ผ่าประเด็นร้อน
กลายเป็นว่าเวลานี้คำขู่ของพวกประชาธิปัตย์ ทั้งอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประสานเสียงกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ใช้วาทะกรรม “ไม่เลือกเรา(ปชป.)เขา(ทักษิณ)มาแน่” ไม่ได้ผลอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เหมือนกับเคยทำสำเร็จมาหลายครั้ง เมื่อต้องการทำลายหรือสกัดกั้นฝ่ายตรงข้าม เพราะเมื่อมีผลสำรวจออกมาจากหลายสำนักก็ออกมาตรงกันก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ยังตามหลังพรรคเพื่อไทยแบบห่างออกไปทุกที
ผลสำรวจ(โพล) ที่ออกมาจากหลายสำนักล้วนออกมาตรงกันว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะพรรคประชาธิปัตย์ทั้งในระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ ทำให้โอกาสที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบยิ่งริบหรี่ ในทางตรงข้ามเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่แม้ว่าในทางลึกยังไม่ชัวร์ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวหลอกกันแน่ แต่ก็ถือได้ว่าเธอมีโอกาสมากกว่าฝ่ายแรกอย่างแน่นอน และนับวันยิ่งทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
ถ้าพิจารณาจากแนวโน้มผลการเลือกตั้งที่กำลังจะออกมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็ต้องคาดเดาเอาไว้ก่อนว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังอยู่ในภาวะเสียเปรียบ และ อภิสิทธิ์ ไม่น่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง รวมไปถึง สุเทพ เทือกสุบรรณก็ไม่มีทางที่จะได้เป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” ตามไปด้วย
ดังนั้นก็ต้องหันมาพิจารณาถึงแนวโน้มของอีกฝ่ายหนึ่ง นาทีนี้ก็ต้องเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องชนะการเลือกตั้งค่อนข้างแน่ สิ่งที่ยืนยันถึงข้อสันนิษฐานดังกล่าวเป็นจริงก็คือระยะหลังฝ่ายประชาธิปัตย์ไม่ค่อยกล้ายืนยันว่าพวกเขาชนะเลือกตั้ง นั่นคือค่อยๆเงียบเสียงลงไป แต่ได้เปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่หันมาข่มขู่ชาวบ้านให้รู้สึกกลัว เช่น ปล่อยวาทะ “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” พยายามสร้างกระแสในเรื่อง ผู้ก่อการร้าย โหมโรงเรื่อง “ขบวนการล้มเจ้า” พาดพิงและตอกย้ำให้เห็นว่าเป็นพวกเดียวกับพรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร และคนเสื้อแดง
แต่กลายเป็นว่า ยังไม่ได้ผล พิสูจน์ได้จากผลสำรวจที่ทยอยออกมาสองสามครั้งที่ผ่านมาจนกระทั่งล่าสุดพรรคเพื่อไทยยิ่งนำห่างพรรคประชาธิปัตย์ออกไปเรื่อยๆ นั่นก็หมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลมีโอกาสสูงยิ่ง
เมื่อมองข้ามช็อตออกไปแล้วก็ต้องมาพิจารณากันต่อว่า พรรคเพื่อไทย ซึ่งก็ย่อมหมายถึง ทักษิณ ชินวัตร จะดำเนินการอย่างไรเป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งเวลานี้ทุกฝ่ายก็รับรู้กันแล้วว่า เขาจะต้องผลักดันให้มีการออกกฏหมายนิรโทษกรรมลบล้างความผิดให้กับตัวเองอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าจะดำเนินการในช่วงเวลาไหน ทันทีหรือจะต้องรอหวังหวะเหมาะๆเสียก่อน รวมไปถึงการหาวิธีการที่แนบเนียน อย่างเช่นการทำประชามติ แอบอ้างความปรองดองมาบิดเบือนบังหน้า
