“อภิสิทธิ์” มั่นใจจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม เห็นด้วยกับ “บรรหาร” ไม่ควรร่วมงานกับพรรคที่ไร้สัจจะ ขณะเดียวกันไม่ให้ค่าทนายต่างชาติ “นช.แม้ว” โวยบัตรเลือกตั้งมีปัญหา ระบุมีกลุ่มคนพยายามสร้างกระแสทั้งเรื่องบัตรเลือกตั้ง และการปฏิวัติ หวังใช้ปลุกระดมหากพรรคตัวเองไม่ชนะเลือกตั้ง เผยปราศรัยใหญ่เย็นนี้ หวังให้ประชาชนส่งสัญญาณให้ชัดจะเอาพรรคที่นำประเทศชาติเดินไปข้างหน้า หรือพรรคที่สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงเย็นวันนี้ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าว่า เนื้อหาการปราศรัยคือการตัดสินใจในวันที่ 3 ก.ค. กับผลที่เกิดขึ้นกับอนาคตของประเทศว่าประชาชนต้องการแบบไหน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันในการที่จะอาสาตัวเข้ามาเพื่อเดินหน้าทำงานแก้ปัญหาประชาชน วางรากฐานประเทศในอนาคตไม่เอาเรื่องผลประโยชน์ของนักการเมืองเข้ามาสร้างความแตกแยกและต้องการให้ประชาชนส่งสัญญาณให้ชัดว่าต้องการสนับสนุนการเมืองที่อยู่ในระบบรัฐสภาไม่นิยมความรุนแรง
ส่วนหัวข้อ “อนาคตประเทศไทยภายใต้ฟ้าเดียวกัน” นั้น ต้องการสื่อสารให้เห็นว่าอนาคตที่สดใสของประเทศไทยต้องเป็นอนาคตที่คนต้องร่วมเดินทางไปด้วยกัน คำว่าภายใต้ฟ้าเดียวกันหมายถึงฟ้าที่สร้างบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น หมายถึงภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเสมอภาคเท่าเทียมกัน
ส่วนการปราศรัยครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้แก่คะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่สามารถไปเดาใจประชาชนได้ แต่เป็นจุดยืนสำคัญ ถ้าเราไม่เดินในเส้นทางนี้เราจะมีแต่ความวุ่นวาย จะเสียโอกาสบรรยายกาศการค้าการลงทุนจะถูกกระทบจากปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องนิรโทษกรรมและเรื่องคืนเงิน 4.6 หมื่นล้าน และเรื่องอะไรต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ต่างชาติจับตาดูการเลือกตั้งของไทยทั้งสหประชาชาติ(ยูเอ็น)และสหรัฐอเมริกา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีเพราะประชาคมโลกจะได้เห็นว่าประชาธิปไตยของไทยมีการจัดการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม และมีกระบวนการรัฐสภาเพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับผลของการเลือกตั้ง คิดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่ดูแลภาพรวมของการเลือกตั้ง ที่ผ่านมาน่าจะทำให้เกิดความมั่นใจได้ระดับหนึ่งแล้วว่า เรากำลังเดินสู่การเลือกตั้งที่มีความเรียบร้อยตามสมควร คิดว่าการติดตามข่าวสารต่างๆ คงจะเป็นตัวช่วยทำให้การยอมรับผลการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้
ส่วนที่นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังวิจารณ์ถึงบัตรเลือกตั้งของไทยว่าอาจจะมีปัญหานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ต่างชาติแบบนั้นคงไม่ได้มีความสำคัญอะไร ผมนึกว่าประชาคมโลกหรือรัฐบาลหรือองค์กรระหว่างประเทศ แต่ต้องเตือนว่ามีคนคิดที่จะทำให้เกิดปัญหาถ้าตัวเองไม่ชนะในความพยายามที่จะสร้างกระแสมาตลอดซึ่งใช้หลายวิธีการ ขอยืนยันว่าพี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ กกต.มีหน้าที่ดูแล ถ้ามีอะไรผิดปกติขอให้ร้องเรียนมาเลยอย่าใช้วิธีแพ้การเลือกตั้งแล้วโวยวายว่าถูกโกงเพื่อสร้างกระแส”
