“มาร์ค” สั่ง ครม.ทำงานจนวินาทีสุดท้าย ก่อนจะได้ ครม.ชุดใหม่ สั่้งพาณิชย์ควบคุมราคาเนื้อหมู ขณะเดียวกัน ให้เยียวยาผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่เสียหายจากเรือน้ำตาลล่ม 3 ล้านบาท พร้อมเร่งสรุปปัญหาบ้านพัก สร้างเขื่อนใน 4 เดือน
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (14 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับ ครม.หลายเรื่อง โดยจะมีการประชุม ครม.อีก 2 ครั้งก่อนการเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้งก็จะประชุม ครม.ต่อไป
“นายกฯให้แนวทาง ว่า การบริหารราชการแผ่นดิน ต้องดำเนินไปโดยปกติ จนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ เรื่องใดที่จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุม ครม.ก็ให้นำเข้าโดยปกติไม่มีการยุติ และโครงการต่อเนื่องที่ดำเนินการอยู่แล้ว ก็ต้องดำเนินการต่อไป เช่น การขึ้นทะเบียนเกษตรกร และติดตามเร่งรัดเรื่องที่เกี่ยวกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภค”
นายปณิธาน กล่าวว่า ครม.ยังมีมติให้กระทรวงพาณิชย์ไปเร่งรัดควบคุมราคาสุกร ให้เป็นไปตามที่เสนอขึ้นมา และวันที่ 15 มิ.ย.นี้ จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษ เรื่องการแต่งตั้งองค์ประกอบเพิ่มเติม ในคณะกรรมการมรดกโลกของประเทศไทย โดยเรียกกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าประชุม
นายปณิธาน กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน และเกษตรกรที่ประสบภัยเรือบรรทุกน้ำตาลล่ม ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้รายงานว่า จ.อยุธยา ได้เยียวยาเกษตรกรที่เลี้ยงปลาในกระชัง 1,222 ตร.ม.ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองจ่าย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เป็นเงิน 2.9 แสนบาทเศษ โดยมีผู้เสียหายทั้งหมด 30 ราย 119 กระชัง โดยมูลค่าความเสียหายโดยรวม อยู่ที่ 6 ล้านบาทเศษ โดยการเยียวยาจากรัฐบาล ตามกฎสามารถทำได้ร้อยละ 60 จึงเท่ากับว่า จะเยียวยา 3 ล้านบาทเศษ ขณะที่ในส่วนของ จ.ปทุมธานี ที่ได้รับความเสียหาย ก็กำลังนำเสนอขึ้นมา
ในส่วนความเสียหายด้านที่อยู่อาศัย มีการช่วยเหลือเบื้องต้น จากมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ เงินบริจาคของกาชาดจังหวัด และเงินช่วยเหลือของกระทรวงการคลัง โดยมีการประเมินราคาค่าก่อสร้าง และเร่งรัดให้สรุปความเสียหายเข้ามาให้เร็วที่สุด ส่วนตลิ่งพังนั้น ครม.รับทราบว่า กรมเจ้าท่าจะดำเนินการสร้างเขื่อน เพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะ และจะแล้วเสร็จใน 4 เดือน ค่าก่อสร้างราวห้าล้านบาท นอกจากนั้น ครม.ยังทราบเรื่องร้องเรียนของประชาชน ที่ขาดรายได้จากการจับปลา และตกกุ้งแม่น้ำ โดย ครม.สั่งให้กรมประมง ปล่อยพันธุ์ปลาและกุ้ง 50 ล้านตัว เพื่อเยียวยาในสัปดาห์นี้
ส่วนการปรับปรุงสัญญาณการจราจรทางน้ำนั้น กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะรับไปดำเนินการ
นายปณิธาน แถลงอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศ เสนอขอให้ ครม.อนุมัติรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ภายใต้กลไก UPR ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก่อนที่จะส่งต่อให้องค์การสหประชาชาติรับทราบ ภายในวันที่ 4 ก.ค.โดยรายงานฉบับนี้ จะมีความยาว 20 หน้า ครอบคลุมทุกด้าน ที่มาจากการร่วมมือของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานภาคประชาชน ที่มีการประชาพิจารณ์หลายเวที
ทั้งนี้ จะมีเนื้อหาสมดุล สะท้อนความจริงและความสำเร็จ รวมทั้งความก้าวหน้าของประเทศไทยในปี 2553 โดยรายงานฉบับนี้ จะสะท้อนความจริงใจ และการแก้ไขปัญหา รวมทั้งข้อจำกัดของรัฐบาล
“ความก้าวหน้าจะเน้นหลายส่วน เช่นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่จะมีการเลือกตั้งว่า สิทธิหน้าที่ของประชาชนพัฒนาขึ้น การอำนวยความยุติธรรม การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ การศึกษา กลุ่มเฉพาะด้านต่างๆ เด็กและสตรี ชาติพันธุ์คนชายขอบ การหลบหนีภัยจากการสู้รบของชนกลุ่มน้อย รัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้ไปอย่างมาก รายงานฉบับนี้ น่าจะได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และมอบให้หน่วยงานต่างๆ ของไทย รับไปดำเนินการปรับปรุง ด้านสิทธิมนุษยชนของไทยที่จะเข้าสู่ระบบสากล”