xs
xsm
sm
md
lg

พธม.จี้ กกต.แจงมติให้ชัด ขวางปลดป้ายโหวตโน ขู่เจอฟ้องแพ่ง-อาญา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โฆษกพันธมิตรฯ จี้ กกต.แจงให้ชัดมติปลดป้ายโหวตโน ดักคอห้ามแตะป้ายทั้ง 2 แบบก่อนมีความชัดเจน เจอฟ้องแพ่ง-อาญาแน่ เผยหากรัฐบีบมากอาจจำเป็นต้องเดินสายรณรงค์มากขึ้น ด้าน “แซมดิน” นำทีมบุก กกต.จี้ถามมติ กกต.สั่งปลดป้าย เตรียมร้องศาลขอความเป็นธรรมพรุ่งนี้ พร้อมฟ้องผู้เกี่ยวข้องถึงที่สุด สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้การเมืองไทย ขณะที่ “ประพันธ์” จวก กกต.จงใจเลือกปฏิบัติ เดินขบวนดาวกระจายพรุ่งนี้


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (9 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติ 4 ต่อ 1 เสียงให้พรรคเพื่อฟ้าดินปลดป้ายรณรงค์โหวตโนชุดอย่าปล่อยสัตว์เข้าสภาว่า จากข่าวที่ปรากฏว่า กกต.มีการวินิจฉัยประกาศ กกต.ที่ว่าด้วยระเบียบและข้อความปฏิบัติในการติดตั้งป้ายหาเสียง ข้อ 9 ซึ่งระบุว่า หากป้ายหาเสียงไม่ถูกต้องตามที่กำหนดต้องแจ้งให้พรรคการเมืองดำเนินการแก้ไขตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งบัดนี้ก็ยังไม่มีหนังสือหรือความชัดเจนของ กกต.มายังพรรคเพื่อฟ้าดิน จึงทำให้ไม่ทราบว่ากระทำผิดด้วยเหตุผลใด หรือต้องทำการแก้ไขภายในกี่วัน ดังนั้น เจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่อำนาจที่จะมาปลดป้ายในตอนนี้

นายปานเทพกล่าวอีกว่า แม้ภายหลังจะมีหนังสืออย่างเป็นทางการมาแล้ว ในเบื้องต้นพรรคเพื่อฟ้าดินก็ได้เตรียมการยื่นค้านต่อทั้งศาลแพ่ง และศาลปกครองอย่างแน่นนอน อีกทั้งการวินิจฉัยก็กล่าวถึงเพียงป้ายรณรงค์ชุดแรกที่ระบุข้อความอย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา ดังนั้นจึงไม่ครอบคลุมป้ายรณรงค์ชุดที่ 2 ซึ่งมี 4 แบบ และไม่ได้มีข้อความอย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา แต่ได้ระบุตราสัญลักษณ์และหมายเลขพรรคเพื่อฟ้าดินแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐจะฉวยโอกาสมาปลดป้ายทั้งหมดไม่ได้

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่าป้ายรณรงค์ทั้งหมดไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของพันธมิตรฯ แต่เป็นป้ายหาเสียงที่จัดทำขึ้นในนามพรรคเพื่อฟ้าดิน ที่ได้ส่งผู้สมัครลงทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่ออย่างถูกต้อง หากจะมาอ้างว่ามีการให้ร้ายบุคคลหรือนักการเมือง ก็ต้องชี้แจงว่าป้ายทั้งหมดมีเพียงรูปภาพของสัตว์ ไม่มีภาพของมนุษย์คนไหน ดังนั้น นักการเมืองไม่สามารถมาสมอ้างว่าเป็นตัวเองได้ โดยแนวทางการณรงค์หาเสียงของพรรคเพื่อฟ้าดิน ที่มีนโยบายในการให้เลือกคนดีเข้าไปทำหน้าที่ ส.ส.เพียงปฏิรูปการเมือง หากไม่มีผู้เหมาะสมก็เชิญชวนให้ร่วมลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือโหวตโน กับภาคประชาชน ส่วนที่ กทม.อ้างว่าป้ายดังกล่าวไม่ใช่ป้ายหาเสียงนั้น ก็ขอถามว่า เมื่อครั้งที่กลุ่มคนเสื้อแดงติดป้ายเรียกร้องให้ยุบสภาในคณะที่มีการชุมนุมนั้น ไม่เห็น กทม.ออกมาทำหน้าที่เหมือนเช่นตอนนี้เลย จึงเห็นว่า กทม.พยายามเลือกปฏิบัติ

