xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ท้าพีเน็ตจัดดีเบตคู่ “ปู-มาร์ค” เย้ย ปชป.ปราศรัยประจานปล่อยแดงรอดคุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (แฟ้มภาพ)
โฆษกพันธมิตรฯ รับน่าเศร้ารัฐแฉชุดดำสังหารแดงแต่กลับใช้กองทุนยุติธรรมปล่อยตัวมือสังหาร “ร่มเกล้า” ถามทำไมไม่กวาดล้างให้เสร็จก่อนยุบสภา ซัดเอาแต่ข่มขู่ชาวบ้านไม่เป็นธรรม เชื่อดีเอสไอโดนรัฐบาลหน้าบิดเบือนแน่ เย้ยปราศรัยประจานตัวเอง ใช้แดงหาเสียง ชี้คนร้องไห้ไม่ใช่แค่ “มาร์ค” แต่เป็นคนไทยทั้งชาติ ยันต้องโหวตโน ท้าพีเน็ตจัดดีเบตคู่ “ยิ่งลักษณ์-อภิสิทธิ์”


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันต่อสื่อมวลชนถึงกรณีการเปิดปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่แยกราชประสงค์ เมื่อคืนวานนี้ (23 มิ.ย.) ว่า เป็นการปราศรัยที่มีลักษณะในการโจมตีคนเสื้อแดงเป็นหลัก โดยมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงหลายประการของเหตุการณ์สูญเสียชีวิตของประชาชน ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากสำหรับประชาชนชาวไทย เพราะขณะที่รัฐบาลเปิดเผยความเลวร้ายของกลุ่มชายชุดดำหรือคนเสื้อแดง ทำให้เกิดคำถามจากประชาชนว่า เหตุใดรัฐบาลจึงมีมติคณะรัฐมนตรีให้ใช้กองทุนยุติธรรมไปสนับสนุนการประกัน ตัวปล่อยคนเสื้อแดง และผู้ต้องสงสัยที่เป็นผู้สังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม หากคิดว่าคนเสื้อแดงมีความเลวร้ายขนาดนั้น แล้วกลับมาข่มขู่ให้ประชาชนค้องหวาดกลัวว่าระวังคนเสื้อแดงจะกลับมา ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นผู้ปล่อยตัวออกมา

นายปานเทพกล่าวต่อว่า ในขณะที่รัฐบาลอ้างว่ามีชายชุดดำอยู่เบื้องหลังการสังหารประชาชนนั้น ก็ต้องขอถามรัฐบาลว่า เหตุใดจึงไม่จัดการกวาดล้างจับกุมให้แล้วเสร็จก่อนมีการยุบสภา แล้วก็มาข่มขู่ประชาชนในวันนี้อย่างไม่เป็นธรรม สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ การให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าจับกุมให้เสร็จ อย่างน้อยส่งตัวขึ้นสู่ศาลได้ หากปล่อยไว้เป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่า รัฐบาลชุดหน้ามีโอกาสครอบงำกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บิดเบือนคดีไม่สามารถเอาผิดผู้ที่กระทำความผิดได้

“สิ่งที่มีการปราศรัยเมื่อคืน ด้านหนึ่งต้องการดิสเครดิตคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการประจานความอ่อนแอของรัฐบาลเอง” นายปานเทพกล่าว

โฆษกพันธมิตรฯ ยังได้กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ด้วยว่า คนที่เสียใจคือภรรยาของ พล.อ.ร่มเกล้า ที่ต้องไปร้องขอความเป็นธรรมกัต่อกองทัพบกที่ไม่สามารถดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ และไม่สามารถให้ความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ร่มเกล้า ในทางตรงข้ามก็ต้องมีความรู้สึกหวาดที่รัฐบาลปล่อยผู้ต้องสงสัยที่เคยให้การกับดีเอสไอว่าเกี่ยวข้องกับการยิงระเบิดเอ็ม 79 โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ พล.อ.ร่มเกล้าอยู่ เป็นเหตุผลที่หาคำตอบไม่ว่ารัฐบาลข่มขู่ประชาชนเช่นนี้ แต่กลับไปสนับสนุนการประกันตัวคนเสื้อแดง

“คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเจตนานำคนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือในการหาเสียงเพื่อข่มขู่ประชาชน เป็นเรื่องที่ประชาชนสมควรจะร้องไห้มากกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่าตัวเองได้ร้องไห้ในคืนวันที่ 10 เม.ย.53 เพราะประชาชนต้องร้องไห้ตลอดเวลาในวันนี้ที่ไม่มีหลักประกันในความปลอดภัย” นายปานเทพกล่าว