ต่อข้อถามว่าแต่การสร้างกระแสผ่านเครือข่ายต่างชาติแบบนี้อาจจะทำให้ต่างประเทศมองไทยด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่สุดแล้วเขาต้องดูความน่าเชื่อถือของคนที่เกี่ยวข้อง นายอัมสเตอร์ดัมเป็นลูกจ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกคนทราบดี คิดว่าประชาชน สื่อมวลชน องค์กรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยขณะนี้ต้องเป็นผู้ยืนยันให้เห็นว่าการเลือกตั้งโปร่งใสเป็นธรรม คนที่อยู่ต่างประเทศจะมารู้ดีกว่าเราได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า โค้งสุดท้ายพรรคเพื่อไทยโหมกระแสเรื่องบัตรเลือกตั้งอาจจะเสียจากการกาเบอร์ผิด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า บัตรดีบัตรเสียอะไรมันมีกติกาชัดเจนอยู่แล้ว คงไม่มีประเด็นอะไรที่จะไปอ้างว่าเกิดการเอาเปรียบหรือการกระทำที่ไม่เป็นธรรมขึ้นมา เมื่อถามว่า ทุกอย่างจะทำให้หลังการเลือกตั้งความวุ่นวายจะไม่จบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกันแสดงให้เห็นว่ามันเป็นการเลือกตั้งที่สามารถที่จะเดินหน้าไปได้ และให้ทุกคนยอมรับผลการเลือกตั้ง
เมื่อถามว่า ทางสหรัฐฯ ถึงขนาดมีการข่าวออกมาว่าถ้าไทยมีการปฏิวัติอีกรอบจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องความสัมพันธ์กับไทยด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีปฏิวัติ สหรัฐฯ จะมีการเปลี่ยนลักษณะของความสัมพันธ์โดยอัตโนมัติอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องแปลก
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่ากับว่าสถานการณ์ขณะนี้ในสายตาต่างชาติยังดูเปราะบางอาจเกิดปฏิวัติขึ้นได้ทุกเวลาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดอย่างนั้น มันมีกลุ่มคนซึ่งพยายามสร้างกระแสแบบนี้มาตลอดเวลา ความจริงแล้วตนไม่ได้คิดว่าเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารเป็นภัยคุกคามสำคัญขนาดนี้ เพราะตนคิดว่าประชาชนแสดงออกในการที่ต้องการประชาธิปไตย คิดว่ากองทัพเขาปฏิบัติหน้าที่ประคับประคองประชาธิปไตยมาเป็นระยะเวลา 2-3 ปีอย่างเห็นได้ชัดและมีเงื่อนไขความวุ่นวายในบ้านเมืองก็ไม่ได้เกิดรัฐประหาร ภัยคุกคามวันนี้อยู่ที่กลุ่มคนที่จะแบ่งแยกประชาชน กลุ่มคนที่พร้อมจะใช้ความรุนแรงที่จะได้เป้าหมายของตัวเองมากกว่า
ต่อข้อถามว่า ท่านมองกองทัพประคับประคองประชาธิปไตยแต่อีกฝ่ายมองว่ากองทัพอุ้มรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนก็ได้ยืนยันมาตลอดว่าเขาทำหน้าที่ของเขาตามที่พึงจะทำในฐานะฝ่ายความมั่นคง และเขาก็ทำกับทุกรัฐบาล เมื่อถามว่า ทำไมสื่อต่างประเทศหันมาจับกระแสปฏิวัติแทนที่จะดูการเลือกตั้งเป็นหลัก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขามีสิทธิ์วิเคราะห์ แต่มีคนของเราเองที่พยายามที่จะไปปลุกกระแสอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเทศไทยจะหนีคำว่าปฏิวัติพ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าประเทศไทยต้องเดินไปข้างหน้ากับระบอบประชาธิปไตยอย่างเดียว แต่ขณะเดียวกันภัยต่อระบอบประชาธิปไตยมันไม่ได้เกิดจากการปฏิวัติอย่างเดียว มันเกิดจากกลุ่มคนหัวรุนแรงพร้อมจะใช้วิธีการนอกกฎหมายนอกระบบในการช่วงชิงอำนาจรัฐด้วย