“เมื่อการรณรงค์ของพรรคเพื่อฟ้าดินถูกกลั่นแกล้งรังแกต่างๆ นานา พันธมิตรฯ ในฐานะภาคประชาชนที่เป็นแนวร่วม จึงไม่มีทางเลือกและจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีในการเดินรณรงค์โหวตโนให้มากยิ่งขึ้น โดยรัฐธรรมนูญก็ได้กำหนดให้ประชาชนสามารถลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์เลือกใครได้ เท่าเทียมกับช่องหมายเลขของพรรคการเมืองต่างๆ ด้วย” นายปานเทพกล่าว

นายปานเทพยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีนำคลิปวิดีโอไปเผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการให้ร้ายต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ด้วยว่าว่า เป็นเพียงขบวนการที่พยายามดิสเครดิตลดความน่าเชื่อถือของภาคประชาชน โดยกล่าวหาว่าแกนนำพันธมิตรฯ ไปทำอะไรที่มิชอบ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่าเป็นเพียงคลิปบทสนทนาของบุคคลที่กล่าวถึงนายสนธิเท่านั้น โดยที่นายสนธิไม่ได้อยู่ในคลิปวิดีโอด้วย เป็นเทคนิคการนำเสนอและการตั้งชื่อคลิปให้ดูน่าสนใจทั้งนั้น ไม่ได้มีข้อเท็จจริงแต่ประการใด

“ขณะนี้ได้มีคน 2 กลุ่มที่พยายามต่อต้านกระแสโหวตโน กลุ่มหนึ่งเป็นพรรคการเมืองที่หวังชิงคะแนนโหวตโนให้ตัวเอง โดยคิดเพียงสั้นๆ ที่ต้องการคะแนนเสียงให้มากที่สุด แต่สุดท้ายก็ต้องไปพ่ายแพ้เสียงในสภาอยู่ดี ขณะที่อีกฝ่ายเป็นพรรคการเมืองที่มั่นใจว่าชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงเกินครึ่งอย่างแน่นอน จึงพยายามลดทอนคะแนนโหวตโน เพราะเกรงว่าหากมีมากจะกลายเป็นอำนาจต่อรองนอกสภาของประชาชน ทำให้พรรคการเมืองดังกล่าวทำอะไรได้ไม่ถนัด ดังนั้น การโหวตโนจึงไม่ได้เป็นเพียงการตัดคะแนนของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่มีผลกระทบต่อทั้ง 2 ขั้วการเมือง” นายปานเทพกล่าว

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ให้สัมภาษณ์  

ด้าน ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ เลขาธิการพรรคเพื่อฟ้าดิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเอกสารจาก กกต.ในกรณีที่ให้ทางพรคปลดป้ายหาเสียง เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางพรรคโดยตนจะเดินทางไปยังสำนักงาน กกต. ถ.แจ้งวัฒนะ ในวันนี้ (9 มิ.ย.) เพื่อสอบถามต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.เพื่อขอความชัดเจนด้วยตนเอง เพราะข่าวที่ปรากฏตามสื่อนั้นส่งผลให้สังคมมองว่า พรรคกระทำความผิด แต่ไม่ได้บอกว่าทำความผิดอย่างไร อย่างไรก็ตามจะมีการดำเนินการขออำนาจศาลในวันพรุ่งนี่ (10 มิ.ย.) เพื่อให้ศาลวินิจฉัยว่าทางพรรคได้ทำผิดจริงหรือไม่ หลังจากที่ได้รับทราบความชัดเจนจากก กกต.แล้ว รวมทั้งการเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติกรรมจงใจกลั่นแกล้งทั้งทางแพ่งและทางอาญาด้วย โดยจะต่อสู้ถึงที่สุดเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้กับการเมืองไทย

