ผ่าประเด็นร้อน
นาทีนี้แทบทุกฝ่ายคงเห็นคล้อยตามแล้วว่าพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร จะชนะการเลือกเหนือพรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ สุเทพ เทือกสุบรรณ ค่อนข้างแน่ เพียงแต่ว่าจะชนะกันมากน้อยแค่ไหนเท่านั้น เพราะแม้แต่ อภิสิทธิ์ ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศล่าสุดเมื่อสองสามวันก่อนก็ยังยอมรับในทำนองเดียวกันแล้ว
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ยังเป็นเรื่องไม่เข้าใจก็คือ ทำไมคนไทยถึงได้เห็นดีเห็นงามไปกับการเผาบ้านเมือง เผาศาลากลางจังหวัด การชุมนุมที่เต็มไปด้วยความรุนแรง หยาบคาย จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์
เพราะแม้แต่คนกรุงเทพมหานครที่ตกเป็นเหยื่อ ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมคนเสื้อแดง หรือหากลงไปให้ลึกเข้าไปในพื้นที่ราชประสงค์ใจกลางการเผา ควันไฟคละคลุ้ง ห้างร้านถูกเผาจนย่อยยับ ทั้งเถ้าแก่ลูกน้องตกงาน ขาดรายได้กันนับหมื่นคน แต่กลายเป็นว่าเมื่อผลสำรวจ(โพล)ออกมา กลับเป็นพรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมสูงสุด นี่มันอะไรกันบ้านนี้เมืองนี้ มันผิดเพี้ยนกันหลุดโลกแล้วหรือ
หรือว่า เดี๋ยวนี้คนไทยมันยกย่องโจร ผู้ก่อการร้าย คนทุจริตคดโกงเป็นวีรบุรุษแล้วอย่างนั้นหรือ !!
อีกด้านหนึ่งเมื่อมองข้ามเรื่องดังกล่าวแล้วเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า อีกไม่นานก็จะได้เห็นพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล จะมีผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย คดีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อ้างสิทธิ์ ส.ส.ขอคุ้มครองยกเว้นการดำเนินคดีชั่วคราว
ที่สำคัญเมื่อพิจารณาจากอาการที่เป็นอยู่ทำให้มีแนวโน้มสูงแล้วว่า ทักษิณ ชินวัตร จะมอบหมายให้น้องสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็น “โคลนนิ่ง” เป็นนายกรัฐมนตรีค่อนข้างแน่
นอกจากเริ่มโหมรณรงค์ดัน ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ขึ้นป้ายทั่วประเทศแล้ว ที่น่าสนใจก็คือ มีการออกแบบให้ชูบทบาทแสดงความพร้อมเป็นผู้นำในสายตานานาชาติ เริ่มจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศยักษ์ใหญ่อย่างถี่ยิบ และล่าสุดยังเดินสายพบทูตต่างประเทศ ซึ่งเน้นเฉพาะประเทศมหาอำนาจที่มีความหมาย ทำให้ต้องมาวิเคราะห์กันต่อว่ามีเป้าหมายและหวังผลทางการเมืองอย่างไรบ้าง
เริ่มจากประเด็นการสนับสนุนให้ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี มองเผินๆก็ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ถ้าพิจารณาถึงองค์ประกอบทางกฎหมายที่รออยู่ข้างหน้าในเรื่องคดีความในกรณีคดีให้ “ข้อมูลเท็จ” จากคดีซุกหุ้นของ ทักษิณ ชินวัตร ที่มีคนจ้องดำเนินการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว หากเธอเดินไปตามเส้นทางดังกล่าวจริงๆ แต่อีกด้านหนึ่งเมื่อรู้ว่าจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ แล้วยังเดินหน้า มันก็สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการ “เตรียมการ” ใช้เป็น “เกมการเมือง” สะท้อนกลับ เป็นเครื่องมือชี้ให้เห็นว่า “นี่ไงถูกกลั่นแกล้งอีกแล้ว”
เป็นการอธิบายให้เห็นว่า แม้จะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแต่ก็ถูกขัดขวางไม่ให้เป็นนายกฯ ขณะเดียวกันก็ปลุกกระแสคนเสื้อแดงให้มีความเจ็บแค้นขึ้นมา อย่างน้อยก็สร้างแรง “กดดัน” ได้อีก
นอกจากนี้สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษจะเห็นว่าในช่วงเวลานี้ ยิ่งลักษณ์ เปิดตัวให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศถี่ยิบ นอกจากเป็นการแสดงความพร้อมในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว อีกทางหนึ่งเธอยัง “บล็อก” ความเคลื่อนไหวของฝ่ายกองทัพ หรือ “พรรคสีเขียว” ไม่ให้เคลื่อนไหวขัดขวางการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย โดยอ้างในเรื่องประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง
ในเวลาถัดมาก็เริ่มให้ทูตนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศสำคัญที่มีความหมาย เริ่มจากกลุ่มสหภาพยุโรป แม้ว่ามีบางชาติอยู่ในกลุ่ม “เฟรนออฟไทยแลนด์” โปร ทักษิณ กันมาก่อนก็ตาม และล่าสุดเมื่อสองวันก่อนก็นัดหมายกับทูตสหรัฐประจำประเทศไทยหารือกัน แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด แต่นั่นไม่สำคัญ ประเด็นอยู่ที่การ “สร้างภาพ” ให้เห็นว่า มีการหารือกับประเทศ “มหาอำนาจ” อย่างน้อยก็มีผลทางจิตวิทยาแล้ว
ภาพที่ออกมาเหมือนกับว่าประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ให้การยอมรับพร้อมที่จะพูดคุย ที่น่าสังเกตก็คือเป็นการหารือกันก่อนการเลือกตั้งเสียด้วย ความหมายจึงออกมาในลักษณะไม่ต่างจากการพูดคุยเจรจากับรัฐบาลใหม่อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมันก็เป็นไปได้หากพิจารณาในเรื่องผลประโยชน์ที่ประเทศเหล่านั้นจะได้รับ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสิ่งดังกล่าวต้องมาก่อน
ดังนั้นการเปิดตัวแบบเน้นย้ำว่าพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คราวนี้ล้วนผ่านการออกแบบมาจากทีมงานของ ทักษิณ เป็นเหมือนการป้องปรามไม่ให้ขัดขวางพลังของประชาชน ขณะเดียวกันยังมีการเดินสายพบทูตมหาอำนาจและสื่อต่างประเทศ ดูแล้วไม่ต่างกับการ “กระชับพื้นที่” แบบ “โลกล้อมประเทศ” สกัด “ปัจจัยพิเศษ” ไม่ให้เข้ามายุ่ง อีกทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แบบ “วินวิน” กันทั้งสองฝ่าย
เพราะนี่คือการเดิมเกมข้ามช็อต ให้ ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ “โคลนนิ่ง” และ “แบ่งเค้ก” กันล่วงหน้าแล้ว !!