความพอใจของทุกฝ่าย

นายสำราญกล่าวถึงพรรคการเมืองใหม่ว่า ที่จริงก็ไม่อยากซ้ำเติม ทุกอยางจะสวยงามกว่านี้เยอะหาก ประธานบริหารพรรคยึดมติที่ประชุมใหญ่ ไม่ส่งสมาชิกพรรคลงเลือกตั้ง แนวทางต่อไปตนเตรียมปรึกษากรรมการ 10 คน ว่าจะเอาอย่างไร ยังไม่สามารถตอบชัดเจนได้ในช่วงนี้ ที่แน่ๆ ไม่คิดยึดพรรคคืน

ส่วน นายสุริยะใสกล่าวว่า แม้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่สำหรับตนมองว่าดุลอำนาจยังเหมือนเดิม เหมือนปี 50 ประชาธิปัตย์ไม่ได้แพ้ แต่ที่แพ้คือพรรคภูมิใจไทย วันนี้ปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคลอย่างเดียว การให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เว้นวรรคทางการเมือง แม้จะเอานายกรณ์ จาติกวณิช หรือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาไม่เห็นว่าดันใครมาก็เอาชนะทักษิณได้ ประชาธิปัตย์ควรถือโอกาสนี้ทบทวนยุทธศาสตร์ ถ้าจะสู้กับพรรคเพื่อไทย ต้องแก้ปัญหาคนภาคอีสานซึ่งเป็นหลุมดำของประชาธิปัตย์ให้ได้ อย่างไรก็ดี ตนเชื่อว่าหากเก้าอี้มหาดไทยเป็นของประชาธิปัตย์ ไม่แน่อาจสู้พรรคเพื่อไทยได้

นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า แนวทางของพรรคเพื่อไทยเพื่อให้เป็นรัฐบาลได้นาน จะสร้างสัมพันธ์กับกองทัพ ทั้งนี้ หากลองเอาตัวเองเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมต้องหวั่นไหวอย่างมากในเรื่องล้มเจ้า เพราะเป็นหน้าที่ของกองทัพ ดังนั้นหากจะให้เดาใจกองทัพ น่าจะยื่นหมูยืนแมวกับรัฐบาลแล้ว ว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล จะปรามเสื้อแดงอย่างไร ตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจต้องเชือดเสื้อแดงบางปีก เช่นปลอยให้นายจตุพรถูกขังลืม เดินคดีต่อนายณัฐวุฒิใหม่ เพื่อให้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

“เกมการเมืองในสภา คาดพรรคเพื่อไทยคงคลุมสมาชิกอยู่ แต่เกมการเมืองนอกสภาเพื่อไทยต้องหนักใจ เมื่อพันธมิตรฯ ยืนเจตนารมณ์ไม่เอากฎหมายนิรโทษ ผมไม่เห็นมีช่องทางอื่นใดจะผ่อนคลายสถานการณ์ได้ นอกจากต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาติดคุกก่อน”
นายสำราญ รอดเพชร
นายสุริยะใส กตะศิลา
กำลังโหลดความคิดเห็น