xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” ย้ำ ปชป.ปราศรัยราชประสงค์เท่ากับประจานตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” เชื่อ “แก้วสรร” เงียบหลังถูกโต้บทความคงเพราะไม่มั่นใจว่าข้อมูลตัวเองถูก ย้ำ ปชป.ปราศรัยเวทีราชประสงค์เท่ากับประจานความล้มเหลวของตัวเอง ฉะ “สุเทพ” โยนความผิดให้เสื้อแดงเต็มๆ แต่ไม่วิจารณ์รัฐบาลทำไมถึงปล่อยอันธพาลครองเมือง แต่พอหาเสียงก็มาอ้อนให้พี่น้องช่วย ถามตกลงจะให้ประชาชนตายแทนอีกกี่รอบ ส่วน “ชวน” ก็ดูไม่สง่างามเหมือนเมื่อก่อน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันนี้ (23 มิ.ย.) นายประพันธ์ คูณมี คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า ตอนแรกที่เรารณรงค์โหวตโน นักการเมืองหัวเราะเยาะ ตามไม่ทัน แต่วันนี้กระแสโหวตโนลุกลามไปทั่วประเทศ ผลโพลที่ออกมาทำให้นายอภิสิทธิ์ปรี๊ดแตก ถึงกับออกมาบอกว่าไม่พอใจผลกรุงเทพโพลล์ เพราะมันชี้ว่านายอภิสิทธิ์แพ้ขาดรอย บางเขตแพ้โหวตโนด้วยซ้ำไป

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า นักกฎหมายที่ถูกเราชี้แจงไป อย่างนายแก้วสรร อติโพธิ ก็ยังมึนอยู่ ปกติวิสัยของนักกฎหมาย หากแน่วแน่เชื่อมั่นว่าข้อมูลตัวเองถูกต้องจะต้องไม่ยอมกันง่ายๆ  เถียงกันจนตาย แต่วันนี้นายแก้วสรรไม่ออกมาตอบโต้ กลับเงียบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปกติคนคนนี้ยอมคนที่ไหน

“เอาเป็นว่าเข้าใจตรงกันหมดแล้วว่า การไม่ประสงค์ลงคะแนนของเรามีผลทางกฎหมาย สามารถหยุดระบอบทักษิณได้” นายประพันธ์กล่าว  

นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า ดูการปราศรัยของประชาธิปัตย์วันนี้ ใจความที่นายสุเทพปราศรัย ไม่ต่างอะไรเลยกับที่ตอบในสภาตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เหมือนเดิมทุกประการ บอกว่าเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเสื้อแดง โยนความชั่วเต็มๆให้พวกนั้นเต็มร้อย ตนก็นึกว่าแล้วพวกคุณรักษาความมั่นคงอย่างไร ถึงให้พวกนั้นซ่องสุมกำลังขนาดนั้น ทั้งหมดนี้ด่าไปก็เท่ากับประจานตัวเอง

สุดท้ายบอกว่าการตัดสินใจสลายการชุมนุม ตัวเองเป็นคนตัดสินใจ นายอภิสิทธิ์ไม่ได้สั่งการ สรุปคือออกมารับผิดแทนนายอภิสิทธิ์ ตกลงนายกฯ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ แล้วบ้านเมืองจะมีนายกฯ ไปทำไม เวลามีอะไรเกิดขึ้นก็มีพวกมารับแทน เหมือนกรณีหมอมุกที่มีคนออกมารับผิดแทนคนขับรถชน นายสุเทพกำลังทำตัวเหมือน พันเอกคนนั้น

นอกจากนั้นยังเชิญชวนพี่น้องประชาชนว่าใน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เต็มไปด้วยผู้ก่อการร้าย แล้วออกหมายจับดำเนินการทางกฎหมายดันทะลึ่งไปประกันตัวพวกนั้นทำไม แล้วมาขอร้องอย่าให้พวกนั้นกลับมา เขามาแน่ ที่เขามาได้ก็เพราะความไร้ประสิทธิภาพ ไม่ใช่พอมาวันนี้จะเลือกตั้ง ก็มาหาเสียงให้พี่น้องช่วยสกัดไม่ให้พวกนี้กลับมา แล้วยังโอดครวญอีกว่าไปหาเสียงก็มีคนก่อกวน คุณเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ไม่มีปัญญาจัดการหรือ ไม่เข้าใจจะมาพูดทำไม คิดว่าตัวเองได้คะแนนหรือ

“ควรกวาดล้างพวกนี้ไปให้สิ้นซาก ไม่ใช่มาโอดครวญ ตกลงจะให้ประชาชนตายแทนคุณอีกกี่รอบ ฟังสุเทพแล้ว ไม่ใช่การหาเสียงแต่มันเป็นการหาเรื่อง สรุปเลือก 2 ขั้วนี้มาก็รบรากันไม่รู้จบ บ้านเมืองไม่มีทางสงบ ที่พยายามมาบอกว่าเหลืองแดงเป็นตัวปัญหา พวกคุณสองฝ่ายต่างหาก ที่แย่งกันอยากได้อำนาจทำให้เกิดความวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้” นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ส่วนนายกฯ ชวนตนเห็นใจ วันนี้ออกมาไม่สง่างามเหมือนเมื่อก่อนเลย นายชวนระบุว่าการเมืองที่เลวร้ายที่สุด คือการเมืองที่ใช้เงินซื้อทุกอย่าง แถมบอกประชาชนทั่วประเทศที่อย่ายอมเป็นเหยื่อพวกทรชน ท่านพูดถูก แต่ทำไมไม่ดูในพรรคตัวเองว่าก็มีทรชนเช่นกัน เมื่อก่อนประชาธิปัตย์อาจไม่มีเงิน แต่ทุกวันนี้อำนาจเงินครอบงำประชาธิปัตย์หมด

บอกอีกว่าไปอีสาน พบว่ามีการข่มขู่ คุกคามประชาชน มีการโจมตีสถาบันฯ ตนก็นึกในใจก่อนหน้านี้นายชวนก็พูดกับตนแบบนี้ แต่พอเป็นรัฐบาลมา 2 ปี 8 เดือน ทำไมไม่ไปถลกหนังหัวพวกนี้ ก็เพราะไปเอาเด็กวานเมื่อวานซืนอย่างนายอภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯ แล้วก็มาบ่น ที่นักเลงครองเมืองเพราะมีนายกฯ ขี้ขลาดตาขาว ปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพอย่างนี้ ต้องโทษ รัฐบาล โทษนายกฯ และรองนายกฯ ว่าทำงานไม่ได้เรื่อง

แต่สุดท้ายที่ดูไม่งามคือปกตินายชวน จะต่อต้านทหารที่รัฐประหาร เพราะทำให้อาชีพนักการเมืองตกงาน แต่มาวันนี้ขอบคุณทหารที่ไม่ปฏิวัติง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อน ดูเหมือนมีความสุขที่ทหารอยู่ในโอวาทนักการเมืองเป็นอย่างดี

