เมื่อเวลา 13.30 น.วานนี้ ( 8 ก.ค.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ถ.แจ้งวัฒนะ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้พิจารณาดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ความชอบด้วยพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ. 2550 และการดำเนินการจัดการเลือกตั้งของกกต. เมื่อวันที่ 3 ก.ค.54
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยภรรยาได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 14 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต เขตเลือกตั้งที่ 5 กทม. แต่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งแจ้งว่า ตนและภรรยาไม่มีชื่อ เนื่องจากไม่ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อที่ได้เคยขอลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งไว้เมื่อปี 50 จึงทำให้ชื่อของตนและภรรยายังอยู่ในทะเบียนรายชื่อใช้สิทธินอกเขตเลือกตั้งที่ จ.กาญจนบุรี ส่งผลให้ตนไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งจึงถือว่าเป็นความบกพร่องของกกต.
ด้านนายปานเทพ กล่าวว่า จากกรณีของพล.ต.จำลองแล้วยังทราบว่ามีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนทั่วประเทศ ที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันนี้ ซึ่งปัญหานี้เกิดจากการที่ กกต. กล่าวอ้างว่าปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้ง มาตรา 97 วรรค 2 ที่ระบุว่า ให้ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง เมื่อได้ลงทะเบียนก่อนวันเลือกตั้ง 30 วัน โดยให้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในจังหวัดที่ตนลงทะเบียนไว้ และให้หมดสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งเดิมที่ตนมีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้จนกว่าจะมีการลงทะเบียนเปลี่ยนแปลง จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณากรณีดังกล่าว ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า กรณีดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงการเลือกตั้งที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2554 ที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.แบบเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเท่ากับว่าจะต้องมีการแบ่งเขตใหม่ทั้งหมดทั่วประเทศ จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จะกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้งในเขตเดิม
"มีคนกว่า 2 ล้านคน ที่ลงทพเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า โดยพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องถอนรายชื่อออกก่อน ถึงจะเลือกตั้งปกติได้ ทำให้เสียสิทธิไปเฉยๆ ตัวเลขตรงนี้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ส.ส. เรื่องนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ด้วยเหตุสืบได้ว่าบกพร่องจริงๆ กระทรวงมหาดไทยกับ กกต. คงเห็นเรื่องนี้ดี แต่ด้วยความที่ต้องใช้งบมากในการจะดึงรายชื่อเข้าฐานข้อมูลเดิม เลยปล่อยเลยตามเลย ซึ่งเป็นความคิดที่มักง่าย" นายปานเทพ กล่าว
ขณะที่นายศรีราชา กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินจะรับเรื่องไปพิจารณาในเบื้องต้น หากมีข้อมูลที่ชัดเจน และเห็นสมควรว่าไม่ใช่เรื่องที่มีปัญหายุ่งยากก็จะส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
เมื่อถามว่าจุดยืนของพันธมิตรฯ จะเป็นอย่างไรต่อไปหลังพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล และผลจากการรณรงค์โหวตโน ไม่เข้าเป้า พล.ต.จำลอง กล่าวว่าไม่ถือว่าการรณรงค์โหวตโน ไม่เข้าเป้า เพราะเป็นเรื่องใหม่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ กปน. ก็ทำผิดพลาดกันเยอะ เนื่องจากนำบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนไปรวมกับบัตรเสีย ซึ่งถือว่าการรณรงค์โหวตโน ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ พันธมิตรฯไม่ได้ต่อต้านพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่ต่อต้านทุกพรรคการเมืองที่ไม่เสนอนโยบายการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ คือ การจัดการปัญหาบริเวณชายแดนตามที่พันธมิตรฯ เสนอไปก่อนหน้านี้ รวมถึงไม่มีการแก้ปัญหาการคอร์รัปชันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯไม่เห็นด้วยกับการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม
ขณะที่นายปานเทพ กล่าวถึงกรณีคนของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาโวยเรื่องโหวตโน ทำให้พรรคของตนเองแพ้ ว่า เป็นความคิดที่มักง่าย ไม่ยอมรับผิด แพ้การเลือกตั้งแล้วมาโจมตีว่าเป็นเพราะโหวตโน ต่อให้คนโหวตโน เทคะแนนให้ประชาธิปัตย์ทั้งหมด ก็ไม่ชนะพรรคเพื่อไทย เพราะในทางภูมิศาสตร์อีสานเป็นเขตใหญ่ เมื่อประชาธิปัตย์เข้าไม่ถึง อย่างไรก็ไม่ชนะ หากไม่แก้ไขข้อบกพร่องตัวเอง จะเลือกตั้งกี่ครั้งก็แพ้
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยภรรยาได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 14 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต เขตเลือกตั้งที่ 5 กทม. แต่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งแจ้งว่า ตนและภรรยาไม่มีชื่อ เนื่องจากไม่ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อที่ได้เคยขอลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งไว้เมื่อปี 50 จึงทำให้ชื่อของตนและภรรยายังอยู่ในทะเบียนรายชื่อใช้สิทธินอกเขตเลือกตั้งที่ จ.กาญจนบุรี ส่งผลให้ตนไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งจึงถือว่าเป็นความบกพร่องของกกต.
