xs
xsm
sm
md
lg

“โหวตโน” คือทางออกหยุดการเมืองเลว-รุนแรง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ได้ฟังเสียงประเมินจากหลายฝ่ายแล้วมีความเห็นตรงกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการซื้อเสียง และเกิดความรุนแรงมากที่สุด ล่าสุดแม้แต่ผู้บังคับการกองปราบปราม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ก็ยังเอ่ยปากหนักใจ เพราะเป็นการเลือกตั้งที่มีการแข่งขันและมี “เดิมพันสูง”

แม้บางคนจะโบ้ยไปว่าเป็นเพราะมีการแบ่งเขตการเลือกตั้งใหม่ เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียวทำให้การแข่งขันสูง ซึ่งมันก็อาจจะจริงอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียงเบอร์มันก็คงไม่ต่างกัน เนื่องจากผลของการแพ้ชนะกันในระดับจำนวน ส.ส.ของสองพรรคใหญ่ นั่นคือ พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทยมันมีผลต่อ “ชะตากรรม” ในอนาคตของผู้นำพรรคหรือเจ้าของพรรคนั่นเอง

หากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาฝ่ายที่ต้องลุ้นแบบตั้งความหวังมากที่สุดก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ดำเนินกิจกรรมผ่านทางพรรคเพื่อไทย เพราะชนะการเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล นั่นก็หมายความว่าเขาจะได้กลับมาประเทศแบบ “อภิสิทธิ์ชน” ไม่ต่างจาก “เทวดา” คือแม้แต่คำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี และหมายจับของศาลอีกหลายคดีก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ขนาดโทษอาญาที่เกี่ยวกับคดี “ทุจริตคอร์รัปชัน” ที่ไม่เคยมีใครได้รับการอภัยโทษมาก่อนในประวัติศาสตร์ก็จะไม่มีความหมายสำหรับเขา

สิ่งที่ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยกำลังออกแบบวาทะกรรมเพื่อการลวงโลกรอบใหม่ก็คือเขาถูกรังแกจากการรัฐประหาร จาก “อำมาตย์” และจะใช้วิธีการแบบ “มักง่าย” นั่นคือใช้การเลือกตั้ง “ฟอกตัว” ใช้การเลือกตั้งพิสูจน์ความถูกผิด ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ก็ใช้ตรกะง่ายๆว่าเขา “ไม่ผิด” พร้อมทั้งประกาศว่าสิ่งแรกที่ต้องทำหลังจากได้อำนาจรัฐจะ “นิรโทษกรรม” ทันที ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงมันก็ต้องเกิดความโกลาหลขึ้นมาอีก เพราะเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากรับไม่ได้อย่างแน่นอน

อีกด้านหนึ่งเมื่อหันมาพิจารณาในฟากของพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กันบ้าง นาทีนี้ก็ต้องยอมรับความจริงว่า “เป็นรอง” พรรคเพื่อไทยของทักษิณ แม้ว่าอาจจะไม่ได้แพ้ขาดเหมือนเมื่อก่อน เพราะถึงอย่างไรด้วยลักษณะ “รูปหล่อ” เป็นจุดขาย มีแม่ยกตามกรี๊ดเป็นกอบเป็นกำก็ยังพอสร้างกระแสได้อยู่บ้าง ประกอบกับยังเป็นรัฐบาลรักษาการ มีข้าราชการเป็นมือไม้ มันก็ตั้งยันเอาไว้ได้พอสมควร

เมื่อรู้ตัวว่าเป็นรองทำให้ต้องบ่ายเบี่ยงไม่ยอมลงสัตยาบันให้พรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งได้จัดตั้งรัฐบาล เพราะหากฟังเสียงจาก เลขาธิการพรรค สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ไม่เคยตอบคำถามชัดถ้อยชัดคำ โดยส่งสัญญาณชัดเจนว่าหากใครสามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ก็เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ความหมายก็คือแม้ว่าจะได้รับเลือกเข้ามามีจำนวน ส.ส.มากกว่าแต่ถ้าไม่อาจดึงพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็กที่เป็น “ตัวแปร” เข้ามาร่วมได้ ก็ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน หากเป็นแบบนี้มันก็เป็นอีกเงื่อนไขที่จะต้องเกิดความรุนแรงตามมา

เชื่อว่าคนอย่าง ทักษิณ คงไม่ยอม และต้องเป่านกหวีดให้ คนเสื้อแดงออกมาป่วนอีกรอบ และเชื่อว่าคราวนี้จะแรงกว่าเดิมหลายเท่า เพราะพวกเขาจะใช้เงื่อนไข “ถูกกลั่นแกล้ง” มาปลุกระดมให้เกิดการลุกฮือขึ้นมาซ้ำซาก

นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้ง มีการแข่งขันสูงในหลายพื้นที่ก็เป็นชนวนให้เกิดความรุนแรงเช่นเดียวกัน ทั้งสาเหตุจากเรื่องส่วนตัว ขัดผลประโยชน์ แต่จะอาศัยเหตุการณ์ช่วงชุลมุนขณะมีการหาเสียงเลือกตั้งลงมือเพื่อเบนเป็นเรื่องการเมือง มันก็เป็นการเพิ่มดีกรีความดุเดือดขึ้นไปอีก

จากปรากฏการณ์และความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาทั้งหมด มันก็เป็นสัญญาณให้เห็นล่วงหน้าแล้วว่าการเลือกตั้งคราวนี้จะต้องเกิดความรุนแรง และเกิดความวุ่นวายตามมา หากพิจารณาถึงทางออกที่เหมาะสมที่สุดน่าจะต้อง “โหวตโน” หรือไม่เลือกใคร เป็นการแสดงออกของประชาชนสื่อไปถึงนักการเมืองในปัจจุบันได้ดีที่สุด และไม่ผิดเจตนารมณ์ประชาธิปไตย เพราะมีการไปใช้สิทธิ์ตามระบบอย่างถูกต้อง ขณะเดียวกันหากโหวตโนกันจำนวนมาก มันก็เป็นแรงผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการเมืองกันครั้งใหญ่ ซึ่งไม่มีใครจะขัดขวางได้

ดังนั้น หากต้องการ “หยุดความรุนแรง” และความวุ่นวายตามมา ไม่ว่าพรรคไหนจะได้เป็นรัฐบาล ก็ต้อง “โหวตโน” เท่านั้น!!
กำลังโหลดความคิดเห็น