นายประพันธ์กล่าวว่า การปราศรัยในวันนี้ไม่ได้ทำการเมืองของประเทศมีอนาคต เลือกตั้งแล้วก็ยังไม่สงบ ที่พวกเราโหวตโนขอให้ยืนหยัดอย่างมั่นคง เดินหน้าต่อไป ต้องไม่ยอมรับระบอบการเมืองทั้งสองฝ่าย เพราะได้พิสูจน์แล้วว่าเลวพอๆ กัน

คำต่อคำ

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน กราบสวัสดีพี่น้องที่รับชมอยู่ทางบ้านและที่รับชมอยู่ต่างประเทศ แสดงว่าเรตติ้งรายการผมคงดี เพราะก่อนพูดมีโฆษณาคั่น คงไม่ใช่ละครับ เป็นรายการปกติของทางสถานีที่มีสปอตในช่วงนี้ แสดงว่า ASTV มีผู้รับชมมากขึ้นเลยมีโฆษณามาแทรก จบจากการชุมนุมแล้วคงเข้าสู่รายการปกติ ไม่ต้องไปไหนเรายังเจอกันทาง ASTV เหมือนเดิม อาจจะไม่ได้เจอกันทุกวัน แต่สัปดาห์หนึ่งคงจะมีสัก 1-2 วัน

พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้ดูเหมือนว่ามีประเด็นที่ยังฮอตไม่เลิก และเวทีเสวนาวิชาการหยิบยกขึ้นมาพูด นอกจากเหตุการณ์ในต่างประเทศ เรื่องที่เราต้องติดตาม ผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก เรื่องสำคัญการเมือง การเลือกตั้งภายในประเทศ และการรณรงค์ไม่ประสงค์ลงคะแนน ของพวกเรา กำลังเข้มข้น ตีคู่ไปกับการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมือง ชนิดหายใจรดต้นคอ จากที่เราจุดประเด็นเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศที่เบื่อ เกลียด ไม่ชอบ ไม่พอใจระบอบการเมือง พรรคการเมือง นักการเมืองที่เป็นอยู่ และเราได้ลิ้มรสความเจ็บปวดจากนักการเมืองที่กระทำกับประเทศชาติและประชาชนแล้ว เรารู้สึกว่า การที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยุบสภา เขาเรียกว่า ข่มขืนจิตใจพี่น้องประชาชนให้จำยอมต้องไปเลือกพรรค และนักการเมือง ทั้งๆ ที่พวกเราไม่ค่อยพอใจ และไม่ภูมิใจในการทำงานของเขา แต่โหวตโน กลายเป็นทางเลือก และเป็นทางออกที่สามารถทำลายความอึดอัดใจ ความไม่พึ่งพอใจ หรือทำให้เรามีอิสรภาพในการใช้สิทธิ์ทางการเมืองของเราโดยไม่ตกอยู่ภายใต้การจำยอมของนักการเมืองได้เป็นอย่างดี วันที่เราจุดประเด็นเรียกร้องรณรงค์โหวตโน พรรคการเมือง นักการเมืองคงหัวเราะอยู่ในใจ เยาะเย้ย ถากถางพวกเราว่า จะไปได้สักกี่น้ำ พันธมิตรฯ สับสนแล้ว ชุมนุมเรียกร้องดินแดนอธิปไตยอยู่ดีๆ ไปๆ มาๆ ทำไมถึงโหวตโน เขายังตามไม่ทันพวกเรา กว่าจะตามทันก็สายเสียแล้ว เพราะวันนี้ กระแสโหวตโนลุกลามไปทั่วประเทศ

ผลโพลที่ อ.ปานเทพ นำมาเปิดเผย เป็นผลโพลที่ทำให้มาร์คปรี๊ดแตก ถึงขนาดออกมาประณามผลโพลของกรุงเทพโพลว่า ไม่ค่อยพอใจ เพราะว่าเธอชอบโพลของดุสิตโพล กับเอแบคโพล เพราะรู้สึกเป็นโพลที่ปลอบประโลมใจนายอภิสิทธิ์ได้ดีกว่าโพล ความจริงวันนี้คือ กรุงเทพโพล เพราะเป็นโพลที่ชี้ว่า ประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์แพ้แบบขาดลอย แถมบางเขตแพ้โหวตโน เพราะฉะนั้นประเด็นโหวตโน ยังเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงในเชิงกฎหมาย แต่เป็นความเห็นของนักกฎหมายจำนวนน้อยที่ออกมาแสดงความคิดเห็น เมื่อถูกพวกเราตอบโต้ ชี้แจงไปแล้ว

แก้วหน้าม้ายังมึนอยู่ หาลูกตอบโต้ยังไม่ถูก ปกติคุณแก้วสรรเป็นพวกเถียงไม่ตกฟากอยู่แล้ว จะบอกว่า เป็นปกติของคุณแก้วสรรก็ไม่ได้ เป็นปกตินิสัยของนักกฎหมายทุกคน ถ้าตัวเองถูก ตัวเองแม่น ตัวเองยึดหลักการที่ถูกต้อง ใครบอกว่าผมผิดเถียงจนตายเลยครับ สู้ถึงศาลฎีกา แต่เอ๊ะวันนี้ เราพูดไป 2 วันแล้ว นึกว่าแก้วสรรจะออกมาแก้ตัว หรือตอบโต้พวกเรา กลับเงียบเหมือนเป่าสาก ตัวคุณแก้วสรรยังไม่กล้าออกมาตอบโต้พวกเรา ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนเขียนบทความนี้ และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยปกติยอมคนที่ไหนนายแก้วสรร ถ้าคุณแม่น คุณถูกออกมาเถียง เอาสีข้างอีกด้านมาถูกก็ได้ เพราะด้านขวาอาจจะไหม้แล้ว เอาด้านซ้ายอีกทีก็ได้ เอาสีข้างมาถูก เถียงกับพี่น้องประชาชนและนักกฎหมายของพวกเรา

อย่างที่วิทยากรพูดไปแล้ว วันนี้ผมเปิดดูเว็บไซต์เมเนเจอร์ออนไลน์ บทความของท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีผู้โพสต์เข้าไปอ่านบทความท่านอนุรักษ์ เกือบ 4 หมื่น ประชาชนเข้ามาดูตลอดเวลา และบทความนี้จะค้างอยู่ในเมเนเจอร์ออนไลน์ จนกว่าจะมีการเลือกตั้งเสร็จ ท่านที่สงสัยและยังไม่เข้าใจ มาตรา 88 และ 89 รีบไปอ่าน ท่านจะได้เข้าใจว่า โหวตโนมีผลทางกฎหมาย หรือมีผลในทางนิตินัยแน่นอน ประเด็นนี้วิทยากรของเรา ผมแทบไม่ต้องพูด ผมเป็นนักกฎหมายต้องชิดซ้าย เพราะ อ.พิภพ อ.ปานเทพ อธิบายได้ดีกว่าผมอีกต่างหาก ไม่มีข้อสงสัยว่าทำไมเขาถึงต้องเขียนว่า ภายใต้บังคับของมาตรา 88 มาตรา 89 ยังต้องอยู่ใต้บังคับของมาตรา 88 ตีความง่ายๆ คือ แม้จะเป็นการเลือกตั้งที่มีหลายพรรค หลายคนลงสมัครเลือกตั้ง ยังต้องนำบทบัญญัติของมาตรา 88 มาใช้บังคับด้วย ไม่มีอะไรซับซ้อน