ด้านนายปานเทพ กล่าวว่า จากกรณีของพล.ต.จำลองแล้วยังทราบว่ามีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนทั่วประเทศ ที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันนี้ ซึ่งปัญหานี้เกิดจากการที่ กกต. กล่าวอ้างว่าปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้ง มาตรา 97 วรรค 2 ที่ระบุว่า ให้ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง เมื่อได้ลงทะเบียนก่อนวันเลือกตั้ง 30 วัน โดยให้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในจังหวัดที่ตนลงทะเบียนไว้ และให้หมดสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งเดิมที่ตนมีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้จนกว่าจะมีการลงทะเบียนเปลี่ยนแปลง จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณากรณีดังกล่าว ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า กรณีดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงการเลือกตั้งที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2554 ที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.แบบเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเท่ากับว่าจะต้องมีการแบ่งเขตใหม่ทั้งหมดทั่วประเทศ จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จะกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้งในเขตเดิม
"มีคนกว่า 2 ล้านคน ที่ลงทพเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า โดยพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องถอนรายชื่อออกก่อน ถึงจะเลือกตั้งปกติได้ ทำให้เสียสิทธิไปเฉยๆ ตัวเลขตรงนี้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ส.ส. เรื่องนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ด้วยเหตุสืบได้ว่าบกพร่องจริงๆ กระทรวงมหาดไทยกับ กกต. คงเห็นเรื่องนี้ดี แต่ด้วยความที่ต้องใช้งบมากในการจะดึงรายชื่อเข้าฐานข้อมูลเดิม เลยปล่อยเลยตามเลย ซึ่งเป็นความคิดที่มักง่าย" นายปานเทพ กล่าว
ขณะที่นายศรีราชา กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินจะรับเรื่องไปพิจารณาในเบื้องต้น หากมีข้อมูลที่ชัดเจน และเห็นสมควรว่าไม่ใช่เรื่องที่มีปัญหายุ่งยากก็จะส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
เมื่อถามว่าจุดยืนของพันธมิตรฯ จะเป็นอย่างไรต่อไปหลังพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล และผลจากการรณรงค์โหวตโน ไม่เข้าเป้า พล.ต.จำลอง กล่าวว่าไม่ถือว่าการรณรงค์โหวตโน ไม่เข้าเป้า เพราะเป็นเรื่องใหม่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ กปน. ก็ทำผิดพลาดกันเยอะ เนื่องจากนำบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนไปรวมกับบัตรเสีย ซึ่งถือว่าการรณรงค์โหวตโน ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ พันธมิตรฯไม่ได้ต่อต้านพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่ต่อต้านทุกพรรคการเมืองที่ไม่เสนอนโยบายการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ คือ การจัดการปัญหาบริเวณชายแดนตามที่พันธมิตรฯ เสนอไปก่อนหน้านี้ รวมถึงไม่มีการแก้ปัญหาการคอร์รัปชันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯไม่เห็นด้วยกับการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม
ขณะที่นายปานเทพ กล่าวถึงกรณีคนของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาโวยเรื่องโหวตโน ทำให้พรรคของตนเองแพ้ ว่า เป็นความคิดที่มักง่าย ไม่ยอมรับผิด แพ้การเลือกตั้งแล้วมาโจมตีว่าเป็นเพราะโหวตโน ต่อให้คนโหวตโน เทคะแนนให้ประชาธิปัตย์ทั้งหมด ก็ไม่ชนะพรรคเพื่อไทย เพราะในทางภูมิศาสตร์อีสานเป็นเขตใหญ่ เมื่อประชาธิปัตย์เข้าไม่ถึง อย่างไรก็ไม่ชนะ หากไม่แก้ไขข้อบกพร่องตัวเอง จะเลือกตั้งกี่ครั้งก็แพ้