ผบ.ทบ.เลือดขึ้นหน้าผู้สมัคร ส.ส.พท.ใช้คนหมู่มากขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ฉก.ปส.315 แถมใช้ปืนข่มขู่ ถือเป็นการไม่ให้เกียรติกองทัพ ขู่อยากลองดี อาจจำเป็นต้องยกกำลังลงพื้นที่ปราม เตือนพวกนักการเมืองอย่าดึงกองทัพไปจุ้นเกมแย่งชิงอำนาจ ลั่นหากทำผิด กม.อีก อย่ามาพูดกันเสียเวลา ย้อนถามหากไม่รักกฎเกณฑ์บ้านเมือง จะเลือกตั้งไปทำไม
วันนี้ (9 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่นายไพโรจน์ อิสรเสรีพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย แจ้งความทหารชุดปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติด 315 (ปส. 315) ว่า ได้รับคำยืนยันจากหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ ว่า มีบุคคลบางประเภทพยายามกดดันเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ทำงานในพื้นที่ ซึ่งยอมไม่ได้อยู่แล้ว และเขาใช้คนหมู่มากมาข่มขู่
“ท่านเป็นใครมาจากไหน แล้วท่านมาขมขู่เจ้าหน้าที่ได้อย่างไร ซึ่งผมไม่ยอม หากให้ทหารไป 2 คน แล้วมีปัญหา ก็จะเอาทหารไป 50 คน ดูซิว่าจะมาล้อมทหารอีกหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อีก 50 ก็เป็น 100 ก็ต้องใช้วิธีการนั้น ถ้าทหารเข้าไปน้อย แล้วเข้าไปไม่ได้ ก็เอาทหารเข้าไปให้มาก ให้เขาจัดตั้งเจ้าหน้าที่มากขึ้น และอาจจะมี ส.ห.ที่มีอำนาจหน้าที่กฎหมายทางทหารลงไปด้วย ท่านมาปิดล้อมทหารไม่ได้ มาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ไม่ได้ ผมสอบสวนในชั้นต้นเป็นเช่นนี้ ก็ถือว่าท่านมากดดันทหารให้ออกจากพื้นที่ ไม่ให้เขาทำงาน ผมถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมให้เกียรติท่านมาโดยตลอด ช่วงเวลาที่ผ่านมา จะเห็นว่า ผมสงบปากสงบคำไปเยอะ พยายามสร้างบรรยากาศที่ดีในการเลือกตั้ง เพื่อให้ทุกคนมีความสุขในการเลือกตั้ง อยากจะโฆษณาอะไรก็ว่ากันไป แต่ถ้าท่านมาพาดพิงทหาร และมารังแกทหาร ผมรับไม่ได้” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม เราจะไม่หยุดในการทำหน้าที่ของ ปส.315 เพราะเป็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด ไม่เข้าใจว่าขัดขวางเพราะอะไร เพราะงานการเมืองหรือเปล่า เราไม่เคยไปยุ่งกับการเมืองของท่าน การไม่ให้ทหารทำหน้าที่ ก็ไม่ทราบว่า ท่านไปมีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับขบวนการหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ตนถือว่าน่าจะมีส่วนร่วมหรือไม่ ก็ต้องมีการสอบสวนว่า มี พยาน หลักฐาน หรือไม่ เพราะฉะนั้น อย่าเข้ามาหาเรื่องตรงนี้ เพราะจะทำให้มองว่าท่านมีประโยชน์เกื้อกูลกันหรือไม่กับการทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ จะหาเสียงหรือเลือกตั้ง อย่านำทหารไปเกี่ยวข้อง ซึ่งเคยบอกแล้วว่า ใครให้เกียรติเรา เราก็ให้เกียรติท่านเสมอ ขอยืนยันว่า กองทัพบกไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตนไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตนยังเป็นตนเองอยู่อย่างนี้ หน้าที่คือรักษาประเทศชาติ ราชบัลลังก์ ถือเป็นหน้าที่ของทหารทุกคน เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ผบ.ทบ.กล่าวว่า การที่มีสื่อบางสื่อไปเขียนพาดหัวข่าวว่า ตนปลื้มอะไรต่อมิอะไร อยากถามว่าตนพูดอย่างนั้นหรือเปล่า ขอถามสื่อ ตอนให้สัมภาษณ์ว่าได้พูดหรือไม่ แล้วใครไปเขียนข่าวว่าตนปลื้ม ไม่ใช่เลย ตนบอกว่าให้เกียรติกับทุกคนเสมอ และเช่นเดียวกัน ทุกคนก็ต้องให้เกียรติตน และอย่านำกองทัพบกไปให้เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง กองทัพบกจะยืนอยู่ในจุดที่เราทำตนให้เป็นเจ้าหน้าที่ เป็นประชาชนที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตย ตนพยายามอย่างเต็มที่ ขอร้องกับทุกท่านว่าอย่าพาดพิงทหาร และอย่าเอาทหารไปเกี่ยวข้องในเรื่องที่ควรจะเป็นเรื่อง
