xs
xsm
sm
md
lg

“เพื่อแม้ว” เต้น “สนธิ” ยื่น กกต.ยุบพรรค อ้างมีวาระซ่อนเร้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์  (แฟ้มภาพ)
“เพื่อแม้ว” เต้นโหยง ถูก “สนธิ” ยื่น กกต.ยุบพรรค ฐานปล่อย “นช.แม้ว” ครอบงำนโยบาย อ้างเฉยนายใหญ่เสนอความคิดในฐานะคนไทยคนหนึ่งเท่านั้น พร้อมจินตนาการตามฟอร์ม กล่าวหาพันธมิตรฯ มีวาระซ้อนเร้น ลั่น ม.237 ทำให้บ้านเมืองอ่อนแอ ต้องแก้ไข ขณะเดียวกัน ซัด “แก้วสรร-หมอตุลย์” เล่นงาน “เจ๊ปู” มีเจตนาแอบแฝง ประณามคนแจกซีดี ทำป้ายโจมตีเพื่อไทย ร้อง กกต., ตำรวจ สอบต้นตอมือสั่งทำ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นหนังสือให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย เนื่องจากปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีสัญชาติมอนเตเนโกร และถูกศาลตัดสิทธิ์ทางการเมือง รวมทั้งอยู่ในฐานนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ครอบงำ ทั้งคำปราศรัย และติดป้ายหาเสียง “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี คนถูกตัดสิทธิ์ทางกฎหมายพรรคการเมืองได้ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรค ห้ามจัดตั้งและจดพรรคการเมือง และห้ามใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่สิทธิความเป็นคนไทยที่มีความคิด แต่สิทธิในความเป็นคนไทยในการที่มีความคิด เมื่อคิดแล้วประชาชนมีสิทธิ์เสนอความคิดของตัวเอง แต่เรื่องนโยบายเป็นเรื่องของพรรคและกรรมการบริหารพรรคเท่านั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน

นายพร้อมพงศ์ อ้างว่า การที่ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ก็เป็นความคิดของคนๆ หนึ่ง วันนี้เราอย่าไปตัดสิทธิ์คนที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง กฎหมายไม่ได้ห้าม วันนี้ นายสนธิ จะยื่นยุบพรรคเพื่อไทยก็ยื่นได้ แต่ทำไมไม่ยื่นยุบพรรค ทั้งประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ที่เขาไปพบกันที่บ้านพิษณุโลก หรือที่อื่นๆ หรือ นายเนวิน ชิดชอบ กอดคอกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายอภิสิทธิ์ พบกับ นายบรรหาร ศิลปอาชา หรือ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กกต.เคยวินิจฉัยไว้แล้วว่าการกระทำของนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ในลักษณะที่ไม่ขึ้นเวทีปราศรัย หรือทำตัวเป็นกรรมการบริหารพรรค ไม่มีความผิด เพราะฉะนั้นการยื่นเป็นสิทธิ์ แต่ไม่อยากให้ นายสนธิ ใช้มาตรฐานเดียว แต่ควรยื่นพรรคการเมืองอื่นด้วยจะได้รู้ว่า กกต.ชี้อย่างไร

“ฉะนั้น การยื่นครั้งนี้มีคำถามว่า มีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ เพราะกระบวนการที่ออกมาหลายอย่างในช่วงนี้ ไม่ว่าเรื่องของการแจกซีดี การปราศรัยที่ราชประสงค์ เป็นสัญญาณที่จะไม่มีการเลือกตั้งหรือไม่ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยเอง ก็ยังเชื่้อว่า จะมีการเลือกตั้ง เพราะประชาชนถึงจุดแล้ว ใครจะมาขัดขวางคงไม่ได้”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะมีการแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการยุบพรรคหรือไม่ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า มาตรา 237 เรื่องยุบพรรคการเมือง เราก็จะเสนอต่อประชาชนว่าควรจะยกเลิกหรือไม่ ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลเองบางพรรคก็เห็นด้วย เพราะทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอทำให้อำนาจนอกระบบมาแทรกแซง อะไรที่ทำให้บ้านเมืองอ่อนแอเราก็ควรแก้ไข

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายแก้วสรร อติโพธิ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงค์ และพวกได้ยื่นเรือ่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ สอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในกรณีซุกหุ้น คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า การกระทำของบุคคลดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายดังนี้ คือ

