“มาร์ค” เผย ถกทีมพระวิหารนำร่างข้อยุติกำหนดจุดยืน หวังเลื่อนพิจารณา ชี้ “อัษฎา” พบนานาชาติทำเข้าใจไทยมากขึ้น คาด ถ้าปัญหาเยอะก็คงขึ้นทะเบียนร่วม แต่ต้องไม่พิจารณาแผนเขมรก่อน หยัน “ฮุนเซน” จอมสร้างเรื่อง เมินเขมรไม่แลกตัว “วีระ-ราตรี” ลั่นดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เรื่อง การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ปมปราสาทพระวิหาร ที่จะเดินทางไปประชุมกันในวันที่ 19 มิ.ย.ว่า คณะกรรมการได้นำร่างข้อมติที่มีอยู่ขณะนี้มากำหนดจุดยืนกัน โดยเป้าหมายหลักของไทย คือ การเลื่อนไม่ให้มีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ร่างข้อมติเข้าเป็นไปในทิศทางของเรา รวมทั้งให้ดูถ้อยคำต่างๆ ให้รัดกุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ทางกัมพูชาไม่ยอมลงนามในการลงร่างข้อมติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของการลงนาม เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการ 21 ประเทศ ที่จะเป็นคนลงมติ เพียงแต่ว่า การพิจารณาโดยแนวปฏิบัติ คือ กรรมการจะนำตรงนี้เป็นตุ๊กตา หรือจุดเริ่มต้น เมื่อถามว่า ร่างข้อมติที่ไทยกำลังจะส่งไป เกิดมาจากการที่ทั้งสองฝ่ายคุยกันในวันที่ยูเนสโกเป็นคนกลาง ซึ่งถ้าร่างดังกล่าวสามารถนำไปใช้ได้เลย เหตุใดกัมพูชาจึงบอกว่ายังไม่สามารถที่จะใช้ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ร่างข้อมติไม่สามารถไปผูกมัดใครได้ ยกตัวอย่างเช่น ปีที่แล้วร่างข้อมติจะพิจารณาแผนของกัมพูชา แต่ไทยไปคัดค้าน ในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จในเรื่องการไม่ให้พิจารณา แต่ปีนี้ร่างข้อมติเริ่มต้นจากการเสนอให้เลื่อน กัมพูชาก็ต้องคัดค้านแน่นอน เราก็ต้องไปพูดคุยกับกรรมการทั้ง 21 ประเทศ ให้เห็นว่า ขณะนี้มันควรจะเลื่อนเพราะอะไร แต่การที่ร่างข้อมติไปในทิศทางที่ค่อนข้างจะเป็นที่พอใจของเราก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะมันง่ายกว่าที่จะให้ช่วยกันรับร่างข้อมติแทนการที่จะต้องมานั่งเขียนกันใหม่
เมื่อถามว่า จากการที่ นายอัษฎา ชัยนาม เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เดินสายไปพบกับประเทศต่างๆ แล้ว แนวโน้มของไทยในคณะกรรมการมรดกโลกเป็นอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า เขาเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แต่การที่คณะกรรมการมรดกโลกเขามีหน้าที่ในการดูแลตัวประสาทเขาพระวิหาร ให้มีความมั่นคงปลอดภัย เขาจึงมีความกังวลอยู่ว่าจะเดินต่อไปอย่างไร เพราะฉะนั้นหากเราตอบโจทย์ตรงนี้ได้ก็ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า หากผ่านปีนี้ไปได้ ก็จะยังมีปีต่อๆ ไป เท่ากับว่า ปัญหายังไม่ได้ข้อยุติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือ ไม่ควรจะให้มีการพิจารณาแผนที่กัมพูชาเสนอ ส่วนในปีต่อๆ ไป เมื่อมีความชัดเจนมากขึ้น ว่า ปัญหาว่ามันเยอะ ก็ต้องมาตั้งหลักกันว่าจะทำอย่างไร อันนี้เป็นสิ่งที่ตนเคยได้คุยกับนายโคอิชิโร มัตสึระ อดีตประธานยูเนสโก ตอนที่มาเยือนประเทศไทย เพียงแต่ว่าขณะนี้ต้องตัดสินใจเฉพาะหน้าตรงนี้กันก่อน
เมื่อถามว่า เป็นการเสนอแนวทางขึ้นทะเบียนร่วมกันใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำนองนั้น เพราะเส้นทางระยะยาวมันควรจะต้องเป็นอย่างนั้น เมื่อถามว่า ยูเนสโกได้เสนอให้ไทยถอนทหารออกมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้เสนออย่างนั้น แต่สิ่งสำคัญ คือ ไม่ควรจะมีทหารอยู่ในส่วนของกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาควรจะถอนทหาร และถ้าเลื่อนแผนบริหารจัดการไป ก็จะต้องมาดู เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ประเทศหนึ่งเสนอแผนบริหารจัดการในขณะที่ปัญหาเส้นแบ่งเขตแดนยังไม่ได้ข้อยุติ เมื่อถามว่า แสดงว่า มีแนวโน้เป็นไปได้ในการบริหารร่วมกันกับกัมพูชา หากมีการถอนทหารออกจากพื้นที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าต้องเริ่มเป็นขั้นเป็นตอนไป โดยขั้นแรกต้องไม่พิจารณาแผนของกัมพูชาเสียก่อน
ส่วนกรณีที่ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาระบุว่า ต่อไปหากมีเจ้าหน้าที่ไทยเดินทางไปกัมพูชาจะจับในฐานะที่เป็นสายลับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น ก็คือ สิ่งที่มาบอกว่าสามารถสร้างเรื่องอะไรก็ได้ ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ทำอย่างนั้น และถ้าทำอย่างนั้นก็ต้องเป็นเรื่องกันแหละครับ เพราะไม่มีเหตุผลอะไร ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศต่างฝ่ายต่างก็ต้องเคารพกฎหมายภายในของทุกประเทศ และต้องไม่ทำอะไรที่ไปกระทบกระเทือนกัน
เมื่อถามว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังพูดอีกว่า จะไม่ยอมให้มีการแลกตัว นายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนไพบูลย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ถ้าจะยืนยันอย่างนั้นก็ยืนยันไป เพราะเราก็ต้องมีหน้าที่ในการดำเนินการตามกฎหมายกับคนที่เราจับ ทำผิดกฎหมายเราก็ต้องดำเนินคดี เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะถอนตัวออกจากสมาชิกยูเนสโก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในชั้นนี้ยังไม่มีประเด็น เนื่องจากยูเนสโกก็รับฟังทุกอย่างกับเหตุผลที่เราให้