ผมเพิ่งเปิดดูที่ อ.มีชัย ฤชุพันธุ์ ท่านคำถาม บอกว่ามีเรื่องสับสนอีกแล้วครับ เกี่ยวกับมาตรา 88 และมาตรา 89 พ.ร.บ.เลือกตั้ง ตกลงเขตที่มีผู้สมัครมากกว่า 1 คน ผู้ได้รับเลือกจะต้องอยู่ใต้บังคับมาตรา 88 คือต้องได้เสียงมากกว่า ร้อยละ 20 และมีคะแนนมากกว่าผู้กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนหรือเปล่า อยากทราบเจตนาจริงๆ ของผู้ร่างกฎหมายนี้ เขาระบุไว้ที่ไหนหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นตีความกันไม่จบ นี่คนถามเข้าไปใน meechaithailand.com อ.มีชัย ตอบอย่างไร ผมว่า อ.มีชัย ตอบดี อย่าไปว่าท่านแทงกั๊ก ท่านตอบชัดเจนมาก ท่านตอบว่า กฎหมายเขียนไว้ชัดว่า มาตรา 88 ใช้เฉพาะกรณีมีคนสมัครรับเลือกตั้งคนเดียว ส่วนกรณีมีผู้สมัครมากกว่า 1 คน เป็นไปตามมาตรา 89 แกก็ตอบถูกไม่เห็นมีอะไรผิด เราไปอ่านมาตรา 89 ถ้ามีหลายคนเขาเขียนไว้ว่าอย่างไร อ.ปานเทพ อ่านให้ฟังแล้วว่า มาตรา 89 เขียนไว้ว่า ภายใต้บังคับมาตรา 88 อ.มีชัย ไม่อยากตอบต่อไปเท่านั้นเองว่า ระหว่างมาตรา 88 กับมาตรา 89 เกี่ยวข้อง สัมพันธ์กันอย่างไร ทำไมมาตรา 89 จึงต้องเขียนบทบัญญัติไว้ว่า ภายใต้บังคับมาตรา 88 ผมก็เข้าใจดีว่า ที่ อ.มีชัย ไม่อยากตอบ เพราะแก้วหน้าม้า ตายไปแล้วทำไมต้องยืมมีดมีชัยไปแทงศพซ้ำอีก ท่านไม่อยากให้คนเอาความเห็นของท่านไปอ้าง ขยายความต่อ จะกลายเป็นว่า แก้วสรร กลายเป็นศพที่ถูกมีชัยเอามีดสั้นแทงซ้ำ จะไม่ดี เพราะเป็นคนที่ท่านรู้จักเป็นอย่างดี ท่านคงไม่อยากพูด เพราะฉะนั้นตอบอย่างนี้ ใครจะเอาไปตีความเข้าข้างตัวเองก็ไม่ได้ อยากรู้ว่า สมัครหลายคนเป็นอย่างไรก็ไปอ่านมาตรา 89

เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องมาตรา 88, 89 โหวตโน มีผลทางกฎหมายแน่นอน รออย่างเดียวว่า แก้วสรรจะตะแบงว่าอย่างไร ตอนนี้ยังเงียบ ถือว่ายอมแพ้ ยอมรับแล้วเท่านั้นเอง ถ้าไม่ถูกก็ออกมาเถียงอีก จะได้รู้ว่าสมควรจะริบปริญญาคืนหรือเปล่า ใครไปจ้างเป็นอาจารย์สอนกฎหมายจะได้ไม่ต้องจ้าง

นอกจาก อ.มีชัย ผมดูในบทที่ผมพูดตอบโต้ อ.แก้วสรร ปรากฏว่ามีท่าน ศ.นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ ท่านโพสต์ข้อความแสดงความเห็นมาอีกท่านหนึ่ง วิทยากรเราพูดไปแล้ว ผมอยากจะกราบเรียนว่า ท่าน ศ.นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ ท่านเป็นอาจารย์สอนผม ตอนเรียนกฎหมายต้องเรียนวิชานิติเวชกับอาชญวิทยา พวกนิติวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ร่องรอย บาดแผลศพ นักกฎหมายต้องเรียน อ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นอาจารย์สอนวิชานี้ และท่านแต่งตำราไว้ เพราะท่านจบแพทย์และกฎหมาย จึงเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ขณะนี้ท่านอาจจะอายุ 60-70 ท่านยังโพสต์แสดงความเห็นมา ผมขออนุญาตอ่าน เป็นความคิดเห็นที่ 19 ท่าน ศ.นพ.วิฑูรย์ จบแพทย์ศาสตร์ จบด็อกเตอร์ทาง med. จากมหาวิทยาลัย Bonn ประเทศเยอรมัน

ท่านบอกว่า "ผมรู้สึกงงมากที่นักวิชาการ นักวิชาเกิน นักกฎหมายบางคน ออกมาเขียนแสดงความเห็นว่า โหวตโน เป็นคะแนนเสียเปล่า ไม่มีความหมายอะไร ถ้าไม่มีความหมายจริง แล้วกฎหมายจะกำหนดให้มีช่องนี้ไว้ทำไมในบัตรเลือกตั้ง เมื่อคราวที่พรรคไทยรักไทย ถูกพรรคการเมืองอื่นบอยด์คอร์ตไม่ลงเลือกตั้งนั้น เรารู้กันว่า ถ้าผู้สมัครคนเดียวได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็จะถือว่าผู้นั้นไม่ได้รับเลือกตั้ง กกต.ต้องจัดการเลือกใหม่ แต่ก็ไม่มีใครพูดถึงคะแนนในช่องที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลยแต่ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ได้บัญญัติถึงเรื่องคะแนนในช่องที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนไว้ในมาตรา 88 โดยมีสาระว่า ในเขตเลือกตั้งใด ถ้าในวันเลือกตั้งมีผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเท่ากับหรือน้อยกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีในเขตเลือกตั้งนั้น (เลือกตั้งแบบพวก 3 คน หนึ่งเขต) ผู้สมัครจะได้รับเลือกตั้งต่อเมื่อได้รับคะแนนเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น และมากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้ง ในกรณีที่ผู้สมัครได้รับคะแนนเลือกตั้งน้อยกว่าร้อยละยี่สิบของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น หรือไม่มากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนน ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งนั้น โดยให้รับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทนี้ใหม่ในมาตรา 89 ก็ให้ใช้เกณฑ์เดียวกับมาตรา 88 โดยบัญญัติว่า "ภายใต้บังคับมาตรา 88"ต่อมามีการยกเลิก 2 มาตราดังกล่าว โดย พ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อ 14 พฤษภาคม 2554 เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขใหม่โดยรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ข้อความที่แก้ไขใหม่ ในกรณีความสำคัญของจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนยังอยู่เหมือนเดิม

