xs
xsm
sm
md
lg

สถานการณ์เริ่มเดือด “บิ๊กกองทัพ” ฮึ่มเพื่อไทย!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผ่าประเด็นร้อน

การหาเสียงเลือกตั้งเพื่อสร้างความชอบธรรมในการได้อำนาจรัฐของบรรดา “นักธุรกิจการเมือง” นักเลือกตั้งเวลานี้เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อเปรียบเทียบตามระยะทางแล้วถือว่ากำลังผ่านโค้งแรกออกมาพอสมควร อีกไม่นานนักก็จะเข้าทางตรง มันก็ช่วยไม่ได้ที่แต่ละฝ่ายจะต้องงัดกลยุทธ์เท่าที่มีออกมาจัดการกับฝ่ายตรงข้าม ไม่เว้นแม้กระทั่งวิชามาร การข่มขู่คุกคาม ใส่ร้ายป้ายสี

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าจับตามากที่สุดในเวลานี้ก็คือ การออกมากล่าวหาและตอบโต้กันอย่างดุเดือดระหว่างพรรคเพื่อไทยกับบิ๊กกองทัพ ทำให้คนที่ติดตามการเมืองเริ่มหันมามองด้วยความสนใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเริ่มมีการวิตกเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันตามมาหรือไม่

หากไล่เรียงปรากฏการณ์มันก็คงเริ่มมาตั้งแต่การที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ “จงใจดักคอ” ว่าหากเธอชนะการเลือกตั้งอาจมีการปฏิวัติรัฐประหาร พร้อมทั้งมีการส่งสัญญาณบางอย่างออกมาในทำนองว่าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแล้วไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ “มีเรื่องแน่” อะไรประมาณนั้น ซึ่งความหมายก็จะต้องจับจ้องไปที่กลุ่มคนเสื้อแดงที่อาจต้องก่อหวอดขึ้นมาได้ทุกเมื่อ

ถัดจากนั้นก็มีการปล่อยคำพูดออกมาจากคนในพรรคเพื่อไทยตามมาเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งการส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือที่กองทัพบกเรียกร้องให้ยุติการใช้กำลังข่มขู่ รวมไปถึงให้ยุติโครงการปราบปรามยาเสพติด การตั้งด่านตรวจค้น โดยอ้างว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อสกัดกั้นผู้สมัครของพรรค

หรือแม้แต่กรณีที่มีการแอบอ้างจากปากของ ประเกียรติ นาสิมมา ผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่า ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อภิชาต สุขัคคานนท์ ไปพบกับประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งมีการปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันก็มี “หัวโจก” คนเสื้อแดง ที่เวลานี้ถอดเสื้อแล้วกลายเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอย่าง ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ออกมากล่าวหาว่า ผู้บังคับบัญชาในกองทัพบกกำลังออกคำสั่งให้กำลังพลไปลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าเพื่อจะลงคะแนนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ รวมไปถึงการใช้อำนาจรัฐข่มขู่คุกคามสารพัด มีการระบุพื้นที่เช่นที่จังหวัดสกลนคร เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ได้รับการปฏิเสธอย่างทันควันจากฝ่ายกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นในแบบแถลงอย่างเป็นทางการในนามของ โฆษกกองทัพบก อย่าง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่ย้ำอย่างหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งเตือนว่าอย่าใส่ร้ายและนำกองทัพไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งก็สอดคล้องกับการแถลงตอบโต้อย่างแข็งกร้าวของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตือนว่าอย่านำกองทัพไปยุ่งกับการเมือง หรืออย่าบิดเบือนให้ร้ายกองทัพเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองในช่วงของการเลือกตั้ง รวมไปถึงการปะทุอารมณ์กลับไปว่า นี่คือวิธีของ “เด็กเลี้ยงแกะ”

