00 นาทีนี้ขอเตือนด้วยความหวังดีไปยังพรรคการเมืองทั้งหลายที่ในตายตาชาวบ้านถือว่า “ห่วยแตก” เห็นแก่ตัวเหมือนกันหมด ให้ระมัดระวังตัวกันให้ดีหากยังคิดว่าใช้วิธี “หลอกต้ม” แบบเดิมๆแล้วจะได้ผลเหมือนเคย ขอเตือนไปยัง “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลัง “บงการ” อยู่เบื้องหลัง พรรคเพื่อไทย “หัวโจก” คนเสื้อแดง เตือนไปยัง “มาร์ค-เทพเทือก” หัวขบวนปชป. “ยี้ห้อย” เนวิน ชิดชอบ ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในพรรคภูมิใจไทย รวมไปถึง “หลงจู๊เติ้ง” แห่งชาติไทยฯให้ทำใจเอาไว้ล่วงหน้าบ้าง เนื่องจากเวลานี้ชาวบ้านเขาเริ่มรังเกียจและ “ขยะแขยง” พวกคุณเต็มทีแล้ว และอย่าได้แปลกใจที่ล่าสุดกระแส “โหวตโน” เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
00 จากเดิมที่นักการเมืองพวกนี้ไม่เคยชายตาเหลือบมองเหลียวแล กลายเป็นหวั่นวิตก จึงต้องใช้วิชามารข่มขู่ ทั้งออกมาในรูปแบบของการ “ทำลายป้าย” รณรงค์ โหวตโน (อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา) กดดันให้ กกต.สั่งปลดป้ายทิ้ง หรือแม้แต่บอกว่า โหวตไปก็เสียของเปล่า เพราะไม่มีผลทางกฎหมาย ทำกันสารพัด แต่ล่าสุดเมื่อผลการสำรวจ “นิด้าโพลล์”ออกมากลับเห็นว่าคะแนนโหวตโนพุ่งพรวดขึ้นมาเกินร้อยละ 5 และทำท่าจะทะยานขึ้นไปอีกหากมีการรณรงค์ทำความเข้าใจกับพี่น้องทั่วประเทศในโค้งสุดท้าย ทำกันอย่างเข้มข้น
00 หลังจากมีการให้แง่มุมทางกฎหมายของ อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในศาลฎีกา ที่เขียนบทความเผยแพร่ในสื่อต่างๆในหัวข้อ “ผลทางนิตินัยของบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนน (โหวตโน)” เมื่อวันก่อนยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า หากในเขตเลือกตั้งใด มีคะแนน โหวตโน มากกว่าผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุด หรือคะแนนโหวตโนรวมกับคะแนนของผู้สมัครคนอื่นที่ได้คะแนนรองลงไปแล้วมากกว่าผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้
00 เพราะมีการหยิบยกเอา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ว.ปี 2550 มาตรา ในมาตรา 89 ภายใต้บังคับมาตรา 88 ระบุอย่างชัดเจนในการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ว่าผู้สมัครที่ได้เป็น ส.ส.ต้องได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดในเขตนั้น ดังนั้นถ้าคนที่ได้คะแนนมากที่สุด แต่ไปแพ้คะแนนโหวตโน หรือน้อยกว่าคะแนนโหวตโนรวมกับคะแนนที่ไปโหวตให้คนอื่นที่ได้คะแนนรองลงมา หากเป็นแบบนี้มันก็ไม่ถือว่าเป็นตัวแทน พูดง่ายๆก็คือมีคนที่ “ตั้งใจไม่เลือก” มากกว่าคนที่เลือก นอกจากมีผลทางกฎหมายแล้ว ยังถือว่า “ไม่ชอบธรรม” อีกด้วย
00 นอกจากนี้ใน รธน.มาตรา 93 วรรคท้าย ที่ระบุเอาไว้ว่า หากมีเหตุทำให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใดมีจำนวน ส.ส.ไม่ครบ 500 แต่มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดให้ถือว่ามีจำนวนสมาชิกประกอบเป็นสภาผู้แทนฯ นั่นหมายความว่าถ้ามี ส.ส.ไม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ก็เปิดสภาไม่ได้ ดังนั้นถ้ามีเสียงโหวตโนชนะใน 26 เขตเลือกตั้งขึ้นไปก็จะเปิดสภาไม่ได้ และนี่คือการหยุดนักการเมืองชั่ว หยุด “ระบอบทักษิณ” ไม่ให้กลับเข้ามา “จองหองพองขน” ได้อีก และที่สำคัญนี่คือการหยุดวิกฤติของบ้านเมือง บีบให้ต้องมีการ “ปฏิรูปการเมือง” กันครั้งใหญ่ โดยพลังของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง มาช่วยกัน “ออกแบบ”ให้ตรงตามที่คนส่วนใหญ่ต้องการอย่างแท้จริง และเกิดขึ้นจากความตื่นตัวและตั้งใจล้วนๆ
00 นี่ก็น่าจะเป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวายนองเลือดก่อนวันเลือกตั้งก็เป็นได้ กับกำหนดการปราศรัยหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของ พรรค ปชป.วันพฤหัสฯที่ 23 มิ.ย.ที่ราชประสงค์ ต้องการให้ อภิสิทธิ์-สุเทพ มาชี้แจงเหตุการณ์ “กระชับพื้นที่” สลายคนเสื้อแดงในเหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค.ปี 53 งานนี้น่าจะเป็นการสกิดแผลให้เกิดความโกรธ ความเกลียดและอาจลงท้ายกลายเป็นความรุนแรงขึ้นได้ในที่สุด ประเด็นก็คือ การชี้แจง ความกล้าหาญของพลพรรคปชป.ทำไมเพิ่งมาทำเอาตอนนี้ช่วงที่เป็นรัฐบาลมีอำนาจเต็มทำไมถึงไม่ดำเนินการไปตามกฎหมาย มีเครื่องมือทุกอย่าง มาวันนี้มันสายเกินไป ไม่เกิดประโยชน์ มิหนำซ้ำยังถูกมองเป็นเรื่องการเมืองเสียอีก ทุด !!