เมื่ออ่านรายละเอียดในข้อกฎหมาย 2 มาตรานี้ แปลได้ว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขตที่ได้คะแนนสูงสุดในเขตนั้น ต้องผ่านเกณฑ์ได้คะแนนเลือกตั้งเกินกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในเขตนั้น และต้องได้คะแนนมากกว่าจำนวนของบัตรเลือกที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนด้วย แม้คะแนนของผู้นั้นจะเท่ากับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนก็ตาม เพราะฉะนั้น จำนวนของบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนน จึงมีความสำคัญที่จะสกัดกั้นผู้สมัครรับเลือกตั้งมิให้ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ได้ เพราะในความเป็นจริง การกาในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน หรือโหวตโน เป็นประชามติของมหาชน ซึ่งกฎหมายก็ต้องให้ความสำคัญ

เรื่องนี้ผู้เขียนอยากจะโทษ กกต.ที่ไม่ให้ความกระจ่างแก่ประชาชนในเรื่องดังกล่าว ไม่รู้ว่าท่านมัวทำอะไรกันอยู่ จึงไม่เอาข้อกฎหมายดังกล่าวมาให้ความรู้กับประชาชนให้เข้าใจโดยทั่วกัน หรือสงสัยว่าท่านเหล่านั้น ได้อ่านกฎหมายทั่วถึงหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่ท่านเหล่านั้นมีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง อยากให้ กกต.ออกมาทำความกระจ่างในเรื่องนี้ด้วย

ต้องขอขอบคุณ คุณอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล อย่างมากที่ได้จุดประกายในเรื่องนี้ จนทำให้ผู้เขียนต้องค้นหาความจริงมาเผยแพร่ และขอยืนยันว่า ความเห็นของคุณอนุรักษ์ถูกต้องที่มาตรา 89 ต้องใช้มาตรา 88 ด้วย ไม่จำเป็นต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอีก เพราะความหมายชัดอยู่ในตัวแล้ว เพราะผู้เขียนเองก็ทำหน้าที่พิจารณาร่างกฎหมายมาแล้วเป็นจำนวนมาก ในการเป็นกรรมการกฤษฎีกามากว่า 10 ปี" ศ.นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์

ความเห็นของนักกฎหมายถ้าถูกต้องจะไปทางเดียวกัน พวกที่ตะแบงพอออกมาจะไปคนละโลก ไม่รู้ว่าเอาอคติอะไรไปบดบังตาตัวเอง

เพราะฉะนั้นความเห็นนักกฎหมายขณะนี้ตรงกันหมด พี่น้องที่จะไม่ประสงค์ลงคะแนน มั่นใจได้ว่า การไม่ประสงค์ลงคะแนน มีผลทางกฎหมาย สามารถสกัดกั้นคนชั่ว คนเลว นักการเมืองโกง หรือหยุดระบอบทักษิณได้ ตรงนี้จึงยังไม่ปรากฏมีอะไรเลยที่ ท่านมีชัย มีความเห็นขัดแย้งกับพวกเรา ท่านตอบ ภาษาชาวบ้านว่า กูไม่อยากพูดเดี๋ยวเดือดร้อน ก็เลยพูดสั้นว่า มาตรา 88 เป็นอย่างนี้ มาตรา 89 เป็นอย่างนี้ อยากรู้ว่า 88, 89 เกี่ยวข้องกันอย่างไรไปอ่านเอง

แต่เรื่องที่สำคัญ ประเด็นมาตรา 88, 89 จบไปได้ เรียกว่าไม่น่าจะมีข้อโต้แย้งใดๆ ขึ้นมาอีก แต่เรื่องที่ผมสนใจวันนี้ ผมเขียนบทความน่าจะเผยแพร่ในเมเนเจอร์ออนไลน์ไปแล้ว ผมเขียนเรื่อง "เหตุตามกฎหมายที่จะทำให้เลื่อนหรือไม่มีการเลือกตั้ง" ที่ทำให้ผมต้องเขียนบทความนี้เพราะว่า ผมชักไม่สบายใจที่วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไปเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นการหาเสียงหรือหาเรื่องกันแน่

นายกฯ อภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์บอกว่า เพื่อจะชี้แจงข้อเท็จจริงในเหตุที่ตัวเองถูกใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกร 91 ศพ อยากชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนฟัง บ้านเมืองร้อนอยากเอาน้ำไปดับ ว่าอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงดูไม่มีเหตุผลเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าเราเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เรื่องนี้พวกคุณด่ากันไปด่ากันมา อภิปรายในสภาไม่รู้กี่รอบแล้ว ฝ่ายค้าน ตั้งกระทู้ ยื่นญัตติ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พูดกันมา 2-3 รอบแล้วในสภา รัฐบาลตอบโต้ ชี้แจง เรียกว่าสาดน้ำเข้าหากัน พูดเอาดีใส่ตัวโยนความชั่วให้คนอื่น ต่างคนต่างพูดแก้ตัว ไม่มีใครรับผิดชอบต่อความเสียหายของบ้านเมือง มาหลายรอบแล้ว ทำไมหาเสียงเลือกตั้งจึงจะต้องมาพูดเรื่องนี้อีก มันเป็นการหาเรื่องมากกว่าหาเสียง ในมุมมองของผม

เอาละเมื่อคุณไปพูดแล้วผมชักเป็นห่วงว่า การเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่วันนี้ถึงโค้งสุดท้าย เหลืออีกไม่กี่วันจะมีการหย่อนบัตร คือวันที่ 3 ก.ค. แต่ยังมีคำถามอยู่ตลอดเวลาว่า คุณประพันธ์จะมีเลือกตั้งไหม ผมถือโอกาสเขียนบทความตอบในเชิงข้อกฎหมาย เหตุที่จะทำให้ไม่มีการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง มีเหตุตามกฎหมาย กฎหมายเลือกตั้งที่ประกาศใช้ในปัจจุบัน เหตุที่ทำให้ไม่มีการเลือกตั้ง หรือการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปมีเหตุอะไร เปิดไปดูกรณีที่ 1 คือเกิดจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย เหตุสุดวิสัย หรือเหตุจำเป็นอย่างอื่น ที่เกิดขึ้นก่อนวันเลือกตั้ง ทำให้การลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งไม่สามารถกระทำได้