นายปานเทพกล่าวต่อว่า ยังไม่รวมไปถึงกรณีการลอบทำร้ายนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เมื่อปี 52 หรือการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ที่ชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อปี 51 ที่ไม่มีรัฐบาลหรือนักการเมืองคนไหนออกมารับผิดชอบในการจับกุมคนร้าย ปล่อยผ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประชาชนต่างหากที่สมควรจะร้องไห้ และร้องไห้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่วันที่ 10 เม.ย.53 รัฐบาลต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ไม่ใช่เอาแต่ได้ พูดให้ร้ายเสื้อแดงในมุมเดียว แต่ตัวเองกลับปล่อยปละละเลยให้เกิดการเผาบ้านเผาเมือง ปล่อยประกันตัวคนเสื้อแดง และกวาดล้างไม่เสร็จในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมแล้วยุบสภาหนี

“ด้วยเหตุนี้ทำให้ภาคประชาชนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้วกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนทั้ง 2 บัตรเลือกตั้ง หรือโหวตโนเพื่อหยุดระบอบทักษิณ โดยเฉพาะในระบบเขตที่หากได้ถึง 26 เขตจะทำให้เปิดประชุมสภาไม่ได้ หยุดยั้งระบอบทักษิณได้ หยุดการนำตัวผู้ก่อร้ายเข้ามาสู่ตำแหน่งทางการเมือง เป็นวิธีเดียวที่เหลืออยู่โดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงหรือการชุมนุมใดๆ” โฆษกพันธมิตรฯ ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อการเลือกตั้ง หรือพีเน็ต เตรียมจัดเวทีสาธารณะให้ผู้แทนพันธมิตรฯ เข้าร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรณรงค์โหวตโน นายปานเทพกล่าวว่า น่าเสียดายที่ทางพีเน็ตไม่ได้วางตัวเป็นกลางมาตั้งแต่ต้น โดยได้ไปสนับสนุนการแถลงข่าวเลือกใครแล้วไทยรอด ของกลุ่มเฟซบุ๊คกลุ่มหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นมาโดยเครือข่ายของพีเน็ต ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านการรณรงค์โหวตโน จึงถือว่าวางตัวไม่เป็นกลาง แต่พอภาคประชาชนเคลื่อนไหวหนักขึ้น จึงพยายามหาเวทีโต้วาทีหรือดีเบตขึ้นมา ซึ่งขอยืนยันว่าภาคประชาชนยินดีที่จะโต้วาทีด้วยในพื้นฐาน 2 ประการ คือ 1.พีเน็ตต้องประกาศตัวให้ชัดเจนว่าเป็นกลางต่อเรื่องโหวตโนหรือไม่ และ 2.ต้องเป็นการโต้วาทีกับนักการเมืองที่อยู่ในระบบ ไม่ใช่กองเชียร์ เพราะถือว่าเสียงโหวตโนกับนักการเมืองในระบบต้องช่วงชิงคะแนนซึ่งกันและกัน

“เราไม่ต้องการโต้วาทีกับกองเชียร์ ซึ่งไม่มีความหมายไม่เกิดประโยชน์ หากจะจัดต้องจัดอย่างเป็นธรรม โดยจะพิจารณาส่งตัวแทนไปให้ โดยยินดีที่จะดีเบตทั้งกับนายอภิสิทธิ์ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมๆ กันด้วย ถือว่าเป็นการวัดว่าประชาชนจะเลือกพรรคเพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์ หรือมาลงคะแนนโหวตโน” นายปานเทพระบุ

นายปานเทพยังเปิดเผยด้วยว่า ในวันนี้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. จะมีการเดินรณรงค์โหวตโนตั้งแยกอโศก ถนนสุขุมวิท ต่อเนื่องไปตามถนนรัชดาภิเษก จนถึงแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีกระแสโหวตโนมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลการสำรวจของกรุงเทพโพลล์ล่าสุด โดยเชื่อว่ามีโอกาสที่ประชาชนจะตัดสินใจให้โหวตโนชนะผู้สมัครเพื่อยุติปัญหาที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม 26 เขตที่กล่าวถึงนั้นไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นข้อมูลให้ประชาชนทราบว่ามีทางออกที่ง่ายกว่าการไปเลือกพรรคการเมืองหนึ่งพรรคใด และต้องไปเผชิญหน้ากันในอนาคต โดยที่โหวตโนสามารถหยุดได้

ผู้สื่อข่าวรายงานในช่วงเวลา 13.00 น. ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จะมีการจัดเสวนาเกี่ยวกับการโหวตโน ซึ่งจัดโดยกลุ่มกุหลาบเหลือง โดย พล.อ.กิตติ รัตนฉายา และได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากแขนงต่างๆ เข้าร่วมเป็นวิทยากร เช่น นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น