“อภิสิทธิ์” เผย “สุวิทย์” แจ้งผลมรดกโลกอยู่ในช่วงการเสนอร่างข้อมติที่ประชุม ยันขึ้นทะเบียนพระวิหารฝ่ายเดียวทำขัดแย้งเพิ่ม ชี้เลื่อนไปเรื่อยจะดีที่สุด ยันกล่อมต่างชาติเต็มที่ ลั่นรัฐพร้อมตัดสินใจ ยังเชื่อกรรมการมรดกโลกเห็นพ้องไทย
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกว่า จากการพูดคุยกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้แทนการเจรจาฝ่ายไทย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเสนอตัวร่างข้อมติที่เราเห็นว่าควรจะเป็นข้อมติของที่ประชุม ซึ่งยังมีการเจรจากันอยู่และยังไม่ทราบรายละเอียดของการพิจารณา
ส่วนกรณีที่ นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเร่งการพิจารณาแผน และระบุว่าหากไม่เร่งพิจารณาจะทำให้ปราสาทพังเพราะถูกโคลนถล่ม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความจริงตรงกันข้าม และเราได้ยืนยันชัดเจนว่า การพิจารณาแผนบริหารที่เขียนขึ้นฝ่ายเดียวมีแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น และการเลื่อนไปจะเป็นวิธีการที่ทำให้ทุกฝ่ายพูดคุยกันได้ในเรื่องการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ รวมถึงการอนุรักษ์ตัวปราสาทว่าควรจะทำอย่างไร
เมื่อถามว่า ทางกัมพูชายังมีการให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งอยู่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราก็ให้ข้อมูลฝ่ายเราเต็มที่ เมื่อถามต่อว่า การที่เราเสนอข้อมูลทุกอย่าง รวมถึงแผนที่สามมิติจะสามารถโน้มน้าวได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าเราทำงานมาต่อเนื่อง และที่สำคัญร่างข้อมติของทุกฝ่ายเห็นว่าควรจะเลื่อน เมื่อถามต่อว่า ข้อเสนอของผู้อำนวยการยูเนสโกเราสามารถรับได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม แต่ตนคิดว่าการที่จะให้กัมพูชาเสนอแผนฝ่ายเดียวนั้นเป็นปัญหา ทุกฝ่ายก็ควรจะเริ่มต้นคุยกันว่าทางเลือกอื่นคืออะไร ซึ่งแน่นอนว่าต้องให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของวิธีการบริหารพื้นที่ต่อไป
เมื่อถามว่า ที่มีการระบุว่ามีฝ่ายที่ 3 ที่ 4 ที่น่ากลัวกว่านั้นหมายถึงอะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องแยก เพราะมีเรื่องของการพิจารณาข้อมติครั้งนี้ที่เราต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยที่หลายฝ่ายประชาคมโลกก็เป็นห่วงเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้น สุดจึงต้องช่วยกันทำความชัดเจนว่า วิธีที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงลดความขัดแย้งคืออะไร แต่มีอีกประเด็นหนึ่งคืออนาคตข้างหน้า ที่มองออกไประยะกลางระยะยาวนั้นจะมีทางเลือกอะไรบ้าง แทนที่จะเผชิญหน้าหรือมีปัญหาในลักษณะนี้ประจำ
ต่อข้อถามที่ว่าหากไม่มีทางเลือกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ใครจะเป็นคนตัดสิน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องเป็นคนตัดสินใจและกำหนดท่าทีต่างๆ อยู่แล้ว ในชั้นนี้เป้าหมายสำคัญคือ การให้เขายอมรับว่าไม่มีความเหมาะสมในการพิจารณาแผนการบริหารจัดการฝ่ายเดียวของกัมพูชา และยูเนสโกก็ควรที่จะมีบทบาทในฐานนะที่มีหน้าที่ดูแลตัวปราสาท ก็ควรหาวิธีการให้ทุกฝ่ายเข้าไปร่วมกันอย่างสร้างสรรค์มากกว่า
ส่วนกรณีหากกัมพูชายังยืนยันในข้อเสนอของตนเองนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาก็ต้องยืนยัน เราก็ต้องยืนยัน แต่ทางคณะกรรมการจะเป็นผู้ตัดสินใจ ตนคิดว่าถ้าท่าทีของกรรมการยอมรับฟังเหตุและผลของฝ่ายไทย และทำงานด้วยความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เนื่องจากวันที่มีการส่งผู้แทนพิเศษมาได้มีการพูดอย่างชัดเจนว่า ควรจะเลื่อนการถกเรื่องนี้ออกไปก่อน เขาก็คงจะยืนยันตามแนวทางที่มาคุยกับเราไว้