00 จากเดิมที่นักการเมืองพวกนี้ไม่เคยชายตาเหลือบมองเหลียวแล กลายเป็นหวั่นวิตก จึงต้องใช้วิชามารข่มขู่ ทั้งออกมาในรูปแบบของการ “ทำลายป้าย” รณรงค์ โหวตโน (อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา) กดดันให้ กกต.สั่งปลดป้ายทิ้ง หรือแม้แต่บอกว่า โหวตไปก็เสียของเปล่า เพราะไม่มีผลทางกฎหมาย ทำกันสารพัด แต่ล่าสุดเมื่อผลการสำรวจ “นิด้าโพลล์”ออกมากลับเห็นว่าคะแนนโหวตโนพุ่งพรวดขึ้นมาเกินร้อยละ 5 และทำท่าจะทะยานขึ้นไปอีกหากมีการรณรงค์ทำความเข้าใจกับพี่น้องทั่วประเทศในโค้งสุดท้าย ทำกันอย่างเข้มข้น
00 หลังจากมีการให้แง่มุมทางกฎหมายของ อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในศาลฎีกา ที่เขียนบทความเผยแพร่ในสื่อต่างๆในหัวข้อ “ผลทางนิตินัยของบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนน (โหวตโน)” เมื่อวันก่อนยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า หากในเขตเลือกตั้งใด มีคะแนน โหวตโน มากกว่าผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุด หรือคะแนนโหวตโนรวมกับคะแนนของผู้สมัครคนอื่นที่ได้คะแนนรองลงไปแล้วมากกว่าผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้
00 เพราะมีการหยิบยกเอา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ว.ปี 2550 มาตรา ในมาตรา 89 ภายใต้บังคับมาตรา 88 ระบุอย่างชัดเจนในการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ว่าผู้สมัครที่ได้เป็น ส.ส.ต้องได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดในเขตนั้น ดังนั้นถ้าคนที่ได้คะแนนมากที่สุด แต่ไปแพ้คะแนนโหวตโน หรือน้อยกว่าคะแนนโหวตโนรวมกับคะแนนที่ไปโหวตให้คนอื่นที่ได้คะแนนรองลงมา หากเป็นแบบนี้มันก็ไม่ถือว่าเป็นตัวแทน พูดง่ายๆก็คือมีคนที่ “ตั้งใจไม่เลือก” มากกว่าคนที่เลือก นอกจากมีผลทางกฎหมายแล้ว ยังถือว่า “ไม่ชอบธรรม” อีกด้วย
00 นอกจากนี้ใน รธน.มาตรา 93 วรรคท้าย ที่ระบุเอาไว้ว่า หากมีเหตุทำให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใดมีจำนวน ส.ส.ไม่ครบ 500 แต่มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดให้ถือว่ามีจำนวนสมาชิกประกอบเป็นสภาผู้แทนฯ นั่นหมายความว่าถ้ามี ส.ส.ไม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ก็เปิดสภาไม่ได้ ดังนั้นถ้ามีเสียงโหวตโนชนะใน 26 เขตเลือกตั้งขึ้นไปก็จะเปิดสภาไม่ได้ และนี่คือการหยุดนักการเมืองชั่ว หยุด “ระบอบทักษิณ” ไม่ให้กลับเข้ามา “จองหองพองขน” ได้อีก และที่สำคัญนี่คือการหยุดวิกฤติของบ้านเมือง บีบให้ต้องมีการ “ปฏิรูปการเมือง” กันครั้งใหญ่ โดยพลังของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง มาช่วยกัน “ออกแบบ”ให้ตรงตามที่คนส่วนใหญ่ต้องการอย่างแท้จริง และเกิดขึ้นจากความตื่นตัวและตั้งใจล้วนๆ
00 นี่ก็น่าจะเป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวายนองเลือดก่อนวันเลือกตั้งก็เป็นได้ กับกำหนดการปราศรัยหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของ พรรค ปชป.วันพฤหัสฯที่ 23 มิ.ย.ที่ราชประสงค์ ต้องการให้ อภิสิทธิ์-สุเทพ มาชี้แจงเหตุการณ์ “กระชับพื้นที่” สลายคนเสื้อแดงในเหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค.ปี 53 งานนี้น่าจะเป็นการสกิดแผลให้เกิดความโกรธ ความเกลียดและอาจลงท้ายกลายเป็นความรุนแรงขึ้นได้ในที่สุด ประเด็นก็คือ การชี้แจง ความกล้าหาญของพลพรรคปชป.ทำไมเพิ่งมาทำเอาตอนนี้ช่วงที่เป็นรัฐบาลมีอำนาจเต็มทำไมถึงไม่ดำเนินการไปตามกฎหมาย มีเครื่องมือทุกอย่าง มาวันนี้มันสายเกินไป ไม่เกิดประโยชน์ มิหนำซ้ำยังถูกมองเป็นเรื่องการเมืองเสียอีก ทุด !!