ผู้ตรวจการแผ่นดิน แฉตัวเลขทุจริตภาครัฐพุ่งสูง เม้มเงินหลวงหนักถึง 2 แสนล้านบาท แถมคะแนนความโปร่งใสประเทศไทยรั้งท้ายได้อันดับ 80 ของโลก เต็ม 10 ได้ 3.5 คะแนน จี้ 20 องค์กรผนึกพลังร่วม 6 กลุ่ม ประกาศปฏิญญาสร้างแผน “ซื่อตรง” พร้อมมอบนายกฯคนใหม่ดันเป็นวาระชาติ
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่อาคารอัมรินทร์พลาซ่า ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) แถลงข่าวกาจัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ภายใต้แนวคิด “สร้างชาติโปร่งใส สร้างไทยซื่อตรง” ระหว่างวันที่ 21-23 ก.ค. ที่ฮอลล์ 9 อิมแพค เมืองทองธานี
โดย ศ.ศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ปัญหาคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสของประเทศไทย โดยเฉพาะในวงการข้าราชการไทย ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยิ่งใหญ่มาก ที่จะต้องร่วมกันแก้ปัญหา ทั้งนี้ จากข้อมูลองค์กรความโปร่งใสนานาชาติ เกี่ยวกับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ความโปร่งใสของประเทศไทย พบปัญหาที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน คือ ได้คะแนนความโปร่งใส เพียง 3.5 จากคะแนนเต็ม 10 และอยู่ในอันดับที่เกือบ 80 ของโลก ขณะเดียวกัน พบข้อมูลการคอร์รัปชันในภาครัฐเพิ่มมากขึ้น จากปี 50 ที่มีเพียงร้อยละ 10 เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 50 ในปัจจุบัน มีมูลค่าถึง 2 แสนล้านบาท
ผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากข้อมูลผลสำรวจของหอการค้าโพล พบว่า ปัญหาคอรัปชั่นมีผลต่อการพัฒนาประเทศ โดยร้อยละ 83.3 เห็นว่า เป็นเรื่องที่ควรจะต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง ขณะที่ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาว่าควรจะเริ่มจากจุดใด ทั้งนี้ตนเห็นว่าการที่ 20 องค์กรร่วมผนึกกำลังจัดงานสมัชชาคุณธรรมขึ้น จะเป็นจุดเริ่มต้นในการหามาตรการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยเฉพาะต้องมีการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และสร้างจิตสำนึกการต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชันให้เกิดขึ้นกับคนในสังคม และนำไปสู่การขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
ด้าน นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ประธานกรรมการจัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์คอร์รัปชัน เกิดจาก 2 ปัญหาใหญ่ คือ วิกฤตการณ์ภายในประเทศ ทำให้แนวโน้มด้านคุณธรรมจริยธรรมของคนไทยต่ำลง เกิดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น เกิดปัญหาความแตกแยก เกิดความรุนแรงในสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ ส่วนวิกฤตการณ์นอกประเทศ เกิดจากภาวะภัยพิบัติ เศรษฐกิจ วัฒนธรรมบริโภคนิยม ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องผนึกกำลังเพื่อมุ่งหวังให้เกิดการฝ่าวิกฤตการณ์คอร์รัปชันให้ได้ โดยตั้งเป้าหมายให้ภายใน 10 ปีข้างหน้าจะต้องทำให้ปัญหาคอร์รัปชันสามารถควบคุมได้ ความแตกแยกของคนในสังคมต้องลดลง รวมทั้งปัญหาชายแดนรอบประเทศต้องหมดไป
“สำหรับภาพรวมการจัดงานสมัชชาคุณธรรมนั้นจะแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือ การประชุมวิชาการ และการจัดตลาดนัดคุณธรรม โดยมีการจัดนิทรรศการนำเสนอผลงานด้านการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม และธรรมาภิบาลของเครือข่ายองค์กรภาคี นอกจากนี้ จะมีการประกาศปฏิญญาเพื่อขับเคลื่อนคุณธรรมความซื่อตรง จากภาคีเครือข่าย 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มศาสนา กลุ่มข้าราชการและนักการมือง กลุ่มการศึกษา กลุ่มธุรกิจ กลุ่มชุมชน และกลุ่มสื่อ จากนั้นจะนำสาระสำคัญของแต่ละกลุ่มจัดทำเป็นแผนแม่บทความซื่อตรงและโปร่งใส และมอบให้แก่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อบรรจุเป็นวาระแห่งชาติต่อไป” นพ.พลเดชกล่าว