ทำให้ กกต.สามารถประกาศงดลงคะแนนเลือกตั้งในเขตนั้นๆ ถ้าจลาจลวุ่นวายทั้งบ้านทั้งเมืองต้องงดทั่วประเทศ ผมภาวนาที่ปราศรัยหาเสียงอย่ามีตูมตามขึ้นมา ถ้าจลาจลขึ้นมาลิเกเลิกเลยเลือกตั้ง นี่เป็นผลทางกฎหมายไม่ใช่ผมแช่งนะ นี่ผมพูดตามข้อกฎหมาย ทุกคนวิตกกังวล เพราะผมฟังคุณสุเทพปราศรัย ฟังนายกฯ ชวนปราศรัย เดี๋ยวผมพูดให้ฟังว่าเขาปราศรัยอย่างไร ผมฟังแล้วเสียวแทน เพราะคำพูดของคุณสุเทพ พูดง่ายๆ ด่า ใส่ร้าย เอาความชั่ว ความผิด ความเลวทั้งหลายยกให้คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยเต็มตีน ความบกพร่องของตังเองที่บ้านเมืองจลาจลวุ่นวายเผาบ้านเผาเมือง ไม่พูดถึงเลยแม้แต่น้อย เขาพูดอย่างไรเดี๋ยวผมจะตอบท้าย

นี่ว่าด้วยเหตุข้อกฎหมายก่อนว่า ถ้าเกิดจลาจลเผาบ้านเผาเมืองขึ้นมาอีกระหว่างปราศรัยหาเสียง ลิเกเลิกเลยไม่ต้องเลือกตั้ง เหตุที่ว่านี้อยู่ที่มาตรา 78

เหตุอันที่ 2 เหตุอันเกิดจากมาตรา 78 อาจจะเกิดจลาจล อัคคีภัย เกิดเหตุสุดวิสัย อุทกภัย ทำให้เลือกตั้งแล้วแต่นับคะแนนไม่ได้ อย่างนี้ทำให้ลิเกเลิกเหมือนกัน อาจจะงด เลื่อน หรืออาจจะประกาศให้เลือกตั้งใหม่ก็ได้ หรือระหว่างเกิดเหตุจลาจล อัคคีภัย หีบบัตรเลือกตั้งปรากฏสูญหาย ไฟไหม้ หรือมีคนขโมยหีบ การเลือกตั้งต้องเลื่อน และจัดเลือกตั้งใหม่ นี่ไม่ใช่ผมชี้โพร่งให้กระรอก ไม่ได้วางแผนให้ใครที่คิดจะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนไป 5 ปี นี่ประการที่ 2

ประการที่ 3 กรณีตามมาตรา 88, 89 อาจทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เพราะว่าผู้ได้คะแนนไม่เข้าเกณฑ์ร้อยละ 20 ไม่ชนะโหวตโน มาตรา 88, 89 ทำให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป จะได้ ส.ส.เพื่อเปิดสภา ยังต้องเลื่อนออกไปเป็นอย่างนี้หลายเขตอาจต้องเลื่อนการเลือกตั้งไปสัก 5 ปีก็ได้

กรณีที่ 4 คือ การเลือกตั้งมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่า มีการกระทำที่มีผลให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้งสามารถสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครนั้นได้ ทั้งขอให้ยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง มาตรา 103 กรณีการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม นี่สามารถเลือกตั้งใหม่ได้ การเลือกตั้งอาจถูกเลื่อน จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เลือกตั้งใหม่แล้วยังไม่จบต้องเลือกไปเรื่อย

กรณีที่ 5 กรณีที่มีการคัดค้านผลการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เชื่อโดยผลการสอบสวนว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็มีอำนาจสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นได้ กรณีการเลือกตั้งไม่ชอบโดยให้ใบเหลืองใบแดง ตามมาตรา 114, 115, 116 อย่างนี้ทำให้การเลือกตั้งอาจเลื่อนออกไปและจัดเลือกตั้งใหม่ได้ นี่เหตุตามกฎหมาย

อันนี้ผมสรุปไว้ให้ 5 ประการใหญ่ แต่อีกเหตุที่ยังไม่มีคนพูดถึง และในกฎหมายไม่เขียนไว้ แต่อาจจะต้องทำให้การเลือกตั้งเลื่อน หรือหยุด คือ กรณีที่เกิดสงครามระหว่างประเทศ ถ้าเกิดสงครามระหว่างประเทศลุกลามไปทั่วประเทศ หรือการเลือกตั้งฆ่ากันนองเลือด ยิงหัวคะแนน ระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน เหตุการณ์ความไม่สงบและภาวะสงคราม อาจทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด ต้องรอให้เหตุการณ์สงบค่อยเลือกตั้ง นี่คือเหตุปัจจัยทางกฎหมาย และเหตุทางการเมืองที่อาจจะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนไป หรือไม่มีการเลือกตั้งระหว่างนี้ได้ครับ

ตอบคำถามท่านไปเลย ส่วนเหตุหนึ่งที่ผมไม่ได้ว่า เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ก็คือ แอ่นแอนแอ๊น ก็ไม่มีเลือกตั้งเหมือนกัน โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง ก็ไม่มีเลือกตั้ง อันนี้ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ไม่ต้องเขียนก็ได้ ถ้าใครอยากให้การเลือกตั้งเลื่อนโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็อ่านบทความนี้แล้วกัน ผมไม่ได้ยุแยง แต่ถามมาก็ตอบไป ตอบยาวกว่า อ.มีชัย หน่อย อ.มีชัย บอกว่า มาตรา 88 บอกว่าอย่างนี้ มาตรา 89 บอกว่าอย่างนี้ อยากรู้ไปอ่านเอง เพราะแกไม่อยากเดือดร้อน นี่ตอบคำถามว่าจะมีเลือกตั้งไหม ไม่มีเลือกตั้งเพราะเหตุใด ถ้าจะมีหรือไม่มี ให้ดูว่า ข้ามคืนนี้ไปแล้วไม่มีเหตุการณ์อะไรก็โล่งอกอาจจะมีเลือกตั้ง แต่มีเลือกตั้งแล้วยังมีเหตุตามกฎหมายอีกหลายประการ อยากรู้ไปอ่านซ้ำอีกที กรณีหีบบัตรเสีย เกิดจลาจล ไม่เกิดวันนี้พรุ่งนี้เกิด เกิดวันที่ 30 มิ.ย. หรือวันที่ 2 ก่อนเลือกตั้ง ไม่แน่ คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจเลื่อน หรืองด หรือให้มีการลงคะแนนใหม่ จัดเลือกตั้งใหม่ได้ นี่เป็นไปตามกฎหมาย