ประการที่ 1 การดำเนินการของ นายแก้วสรร กับพวก มิใช่การกระทำโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายด้วยการร้องทุกข์ กล่าวโทษ ต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ภายใต้กระบวนการตามกฎหมายโดยปกติ แต่มีเจตนาแอบแฝง มีวาระซ่อนเร้น เหมือนลักษณะแยกหน้าที่กันทำ กับ นพ.ตุลย์ ที่เดินทางไปกล่าวโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ดีเอสไอในวันเดียวกัน โดยพฤติกรรมทั้งสองคนก่อนหน้าวันยื่นเรื่องต่อ กกต.และดีเอสไอ มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้สื่อ ชี้นำกระบวนการยุติธรรม ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดกฎหมายในหลายเรื่องทั้งๆ ที่แต่ละหน่วยงานของรัฐไม่ว่าดีเอสไอ หรือ กกต.ยังมิได้รับเรื่องของบุคคลทั้งสอง เชื่อว่า ทั้งสองคนกระทำลงไปโดยมีเจรจาที่จะให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย

ประการที่ 2 ขอยืนยันว่า เรื่องที่บุคคลทั้งสองกล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดกฎหมายนั้นไม่เป็นความจริง ทั้งองค์ประกอบในข้อกฎหมายและในข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องนี้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 1862/2511 และฎีกาที่ 2394/2527 ที่ได้วินิจฉัยไว้ในทำนองเดียวกันว่า ในกรณีที่ศาลวินิจฉัยว่าควรฟังพยานฝ่ายใดและพิพากษาให้ชนะคดีแล้วนั้นยังไม่เป็นเหตุพอที่จะถือว่าฝ่ายผู้แพ้คดีมีเจตนาเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีนั้นๆ เสมอไป และคำพิพากษาในคดีแพ่งก็มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีแพ่งเท่านั้น

สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือเป็นผู้เสียหายที่ต้องปกป้องทรัพย์สินของตนที่ถูก คตส.มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์ถือเป็นคู่ความในคดีแพ่งที่เบิกวามไปโดยสุจริตเท่านั้น ประกอบกับ รธน.บัญญัตไว้ชัดแจ้งว่า บุคคลมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้ถ้อยคำใดๆ ที่เป็นปรปักษ์ต่อตนเอง ดังนัน แม้ นายแก้วสรร กับ นพ.ตุลย์ จะอ้างข้อกฎหมาย แต่อย่าชี้นำกระบวนการยุติธรรม และชี้นำสังคมให้เข้าใจผิด เพราะเรืองนึ้กระบวนการยุติธรรมของ กกต.และของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังไม่ได้เริ่มทำการสืบสวนสอบสวน ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดตามที่กล่าวหาหรือไม่

และมีข้อพิรุธและสังสัยว่า วันนี้ ภายหลังที่ นายแก้วสรร ไปยื่นเรื่องต่อ กกต.ตนและทีมกฎหมายก็ไปยื่นเรื่องที่ กกต.เช่นกัน ภายหลังที่ทั้งสองฝ่ายยื่นเสร็จประมาณ 11.00 น.ตนและทีมกฎหมายได้ไปทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์ราชการได้พบกับนายแก้วสรร กับพวกพ้อง มีนายตำรวจแต่งเครื่องแยบยศ พ.ต.อ.สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ น่าจะไปคอยดูแลนายแก้วสรร กับคณะ จึงเห็นว่า การเคลื่อนไหวของนายแก้วสรร กับพวก ครั้งนี้ น่าจะเป็นกระบวนการและมีบิ๊กการเมืองหนุนหลัง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีนายตำรวจใหญ่ แต่งเครื่องแบบคอยดูแล และร่วมรับประทานอาหารกับนายแก้วสรรและคณะอย่างสนิทสนม

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง รวมถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ตรวจสอบ พ.ต.อ.คนดังกล่าว ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวหรือไม่ เพื่อทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย เสียคะแนนนิยม และส่งผลให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ซึ่งตนจะยื่นเรื่องดังกล่าวให้ กกต.ตรวจสอบอีกทางหนึ่ง และคิดว่า กระบวนการในการยื่นตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในขณะที่มีการเลือกตั้ง สอดคล้องกับกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ที่หวังโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต และสื่อต่างๆ เหมือนเป็นการรุมกินโต๊ะอย่างไม่ละอาย ไม่เลือกวิธีการ ไม่เป็นลูกผู้ชาย ที่กระทำกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความตั้งใจดีที่จะนำความรู้มารับใช้ประชาชน และประเทศชาติ