ร.ต.แซมดินกล่าวอีกว่า การที่พรรคตัดสินใจเข้าร่วมแนวทางโหวตโนกับภาคประชาชนนั้น มีสาเหตุ 3 ประการ คือ 1.การเข้าสู่อำนาจของนักการเมืองในปัจจุบันไม่ได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย มีการซื้อสิทธิขายเสียงอย่างมโหฬาร โดยที่ กกต.หรือประชาชนก็ทราบดี แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งจับกุมการทุจริตได้เลย 2.เมื่อนักการเมืองเข้าสู่อำนาจแล้ว ก็มีการใช้อำนาจโดยไม่สนใจประชาชน โดยเฉพาะเรื่องเขตแดนที่ข้อแนะนำจากประชาชนถึงหนทางการแก้ไขปัญหา แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง จนทำให้ประเทศต้องถูกรุกล้ำอธิปไตย และ 3.ระบบการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจของรนักการเมืองไม่สามารถ ทำได้ย่างมีประสิทธิภาพ จนส่งผลให้คนผิดไม่ได้รับการลงโทษ ดังนั้น พรรคเพื่อฟ้าดินจึงเห็นว่าการปฏิรูปการเมืองเป็นหนทางในการแก้ไขปัญหาของประเทศทั้งระบบโดยเสียงของคนไทยทั้งประเทศ

ขณะที่ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเสริมว่า ตามข่าวที่ปรากฏนั้น พบว่า มติของ กกต.ไม่ได้มีรายละเอียดที่ชัดเจน ซึ่งตนเห็นว่าการรณรงค์โดยภาคประชาชนนั้นสามารถทำได้ตามกฎหมาย ที่สามารถแสดงออกทางการเมืองได้ โดยการติดตั้งป้ายในพื้นที่ของตัวเอง กกต.ก็ไม่มีอำนาจสั่งให้ปลด ถือเป็นสิทธิของประชาชน ขณะที่ในฐานะพรรคการเมืองของพรรคเพื่อฟ้าดินก็ได้ทำตามกฎระเบียบที่ กกต.กำหนดแล้วทั้งเรื่องจำนวนหรือขนาด ดังนั้นจึงต้องให้ กกต.ออกมาชี้แจงว่าผิดอย่างไร

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า การที่ กกต.อ้างถึง พ.ร.บ.การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ในการกล่าวโทษพรรคเพื่อฟ้าดินนั้นถือเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน เพราะหากพิจารณาในลักษณะนี้ป้ายหาเสียงของพรรคการเมืองอื่นๆก็เข้าข่ายมีความผิดเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับการอ้าง มาตรา 59-60 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.นั้น ก็ต้องถือว่าพรรคเพื่อฟ้าดินมีสิทธิในการติดตั้งป้ายรณรงค์หาเสียงของตัวเอง เพราะได้สมัครเลือกตั้งอย่างถูกต้อง ดังนั้นจึงเห็นว่า กกต.จงใจเลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม หากมีคำวินิจฉัยว่ามีความผิด ก็ยังไม่สามารถปลดป้ายได้ เพราะระเบียบกำหนดให้แจ้งถึงข้อผิดพลาดและเปิดโอกาสให้แก้ไขตามระยะเวลาที่กำหนดเสียก่อน

ทั้งนี้ ในส่วนของกิจกรรมดาวกระจายที่จะมีภาคประชาชนไปรณรงค์โหวตโนที่จะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ (10 มิ.ย.) นั้น นายปานเทพยืนยันว่าจะยังคงดำเนินกิจกรรมตามที่กำหนดไว้ โดยได้เตรียมป้ายรณรงค์โหวตโนทั้ง 2 แบบร่วมในการเดินขบวนรณรงค์ด้วย ซึ่งกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่ 11.00 น.ที่บริเวณลานพระบรมรูป ร.6 สวนลุมพินี ก่อนที่จะปล่อยขบวนรถขยายเสียง ขบวนแจกแผ่นพับใบปลิวและสติกเกอร์ไปตามถนนสีลม ต่อเนื่องไปสุดที่ถนนเจริญกรุง และสิ้นสุดกิจกรรมในเวลาประมาณ 12.00 น.



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ให้สัมภาษณ์  


กำลังโหลดความคิดเห็น