เรื่องที่ผมสนใจวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไปปราศรัยอะไรที่สี่แยกราชประสงค์ ก่อนมาเลยถือโอกาสเปิดฟังซะหน่อย เพราะช่องทีนิวส์ถ่ายทอด ถือว่าประชาสัมพันธ์ให้หน่อยเพราะเป็นพรรคพวก แต่ถ่ายทอดแล้วน่ารำคาญที่สุด เพราะเจอไอ้ตอแหลอยู่คนหนึ่งออกมาหน้าจอ ผมเลยให้พวกโทรไปบอกว่า เขาอยากฟังการปราศรัย อยากรู้ว่านายอภิสิทธิ์ นายชวน นายสุเทพ จะพูดอะไร ไม่ใช่มาฟังไอ้ตอแหลมาพูด พ่นน้ำลายอยู่หน้าจอ ที่ผูกหูกระต่ายคู่ ตัวใหญ่ๆ จิตรกร พ่นน้ำลายอยู่นั่นแหละ ไม่มีใครอยากฟังเลย ทำตัวเป็นโทรโข่งแก้ตัวแทนเขา เขาจะแก้ตัวเขาจะพูดเอง ทำเป็นแก้ตัวให้พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสื่อมวลชน แต่กลายเป็นปากกระบอกเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากมีคนโทรเข้าไปด่า แล้วยังมีคนโพสต์ข้อความไปว่า ไม่มีพรรคไหนดี ดีแต่แก้ตัว เอาดีใส่ตัวโยนชั่วให้คนอื่น โหวตโนดีกว่า

เมื่อฟังคุณสุเทพพูดผมสรุปมาให้พี่น้องฟัง นึกว่าจะปราศรัยอะไร ไม่มีเรื่องอะไรเลย ไม่ต่างอะไรเลยจากที่คุณสุเทพตอบคำอภิปรายในสภา พูดเหมือนเดิมทุกประการ บอกว่า เหตุการณ์บ้านเมืองที่วุ่นวายทุกวันนี้เพราะพวกเสื้อแดงซ่องสุมกำลังก่อความเคลื่อนไหวโดยไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง แกก็ว่าเป็นฉากๆ เสื้อแดงมาชุมนุมเรียกร้องต้องการให้นายกลับมา ต้องการให้ทักษิณกลับมา ต้องการทรัพย์สินคืน ต้องการไม่รับโทษ จะเอาข้อเรียกร้องอะไร เราอยากพูดคุยอยากเจรจาเขาก็ไม่ฟังทั้งนั้น ก็ว่าของแกไปเป็นฉาก สรุปคือ ที่วุ่นวาย เผาบ้านเผาเมือง ซ่องสุมกำลังติดอาวุธ ชายเสื้อดำ ใครยิงเอ็ม 79 เป็นกลุ่มคนของพรรคการเมืองนี้ และกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งนั้น ไม่ใช่รัฐบาล และไม่ใช่ทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยว สรุปคือ โยนความชั่วให้พวกนั้นเต็มร้อย ว่าบ้านเมืองวุ่นวายเพราะพวกนั้น ผมนั่งฟังก็เถียงอยู่ในใจ แล้วพวกลื้อรักษาความมั่นคง ลื้อทำอะไรวะ ถึงปล่อยให้สะสมกำลังขึ้นมาใหญ่โตมโหฬารถึงเพียงนี้ บรรยายเป็นฉากว่ายิงเอ็ม 79 ไปตรงนั้น โรงพยาบาลก็บุก ประชราชนที่หากินอยู่สีลมเดือรด้อน วันๆ ดูคนนี้ตายวันพรุ่งนี้คนนี้ตาย ผมติดตามสถานการณ์ไปด้วยความเศร้าใจ ผมนึกว่า ติดตามสถานการณ์ด้วยความเศร้าใจ แล้วประชาชนที่เจ็บ ตาย ที่ต้องรับชะตากรรมโดยลำพัง โดยรัฐบาลคุ้มครองดูแลอะไรเขาไม่ได้ เขาไม่ยิ่งเศร้าใจกว่าพวกแกหรอ

ทั้งหมดนี้อภิปรายชี้นิ้วด่าไปที่พวกนั้น มันก็ประจานตัวเองไปในตัว ผมในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นั่งปรึกษาหารือ วางแผน จำเป็นต้องตัดสินใจเอากำลังเข้าสลายการชุมนุม พ่อเจ้าประคุณ กว่าลื้อจะจำเป็นตัดสินใจมา 3 เดือนครับเขาชุมนุมอยู่ เผาบ้านเผาเมืองไม่รู้กี่รอบ ตั้งแต่เดือน มี.ค., เม.ย., พ.ค. ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย จลาจลวุ่นวายยึดนู้นยึดนี่ ปิดนู้นปิดนี่ไม่รู้กี่รอบกี่แห่ง ตั้งแต่ยึดไทยคม ปิดรถไฟ ตรวจค้นรถประชาชน ปล่อยให้ประชาชนเผชิญชะตากรรมมาโดยตลอด แล้ววันนี้จะมาพูดหาพระแสงด้ามยาวอะไร ว่าปัญหาเกิดเพราะคนเสื้อแดงฝ่ายเดียว ก็เกิดเพราะความอ่อนหัด อ่อนแอ ขี้ขลาด ไร้เดียงสาของพวกคุณ ไร้ประสิทธิภาพของรองนายกฯ ฝ่ายความง่อนแง้นด้วย

สุดท้ายปราศรัยไปมา บอกว่า ทั้งหมดผมตัดสินใจ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ท่านทุ่มเทแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุด เป็นนายกฯ คนแรกที่ยอมลดตัวไปเจรจากับพวกนั้น พยายามรักษา ประคับประคองบ้านเมือง ผมอยากถุยน้ำลายใส่จอทีวี คุณพยายามถึงที่สุดแล้ว นี่ดีที่สุดของแกแล้วหรอ ดีที่สุดเผาไปครึ่งประเทศ ถ้าเลวที่สุด ประเทศคงฉิบหายทั้งประเทศ ดีที่สุด ผมพยายามประคับประคองรักษาบ้านเมืองดีที่สุด นี่หรอพ่อเจ้าประคุณดีที่สุด ตายไปกี่ศพ บ้านเมืองเป็นจุน ศาลากลางถูกเผาไม่รู้กี่แห่ง ถ้าคุณทำงานดีที่สุดอย่างนี้ ผมไม่รู้ว่าถ้าคุณทำงานไม่ดีที่สุด ประเทศคงแหลกเป็นจุนไปแล้ว