ส่วนที่ ที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาระบุเหมือนไม่อยากจะร่วมงานกับคนเก่าเดิมๆ เพราะเบื่อแล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ท่านก็ร่วมมากับทุกคนแล้ว เก่าแค่ไหนผมไม่ทราบ” เมื่อถามต่อว่า คนเก่าที่ไม่รักษาคำพูด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ก็ไม่ทราบ เพราะผมก็ไม่ชอบทำงานกับคนไม่รักษาคำพูดเหมือนกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่การพูดของนายบรรหารในช่วงที่ยังร่วมรัฐบาลกันอยู่มองได้ว่าคนเก่าคือพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมไม่ไปตีความ ผมก็เห็นด้วยกับท่านไม่ควรจะไปทำงานกับคนที่ไม่รักษาคำพูด ไม่มีอะไร” เมื่อถามว่า เป็นการพูดเพื่อส่งสัญญาณเพิ่มอำนาจต่อรองของพรรคขนาดกลางหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้สนใจแต่ว่าเสียงของประชนในวันที่ 3 ก.ค.มากกว่าจะเป็นผู้ให้พรรคการเมืองต่างๆ ว่าจะมีสิทธิเสียงแค่ไหนในสภาผู้แทนราษฎร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะที่เหลืออีก 2 วันทางพรรคเพื่อไทยประกาศได้ 270 -300 เสียง พรรคประชาธิปัตย์จะประกาศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แล้วทำไมถึงห่วงว่าจะไม่ได้ตั้งรัฐบาล ทำไมพูดจาขัดแย้งกันเอง ตนไม่พูดจาขัดแย้งอะไรกันหรอก ตนถือว่าคนที่ให้เสียงคือประชาชนรอผลวันที่ 3 ก.ค.อย่าเพิ่งพูดไปเลย 270-300 อาจจะเป็น 270-300 ของพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้
ต่อข้อถามว่า หลังการเลือกตั้งการเมืองจะผ่านพ้นการต่อรองเพื่อประโยชน์ของการเมืองไปสู่ผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถึงอยากจะให้ประชาชนเลือกให้เด็ดขาด แต่ด้วยความเคารพพรรคการเมืองที่แข่งขันกันอยู่แต่วันนี้เมื่ออย่างไรก็ตามแกนนำรัฐบาลจะต้องเป็นพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็พรรคประชาธิปัตย์ก็อยากให้ประชาชนเลือกให้เด็ดขาดไปเลยข้างหนึ่งว่าจะเดินไปทางไหนจะเดินไปข้างหน้าแก้ปัญหาประชาชนหรือจะต้องมาถกเถียงเรื่องนิรโทษกรรม
ส่วนที่นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ออกมาระบุถึงสูตรการตั้งรัฐบาลว่าควรจะต้องมีเสียง 300 ขึ้นไป นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตอบยากดูเสียงที่ประชาชนจะให้วันที่ 3 ก.ค. ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การวางเป้าหมายว่าพรรคร่วมรัฐบาลควรจะมีเสียงเกิน 300 เสียงมันมีส่วนเชื่อมโยงกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเข้าใจว่ามันจะมีผล แต่คงมองในภาพรวมเสถียรภาพมากกว่าวันนี้เร็วเกินไปที่จะพูด วันนี้ต้องให้ประชาชนตัดสินใจก่อน
ส่วนที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้ 205 เสียง และพรรคร่วมอาจจะเป็นพรรคภูมิใจไทยได้มีการหารือกันในพรรคประชาธิปัตย์หรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ได้คุยกันเลย เมื่อถามว่า เท่าที่ลงพื้นที่หาเสียงประเมินตัวเลขพรรคประชาธิปัตย์คร่าวๆ ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้มากกว่าเดิม เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจมากว่าจะได้มากกว่าเดิม นายอภิสิทธิ์ยืนยัน