ความหมายก็คืออย่า “สร้างเรื่อง” ให้เห็นว่าถูกรังแก ถูกกลั่นแกล้ง เพื่อเรียกร้องคะแนนสงสาร ขณะที่กองทัพถูกมองในแง่ลบอะไรประมาณนั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นหากพิจารณาจากสถานการณ์โดยรวมมันก็ทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที เพราะถ้าปะติดปะต่อเหตุการณ์เข้าด้วยกัน โดยย้อนกลับไปทบทวนคำพูดของ เนวิน ชิดชอบ ผู้อุปถัมภ์ของพรรคภูมิใจไทยที่ออกมาระบุว่าแม้ว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็อาจไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็เป็นได้

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ถ้าพิจารณาอย่างเข้าใจ สถานการณ์มันก็ย่อมเห็นสัญญาณที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะนี่คือการตั้งป้อมประจันหน้ากันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจากฝ่ายผู้นำกองทัพกับฝ่ายพรรคเพื่อไทย ซึ่งถ้ามองในความเป็นจริงมันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

เพราะถ้าดูจากสถานการณ์ย้อนหลังก็จะพบความจริงว่า ระดับผู้นำในยุคปัจจุบันไล่ลงมาตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารบก ล้วนเป็นกำลังหลักในการก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มาทั้งสิ้น รวมไปถึงเหตุการณ์ “กระชับพื้นที่” ทั้งในเหตุการณ์เมื่อวัน “สงกรานต์เลือด” เดือนเมษายน 2552 ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 แม้ว่าเป็นสถานการณ์จำเป็นที่ต้องควบคุมการจลาจล ก่อการร้าย แต่มันก็สร้างความอาฆาตให้กับอีกฝ่ายหนึ่งแน่นอน

ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาพิจารณาจากความรู้สึกของระดับผู้นำกองทัพ นาทีนี้ถ้าตั้งคำถามไปว่ามีความแฮปปี้กับรัฐบาลกับ “ขั้ว”ไหน ก็ต้อง แน่นอนว่าไม่ใช่ขั้วเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตรแน่นอน เพราะแม้ว่าจะมีการ “ขีดวง” ของระเบียบข้อบังคับไม่ให้เข้ามาแทรกแซงได้โดยง่ายก็ตาม แต่ในฐานะฝ่ายบริหารย่อมต้องกดดันได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในด้านงบประมาณ ซึ่งถือว่าเป็นการควบคุมที่มีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาในยุคของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าไม่มีปัญหา ทุกอย่างราบรื่น

เมื่อบรรยากาศการกล่าวหาตอบโต้กันทั้งสองฝ่ายในช่วงที่การแข่งขันในทางการเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากใกล้จะถึงวันโหวตเข้ามาทุกที เนื่องจากการเลือกตั้งคราวนี้มันย่อมหมายถึงการชี้ชะตาของหลายฝ่ายในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นที่รับรู้กันอยู่แล้วว่าเป้าหมายสำคัญที่สุดก็คือ ต้องการนิรโทษกรรมลบล้างความผิดให้ทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายกองทัพแน่นอนว่านาทีนี้ในใจคงไม่ต้องการให้ฝ่ายตรงข้าม เพราะมันย่อมส่งผลต่ออนาคตของตัวเองในภายหน้าแน่นอน แม้ว่าปากจะบอกว่าไม่หวั่นไหว แต่ข้างในย่อมคิดอีกแบบ

ดังนั้น ถ้าให้สรุปก็ต้องฟันธงกันแบบมองในแง่ร้ายเอาไว้ล่วงหน้าว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาลมันก็มีเค้าว่าจะต้องมีปัญหาตามมา และโอกาสที่จะต้อง “มีเรื่อง” เกิดขึ้นสูงยิ่งขณะเดียวกันมันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าก่อนการเลือกตั้ง อาจมี “เหตุการณ์ไม่คาดฝัน” เกิดขึ้นก็เป็นได้ แม้ว่าคงไม่มีอยากให้เกิด แต่ก็อย่างว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เครียดมากไปก็ไม่มีประโยชน์!!
ทักษิณ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น