สรุปคือ ออกมารับผิดแทนนายอภิสิทธิ์ นายอภิสิทธิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรับรู้สั่งดำเนินการ ผมรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เป็นคนวางแผนดำเนินการเอง ออกมารับแทน ตกลงนายกฯ มีหน้าที่อมสากกระเบืออย่างเดียวใช่ไหม ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรเลย เป็นเทวดามาจากไหน อะไรทั้งหมดไม่รู้เรื่อง ไม่รับผิดชอบ เทพเป็นคนทำอย่างเดียว บ้านเมืองมีนายกฯ ไปทำไม เวลามีปัญหาเกิดขึ้นไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย มีนอมินีรับแทน พูดเหมือนลูกนายทหารคนหนึ่งขับรถชนหมอมุก แล้วมีคนออกมารับแทนว่าผมเป็นคนชนเอง สุเทพกำลังทำตัวเป็นแบบพันเอกคนนั้น ออกมารับแทนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นอกจากนั้นยังมาเชิญชวนพี่น้องประชาชน บอกว่าพี่น้องครับ มาวันนี้มีการเลือกตั้ง คนพวกนี้ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อ ผมดูแล้วมีผู้ก่อการร้ายอยู่ประมาณ 20 คน ไปนู้นเลย กล่าวหาเขาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ในขณะที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แบบนี้เดี๋ยวโดนฟ้องฐานใส่ร้ายป้ายสี ผมดูแล้วคงล่อกันแน่ พวกนั้นเอาคืนแน่ เพราะใส่เต็มๆ ขณะนี้ดีเอสไอดำเนินคดีจับกลุ่มเชียงใหม่ 51 ได้กี่คน จับมือยิงเอ็ม 79 กี่คน ทุกคนรับสารภาพหมด คนพวกนี้เป็นพวกผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง ผมก็ว่า แล้วออกหมายจับดำเนินคดีแล้วทะลึ่งปล่อย ประกันตัวเขาทำไม แล้วเชิญชวนพี่น้องว่า อย่าให้พวกนั้นกลับมา ถ้าพวกนั้นกลับมา จตุพร ณัฐวุฒิ เป็นรัฐมนตรี เป็น ส.ส. ผมคงจะเศร้า เสียใจไม่รู้จะเอาชีวิตมุดอยู่ตรงไหนของประเทศไทย ผมว่าคุณน่าจะกลับไปไถนา หรือไปเป็นกำนันอยู่สุราษฎรธานี ดีกว่ามั้ง เขามาแน่ ถ้าพวกนี้มาทักษิณตั้งเป็นรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงแน่ ไว้คอยไล่บี้รองนายกฯ ฝ่ายความง้อนแง้น ที่เขามีบัญชีรายชื่ออยู่ในนั้นได้เพราะความไร้ประสิทธิภาพของพวกคุณ ถ้าคุณดำเนินคดีกับเขาฐานก่อการร้าย จลาจล เผาบ้านเผาเมือง ให้ศาลดำเนินคดีโดยรวดเร็ว มีคำพิพากษา จำคุก พวกนี้จะสมัครผู้แทนได้ไหม คุณควรจัดการกับเขาตามกฎหมาย ไม่ใช่วันนี้จะเลือกตั้ง มาเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยกันสกัดไม่ให้พวกนี้กลับมา มันไม่อายปากเลย ทั้งหมดนี้ตัวเองมีอำนาจ มีกฎหมายอยู่ในมือ แล้วยังโอดครวญด้วยนะ นอกจากนี้ เวลาพวกเราไปหาเสียงที่ไหน ยังมีตามรังควาญ ตกลงคุณเป็นนายกฯ เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง คุณดูแลตำรวจ ทหาร ไม่มีน้ำยาหรอ ปล่อยนักเลงอันธพาลมาเตะปากได้ ปล่อยให้กุ๊ยคุกคามได้ แล้วอย่างนี้จะดูแลพี่น้องประชาชนได้อย่างไร ขนาดตัวคุณเองยังดูแลไม่ได้ ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะพูดทำไม นึกว่าตัวเองจะได้คะแนนหรอ นักข่าวบอกว่า พูดทำสะอึกสะอื้น น้ำตาจระเข้หรือเปล่า ไม่ไหวครับ

คุณควรจัดการกวาดล้างพวกนี้ให้สิ้นซากตั้งแต่เหตุจลาจลสงบลงแล้ว ดำเนินคดีกับเขาถึงที่สุด ไม่ใช่โอดครวญแล้วขอให้พี่น้องประชาชนช่วยคุณ ตกลงคุณจะให้ประชาชนไปตายแทนคุณอีกกี่รอบ ผมถึงบอกว่า ผมฟังแล้ว บอกให้ดีเอสไอดำเนินคดีอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วคดีไปถึงไหน พวกมือยิงออกมาลอยนวลอยู่ข้างนอกคุกหมดแล้ว วันนี้ไม่รู้ว่าจะยิงอีกเมื่อไหร่ ระวังเวทีหาเสียงของคุณให้ดีแล้วกัน อาจจะโดนยิงอีกไม่รู้เมื่อไหร่

เพราะฉะนั้นทั้งหมดฟังคุณสุเทพพูดแล้ว เดี๋ยวคอยดูครับ มันไม่ใช่การหาเสียง มันหาเรื่อง เพราะว่าพวกนั้นบอกว่า คุณก็พูดอย่างนี้กับผมในสภามา 2 รอบแล้ว วันนี้ทำไมต้องพูดในเวทีนี้อีก ด่าพวกผมฝ่ายเดียว เดี๋ยวพวกนั้นเปิดเวทีปราศรัยถล่มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นฆาตกรฆ่าประชาชน เหมือนเดิม สรุปแล้ว เลือก 2 ขั้วนี้มาก็รบราฆ่าฟันกันตายไม่รู้จบ บ้านเมืองไม่สงบ เพราะมีแต่เถียงกัน โยนว่ามึงเผาบ้านเผาเมือง ไอ้นั่นก็บอกมึงเอากำลังทหารมาฆ่าประชาชน ตกลงไอ้นี่ก็เผาไอ้นั่นก็ผลาญ ไอ้นั่นก่อความวุ่นวาย ไอ้นี่วิ่งหนีไม่ทำหน้าที่ แถมทำให้ประชาชนเผชิญชะตากรรมโดยลำพัง ไม่มีใครรับผิดชอบประชาชนแม้แต่คนเดียว แต่อยากกลับมาเป็นรัฐบาลอีก กลับมาเป็นนายกฯ อีก กลับมาแล้วจะกวาดล้างเสื้อแดงไหม หรือเสื้อแดงมาเป็นรัฐบาลแล้วจะกวาดล้างประชาธิปัตย์ให้หมดพรรคไหม ล่อกันให้ตายทั้งหมดก็ดี ประเทศไทยแผ่นดินจะสูงขึ้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่พยายามมาบอกว่า เหลืองกับแดงเป็นตัวปัญหา ความจริงไม่ใช่ เป็นเรื่องพวกคุณ 2 ฝ่ายแย่งอำนาจต่างหาก ที่เป็นตัวปัญหาของชาติบ้านเมืองในขณะนี้ นักวิเคราะห์การเมืองต่างประเทศเตือนนักลงทุนที่จะมาลงทุนในไทย ว่าการเมืองไทยจะไม่สงบแม้หลังเลือกตั้งแล้ว โดยสาเหตุที่ทั้ง 2 ขั้วไม่ยอมกัน ชาติหน้าบ่ายๆ ไม่มีวันปรองดองกันได้

