โฆษก ทบ.แจ้งความเอาผิดผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย ขัดขวางการปฏิบัติงานชุด ปส.315 แฉ! พูดจาข่มขู่ โชว์อาวุธปืนท้าทายอำนาจรัฐ ปัดวิจารณ์เชื่อมโยงกลุ่มข่มขู่หัวคะแนน ปชป. เชื่อ นปช.ฝึกอาวุธที่กาญจนบุรีจริง สั่ง จนท.ตรวจสอบข้อมูลทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.54 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึง กรณีที่ทางกองทัพแจ้งความดำเนินคดีต่อนายไพโจน์ อิสรเสรีพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขต 9 พรรคเพื่อไทย ข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพ ติด315 ว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา มีการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ชุด 315 หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ซึ่งมี จ.ส.อ.สิจินต์ อินทรพิทักษ์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ปส.315 และส.อ.สรัม นามวัน ร่วมกับชุดของตำรวจ คือ ด.ต.สิริยนต์ ขันทมะ และ ด.ต.เสกสรรค์ กิ่งสิวงษ์ ออกปฏิบัติหน้าที่ที่หมู่บ้าน ทรัพย์เจริญ ม.2 ถ.เรียบวารี ต.โคกแฝก หนองจอก โดยหลังจากที่เข้าไปในหมู่บ้านเสร็จแล้วชุดปฏิบัติการได้กระจายไปตามหมู่บ้านและนำเอกสารหรือแบบฟอร์มการสำรวจข้อมูลยาเสพติดไปแจกจ่ายช่วยเหลือนำผู้ติดยาเสพติดมาบำบัด
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ในช่วงที่เจ้าหน้าที่กำลังพูดคุยอยู่มีผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย คือ นายไพโรจน์นั่งรถซ้อนท้ายมอเตอร์ไซ์เข้ามา พร้อมพูดจาไม่สุภาพว่า “มึงเข้ามาทำไม ถ้ามึงเข้ามาทำงานเรื่องยาเสพติด ทำไมมึงไม่มานานแล้ว มึงเป็นหัวคะแนนของพรรค...หรือเปล่า” หลังจากนั้นก็มีลูกน้อง 2-3 คนตามมาพร้อมกับเปิดเอวให้เห็นว่ามีการพกพาอาวุธปืนและพูดต่อว่า “ถ้ากูเป่านกหวีดปิ๊ดเดียว พวกมึงไม่ได้ออกจากที่นี่” นี่คือลักษณะอาการการพูดจาของผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารเห็นว่าบรรยากาศไม่ดี ขณะเดียวกันเอกสารที่ทำข้อมูลไว้ก็ถูกนายไพโรจน์ดึงไปดูแล้วคืนกลับมา ซึ่งถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติและขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
พ.อ.สรรเสริญกล่าวด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ จ.ส.อ.สุจินต์ได้ทำเรื่องนำเรียนผู้บังคับบัญชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 1 ก็ได้รับอนุญาตว่าให้สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ จนมีการแจ้งความไปเมื่อวานนี้ ก็ฝากเรียนทุกฝ่ายการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่เข้าไปในชุดเครื่องแบบ ในงานหน้าที่ขอความกรุณาให้เกียรติเขาอย่าพูดจาด้วยคำพูดที่ดูหมิ่นดูแคลน และอย่าไปขัดขวางการดำเนินงานของเขาถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่ากรณีนี้จะเชื่อมโยงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมาระบุว่ามีการตั้งขบวนการเพื่อคุกคามและข่มขู่หัวคะแนนพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ไม่อยากจะไปวิจารณ์ แต่อาจจะเป็นความกร่างของท่านต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการปฏิบัติงานในหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ในเอกสารที่นายไพโรจน์ดึงไปดูก็เห็นว่าไม่มีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งสิ้น สำหรับการเพิ่งแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดต่อนายไพโรจน์นั้น ต้องทำตามขั้นตอนและรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นลำดับชั้น ไปจนถึง พล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองแม่ทัพภาคที่ 1 ทำการแทน ผอ.รมน.ภาค 1 ได้อนุมัติว่าสามารถดำเนินการแจ้งความได้ โดยได้แจ้งความในข้อหา “ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่” อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทมบ.ได้รับทราบข้อมูลแล้ว และท่านเรียนให้ชี้แจงให้สังคม ประชาชนได้รับทราบถึงความบริสุทธิ์ใจของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ
เมื่อถามว่านายสุเทพออกมาระบุมีการฝึกกองกำลังของ นปช.ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีนั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบ ถ้าหากเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นเรื่องของการเมือง เพราะ นปช.ขณะนี้ทำผิดกฎหมายก็ต้องว่ากันไป แต่ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายรวมตัวกันทำกิจกรรมก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนนายสุเทพ เป็นถึงรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง การที่ออกมาระบุเช่นนี้ข้อมูลน่าจะเชื่อถือได้ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในพื้นที่ไม่ว่าเป็นทหาร ตำรวจ ถ้ามีข้อมูลก็ต้องตรวจสอบในพื้นที่ก่อนว่ามีการทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม นปช. แต่ทำทุกกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหว เมื่อนายสุเทพให้ข้อมูลมาเช่นนี้หน่วยในพื้นที่ก็ต้องไปตรวจสอบ ซึ่งหากว่าต่อไปมีการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในเช่นนี้อีกก็ต้องถูกดำเนินคดีทุกกลุ่มทุกฝ่าย