หลายคนเชื่อว่า เขาต้องดำเนินการแน่นอน เพราะนี่คือเป้าหมายที่เขารอมานานแล้ว หลังจากที่ผ่านมาใช้วิธีการสร้างความปั่นป่วนนอกสภาโดยใช้ “คนเสื้อแดง” ก่อการจลาจลถึงสองปีซ้อนจนทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตายหลายสิบคน สร้างความเสียหายกับบ้านเมืองเหลือคณานับ เพื่อกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงการเคลื่อนไหวแบบสอดประสานกัน “ภายในสภา” สร้างแรงกดดันกันทุกทางแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ในที่สุดเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างสุกงอม หลังจากกลุ่มคนไทยที่รักชาติทนไม่ไหวกับพฤติกรรมที่ไม่เอาไหนของรัฐบาลภายใต้การนำของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เต็มไปด้วยการคอรัปชั่น ไม่ต่างจากรัฐบาลของ ทักษิณ ทำเรื่องที่หมิ่นเหม่ต่อการสูญเสียอธิปไตยให้กับกัมพูชา กรณีพื้นที่ตามแนวชายแดนโดยเฉพาะพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศชาติปล่อยให้ประเทศที่มีศักยภาพด้อยกว่าเราทุกด้านกระทำการข่มเหงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
พฤติกรรมที่เกิดจากผู้นำอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพ บริหารงานไม่ต่างจากเป็น “หุ่นเชิด” เหมือนพายเรือให้โจรนั่ง จึงทำให้เกิดการต่อต้านและกดดันลงจากตำแหน่ง และนำไปสู่การยุบสภาในที่สุด ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้สำหรับ ทักษิณ ถือว่าโอกาสเปิดรอรับเอาไว้ทันที เพราะนี่คือเกมที่เขาถนัด และนำเอาเรื่องที่เขาถูกรังแกไม่เป็นธรรมจากอำนาจนอกระบบ จึงต้องถูกปลุกเร้าขึ้นมาอีกครั้ง และก็ได้ผลเช่นเคย เพราะอีกด้านหนึ่งฝ่ายรัฐบาล ที่กำกับดูแลโดยพรรคประชาธิปัตย์ “อ่อนด้วย” จนไม่ใช่เป็นคู่ต่อกร
ทีนี้เมื่อมั่นใจแล้วว่า ทักษิณ ชินวัตรจะกลับมา เนื่องจากได้ประกาศกำหนดการออกมาแน่ชัดแล้วว่าเป็นเดือนธันวาคม ก็ย่อมเป็นเครื่องยืนยันโดยเจตนาว่า “เขาเอาแน่” เพียงแต่ในเรื่องวิธีการจะดำเนินการอย่างไรเท่านั้น รวมไปถึงต้องรอดูว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาแบบไหนจะชนะแบบถล่มทลายหรือชนะฝ่ายตรงข้ามแต่เสียงไม่ทิ้งกันขาด ถ้าเป็นแบบหลังความ “อหังการ์ อาจจะต้องลดระดับอารมณ์ลงมาได้บ้าง แต่ในทางตรงข้ามถ้าผลออกมาแบบอย่างแรก เชื่อว่าความตึงเครียดก็จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนัก เพราะนี่คือ “สันดาน” ของเขาที่ไม่อาจรออะไรได้นานๆ เพราะจะต้องรีบลงมือทำทันที
ขณะเดียวกันเชื่อว่า การทำแบบนี้ของ ทักษิณ และเครือข่ายจะยิ่งทำให้เกิดแรงต่อต้านมากขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะจะถูกตั้งข้อรังเกียจว่าเป็นการเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว เป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของการเลือกตั้งไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งจะมีการตอกย้ำให้เห็นอีกครั้ง และเชื่อว่าแรงต่อต้านคราวนี้จะเกิดขึ้นอย่างมากมาย มากกว่าครั้งใดๆ ไม่ต่างจากการรุมสหบาทา เพราะคงไม่มีรับได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นหากมองข้ามช็อตไปว่าหลังจากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง แล้วทักษิณ เดินทางกลับเข้าประเทศไทยตามกำหนดที่ประกาศเอาไว้คือเดือนธันวาคม แล้วไม่ยอมติดคุกในคดีคอรัปชั่นที่ศาลได้พิพากษาจำคุกไปแล้ว แต่ทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชน มีการใช้เสียงข้างมากลากไปออกกฎหมายนิรโทษล้มล้างความผิด ก็คงต้องเจอดี และหวังว่าพวกเขาจะดำเนินการอย่างที่พูดเอาไว้จริง เพราะถ้าออกมาแบบนั้นก็เตรียมกลับออกไปอีกรอบและคราวนี้จะไร้แผ่นดินอยู่อย่างถาวรทั้งครอบครัวไม่เชื่อก็ลองดู !!