“ในเรื่องของชุด ปส.315 ถ้าเป็นท่าน ท่านก็คงไม่พอใจ ซึ่งความไม่พอใจ คือความไม่พอใจในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ผมถึงบอกให้เจ้าหน้าที่เป็นหลักในการรักษากฎ กติกาในบ้านเมือง หากเลือกตั้งกันวันนี้แล้วไม่เคารพกฎหมายเลย แล้วจะเลือกตั้งไปทำไม ไม่เกิดประโยชน์ ท่านเลือกตั้งไปแล้ว และท่านจะมาใช้วิธีการนอกกฎหมาย ใช้การกดดันบีบบังคับ แล้วบ้านเมืองจะอยู่กันอย่างไร ที่ผ่านมาผมก็รักษาบรรยากาศหาเสียงให้ท่านอยู่แล้ว ขอความกรุณาว่าอย่าพาดพิงกัน มันเสียหาย และการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ให้เขาทำหน้าที่ ถ้าท่านไม่ให้กลไกเขาทำหน้าที่ แล้วจะเลือกตั้งไปทำอะไร ถ้าเลือกตั้งไปแล้ว รักษาไม่ได้ จะเลือกตั้งไปทำไม” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะเป็นชนวนบาดหมางระหว่าง ผบ.ทบ.กับพรรคเพื่อไทย หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้บาดหมางกับพรรคไหนทั้งนั้น แต่บาดหมางกับคนทำผิดกฎหมาย ดังนั้น อย่าทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าพรรคการเมืองไหนทั้งนั้น ถ้าทำผิดกฎหมายก็ไม่ต้องมาพูดกัน พูดกันก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะการพูดกับคนที่ผิดกฎหมาย มันไร้ค่า ท่านจะทำอะไรผิดกฎหมายไม่ได้ จะมาต่อสู้กับกฎหมายบ้านเมืองไม่ได้ การกระทำผิดกฎหมายไม่มีข้อยกเว้น วันหน้าท่านก็ต้องถูกดำเนินคดี ท่านก็มาเรียกร้องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ขอถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดใครเป็นคนเริ่มต้น ใครทำให้เกิดปัญหามาถึงวันนี้ ก็แยกแยะกันว่าใครทำถูก ใครทำผิด ถ้าทุกคนมาเหมากันว่า ไม่ผิดทั้งหมด มันคงไม่ได้ อีกหน่อยก็ต้องยกพวกกันให้หมดทั้งบ้าน ทั้งเมือง ที่อยู่ในคุกทั้งหมด มันไม่ได้ วันนี้ขอพูดแรงๆ อีกวัน และอย่ากลับมาอีกก็แล้วกัน อย่ามาเล่นงาน 315 อย่ามาพาดพิงทหาร หรือมาว่า โฆษก ทบ.น้ำล้างอะไรนั่นผมไม่รู้ ไม่เอา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องเอามาใส่ร้ายซึ่งกันและกัน ท่านจะพูดหรือว่าอะไรก็ตาม อย่าลืมว่าลูกหลานของท่านดูทีวีอยู่ เขาก็นึกว่าสิ่งที่พวกผู้ใหญ่พูดทุกวันถูกแล้ว สิ่งที่ท่านทำทุกวันถูก บ้านเมืองก็เสียหาย แล้วท่านจะได้อะไรขึ้นมาวันข้างหน้า ยืนยันว่า ทหารไม่เคยเปลี่ยนแปลง เรายังเป็นทหารของประชาชนเหมือนเดิม มีหน้าที่ในการพิทักษ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนต้องเคารพกฎหมาย ผมไม่อำนวย เอื้อประโยชน์ใครทั้งสิ้น ไม่ปลื้มใครเป็นพิเศษ พร้อมคุยกับทุกคน ทุกพรรค ในการทำอย่างไรให้ประเทศชาติ สงบสุข ในญานะที่ผมเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่อำนาจเก่า อำนาจใหญ่ สีเขียว สีเหลือง ผมเป็นทหารของกองทัพ ของชาติ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ได้ติดตามการจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงในภาคอีสาน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนให้ไปตรวจสอบมานานแล้ว 200 กว่าหมู่บ้าน ได้เริ่มมาตั้งแต่เล็กๆ น้อยๆ ไปตรวจสอบตั้งแต่เริ่มหมู่บ้านแรกๆ แล้ว โดยให้กองทัพภาคที่ 2 เข้าไปตรวจสอบ เป็นการแสดงสัญลักษณ์ในเชิงการเมืองเสียส่วนใหญ่ แสดงเป็นบทบาทว่าเป็นกลุ่มพรรคการเมือง ซึ่งอยากให้ประชาชนไปทบทวนดูว่าถูกหรือผิด ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ทำผิดกฎหมาย แต่เรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อบ้านเมือง ถูกหรือไม่ การจะตั้งหมู่บ้านสีนั้น สีนี้ ประเทศไทย มีคนไทย และก็มีสีเดียว คือสีของ ธงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ท่านไปแยกมาเป็นสี มันถึงแย่กันจนถึงทุกวันนี้ จะต้องไม่มีสี จะต้องไม่มีสี ไม่หลากสี ไม่อะไรทั้งสิ้น ตนคิดว่าต้องมีสีเดียว คือ สีของความสามัคคี และสีของความจงรักภักดี