ส่วนท่านนายกฯ ชวน ผมเห็นใจจริงๆ ท่านออกมาพูดวันนี้ไม่สง่างามเหมือนเมื่อก่อน ท่านพูดประเด็นแรก ว่า การเมืองทุกวันนี้พัฒนามาโดยลำดับ มีดีและไม่ดี ในส่วนที่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ส่วนไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ท่านสรุปว่า การเมืองส่วนที่ไม่ดีขณะนี้ คือการเมืองใช้เงินเป็นอำนาจเข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์ พี่น้องประชาชนเราจะยอมให้ประชาชน ประเทศของเราตกอยู่ภายใต้อำนาจเงินของทรชนต่อไปอีกหรือครับ พี่ชวนพูดถูก แต่ทำไมไม่มองดูพรรคตัวเองก็มีทรชนอยู่เยอะเหมือนกัน ถ้าพูดสมัยก่อนอาจจะใช่ พรรคประชาธิปัตย์อาจจะจน แต่ตอนนี้อำนาจเงินของทรชนก็ครอบงำพรรคพี่ชวนเหมือนกัน พอกันทั้ง 2 ฝ่าย ประเด็นที่ 2 ท่านนายกฯ ชวนบอกว่า ท่านไปหาเสียงอีสานออกบัตรแนะนำตัวให้ชาวบ้านทุกคนบอกว่าพร้อมเลือกแต่ไม่อยากเก็บให้คนเห็น ลักษณะชาวบ้านกลัวๆ ไม่อยากให้รู้ว่าจะแอบเลือกเบอร์พรรคท่านนายกฯ ชวน เพราะกลัวอีกพวกรู้จะมาคุกคาม ท่านบอกว่า บ้านเมืองเวลานี้มีมาเฟีย มีนักเลง มีอิทธิพลครอบงำในชนบท แล้วยังมีพฤติกรรมคุกคาม โจมตีสถาบันเบื้องสูง ผมนึกในใจ พี่ชวนตั้งแต่ก่อนไล่ทักษิณพี่ก็พูดกับผมแบบนี้ วันนี้ใครเป็นรัฐบาล ใครเป็นนายกฯ เป็นมา 2 ปี 8 เดือน ทำไมไม่ถลกหนังหัวนักเลง มาเฟีย ลองให้ประพันธ์เป็นนายกฯ จะกระชากหนังหัวให้ดู ก็เอาเด็กวานซืนอย่างนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ แล้วมาบ่นว่าบ้านเมืองมีอันธพาล นักเลง นักเลงถึงครองเมืองเพราะมีนายกฯ ขี้ขลาดตาขาว ขบวนการล้มเจ้าถึงเหิมเกริม เสื้อแดงคุกคามประชาชน ท่านปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพอย่างนี้ ท่านต้องโทษตัวเองและรัฐบาล โทษนายกฯ ของท่าน โทษรองนายกฯ ฝ่ายความง้อนแง้นของท่านว่า ทำงานไม่ได้เรื่อง สุจริตชนถึงต้องคอยหลบ กลายเป็นนักเลงอันธพาล กุ๊ยเสื้อแดงกร่างครองเมือง ถ้าเป็นผมจะตบกะโหลกกระเด็นไปไหนไม่รู้ ปล่อยให้กร่างอยู่ได้ มีอำนาจรัฐ มีกฎหมาย มีกองทัพ มีตำรวจ มีทหาร แต่มาโอดครวญ ผมเลยเศร้าใจ ท่านจะโอดครวญเรียกร้องใคร นอกจากนั้นพูดเรื่อง 2 มาตรฐาน ผมไม่ว่าเพราะ 2 มาตรฐานเกิดมาจากยุคสมัยทักษิณ แต่ยุคสมัยท่านก็มีปัญหาแบบนี้เหมือนกัน

สุดท้ายผมฟังแล้วไม่งาม คือ ปกติท่านนายกฯ ชวน จะเป็นคนที่ต่อต้านทหารปฏิวัติรัฐประหาร ยึดอำนาจ ล้มระบอบการเมืองการเลือกตั้ง เพราะทำให้อาชีพนักการเมืองตกงาน แต่วันนี้ท่านขอบคุณทหารที่มีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้ใหญ่ ไม่คิดปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจล้มรัฐบาลง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อน ทั้งๆ ที่มีเหตุการณ์วุ่นวายในบ้านเมือง แต่มีความอดทน ดูเหมือนพี่ชวนจะมีความสุขกับการได้ชมทหารในวันนี้ว่าอยู่ในโอวาทนักการเมืองเป็นอย่างดี ไม่เป็นไร ทหารชุดนี้อาจจะมีความสุขกับรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ แต่ทหารอีกจำนวนมากเขาอาจไม่มีความสุขกับนายกฯ อภิสิทธิ์ และคุณสุเทพ เพราะเขารู้สึกว่าไม่แตกต่างอะไรจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ

เอาละครับ ทั้งหมดนี้คือ การปราศรัยในวันนี้ไม่ได้ทำให้การเมืองประเทศมีอนาคต ว่าเราจะก้าวเดินไปให้พ้นจากความขัดแย้ง 2 ขั้วการเมืองที่รุนแรงอย่างไร การเลือกตั้งจะทำให้ประเทศก้าวพ้นวิกฤตอย่างไร มีแต่จะเพิ่มความขัดแย้ง และก่อให้เกิดวิกฤตร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม เลือกตั้งแล้วผมเชื่อว่ายังไม่สงบ เพราะฉะนั้นที่พวกเราตัดสินใจโหวตโน ยืนหยัดให้มั่นคง เดินหน้าต่อไป นี่คือหนทางที่ถูกต้องที่สุด เราต้องไม่ยอมรับระบอบการเมืองทั้ง 2 ฝ่าย เพราะพิสูจน์แล้วว่าเลวพอๆ กัน ไม่มีใครดีกว่าใคร ต่างคนพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ทั้งๆ ที่เลวพอๆ กัน สิ่งที่เราเดินหน้าในวันนี้ อีกไม่กี่วันคงรู้ผล แต่ผมเชื่อว่าการทุ่มเททำงาน และการเพียรพยายามอธิบายให้พี่น้องเข้าใจปัญหาของชาติบ้านเมือง ทำไมต้องโหวตโน ผมคิดว่าเป็นหนทางที่ถูกต้องแล้ว ผมหวังว่าพี่น้องทั่วประเทศ และพลังเงียบที่ยังไม่ตัดสินใจ ควรเข้าใจว่า การตัดสินใจเช่นนี้จะหยุดยั้งการเมืองที่เลวร้ายทั้ง 2 ขั้วได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และจะปลุกดพลังประชาชนให้ตื่นขึ้นมาอย่างมีพลัง และมีอำนาจต่อรองสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศ ที่ประชาชนไม่ยอมก้มหัวให้ระบอบการเมือง ไม่ยอมให้นักการเมืองหลอกลวง ตีกินกับพวกเราอีกต่อไป วันนี้พบกันเท่านี้ ปิดท้ายด้วยเพลงอย่าหยุดยั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น