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการจับกุมซีดีที่มีการเผยแพร่ลักษณะการโจมตีใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และสมาชิกพรรคเพื่อไทย และกล่าวหาคนเสื้อแดง ซึ่งมีการแจกทุกพื้นที่ ว่า หลังจากวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย นายหาญส์ หิมะทองคำ ได้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้แจกซีดีดังกล่าวไปแล้ว แต่กระบวนการดังกล่าวยังไม่หยุด วันนี้ประชาชนร้องเรียนมาว่าได้รับแจกจำนวนมาก ไม่ว่าซีดี หรือหนังสือพิมพ์ และล่าสุด ได้มีการจับได้ในวันที่ 20 มิ.ย.ที่วงเวียนใหญ่ โดยจับกุมได้ถึงสามคันรถตู้ ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าถูกจ้างมา ลักษณะการดำเนินการที่มีการแจก คือ ในลักษณะที่มีการเลือกตั้งสอดคล้องกับกลุ่มการเมือง และนักการเมืองบางคนที่พูดโยงเรื่องเผาบ้านเผาเมือง พูดถึงเรื่องล้มล้างสถาบัน นี่คือ สิ่งที่พรรคเห็นว่ากลุ่มการเมืองเหล่านี้มีการแจกสอดคล้องกับนักการเมือง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้ ผบ.ตร.ตรวจสอบและเอาจริงเอาจังกับคนเหล่านี้ เพราะกลุ่มเหล่านี้เมื่อถูกจับ วันที่ 18 มิ.ย.วันที่ 19 มิ.ย.ยังแจก, 20 มิ.ย.ก็ยังแจก วันที่ 21 มิ.ย.ก็ยังแจก แสดงว่า กลุ่มเหล่านี้มีบิ๊กการเมือง และผู้มีอำนาจทางการเมืองอยู่เบื้องหลังแน่นอน ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มการเมืองและนักการเมืองบางคนที่พูดผ่านสื่อตลอด

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นมีการดำเนินการในลักษณะที่ใช้วิชามารทางการเมือง เรื่องนี้เป็นการเล่นการเมืองที่อำมหิตมาก ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย และที่สำคัญ เมื่อต่อสู้ทางนโยบายไม่ได้ก็มาใช้วิธีการใส่ร้ายป้ายสีกัน ลักษณะไม่ใช่มารธรรมดาแต่เป็นวิธีของพญามาร ซึ่งควรหยุดสาดโคลน หยุดโยนความผิด หยุดคิดริษยา หยุดบ้าน้ำลาย หยุดทำลายพรรคเพื่อไทยเสียที และทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคน ว่า มีการปั๊มซีดีถึง 5 ล้านแผ่น ถ้าสำนักงานตำรวจเอาจริง ก็รู้ว่าต้นตอมาจากไหนแน่นอน ซึ่ง กกต.เองก็ควรมาดูได้แล้ว เพราะการแจกลักษณะเช่นนี้ ทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม และกลุ่มการเมือง นักการเมือง พรรคบางพรรคได้ประโยชน์จากการแจกซีดีครั้งนี้ และการแจกซีดีครั้งนี้ คือ การแบ่งแยกประชาชน ทำให้ประชาชนแตกความสามัคคี นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า

ขณะนี้ยังทราบมาว่า มีบิ๊กการเมืองคนหนึ่งที่สั่งแจกซีดีดังกล่าวไปติดต่อบริษัททำป้ายโฆษณา พร้อมกับการแจกซีดีสี่มุมเมือง ไม่ว่าไปใต้ อีสาน เหนือ โดยจะให้ติดป้ายโฆษณาก่อนวันที่ 23-24 มิ.ย.แต่หลายบริษัทที่รับทำป้ายโฆษณาไม่กล้ารับ เพราะกลัวว่าจะถูกประชาชนมาเผาป้ายบริษัท อีกทั้งกลัวในเรื่องของการเข้าข่ายทำผิดกฎหมาย เพราะสร้างความแตกแยกในบ้านเมือง โดยได้มีการติดต่อถึง 3-4 บริษัท เราจึงขอประณามบริษัทที่รับทำและคนจ้างทำอย่าเล่นใต้เข็มขัด และสร้างความแตกแยกในสังคม ซึ่งนี่หรือคือวิธีที่นักการเมืองที่อ้างตัวว่าเป็นนักประชาธิปไตยเขาทำกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น