xs
xsm
sm
md
lg

“องอาจ” วิตก พท.ตั้งธงกวาด 270 ที่นั่ง สัญญาณป่วนหลังเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
ปธ.ส.ส.กทม.ปชป.วิตก ยุทธศาสตร์ไข่แม้วหาเสียง ตั้งธงกวาด 270 เก้าอี้ จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว แถมตีรวน กกต.จัดเลือกตั้งมีพิรุธ ล้วนเป็นสัญญาณป่วนหลังเลือกตั้ง เย้ย “แม้ว” อย่ามั่วเกาะขบวนการปรองดอง หวังพาตัวเองพ้นผิด ด้านโฆษกฯ เผย ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ ปชป.ชิงลาออกหลังลูกชายต้องคดียาเสพติด อัด “ปูแดง” ขายฝันชูนโยบายขึ้นเบี้ยยังชีพคนแก่

วันนี้ (5 มิ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ และประธาน ส.ส.ภาค กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวแสดงความเป็นห่วงถึงท่าทีการใช้ยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความกังวลเป็นอย่างมาก ถึงยุทธศาสตร์เคลื่อนไหวเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ที่อาจจะนำไปสู่ความวุ่นวายภายหลังการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. เนื่องจาก พรรคเพื่อไทยได้พยายามพูดมาตลอด ว่า พรรคจะได้ ส.ส.เกินครึ่ง หรือ 270 เสียง และจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยเสียงข้างมากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นอกจากนี้ ยังให้สมาชิกพรรคพยายามพูดถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการกล่าวหาต่างๆ อาทิ การพิมพ์บัตรเเลือกตั้งเกิน เพื่อนำไปใช้ในการทุจริตเลือกตั้ง การพิมพ์บัตรเลือกตั้งเคลือบมันทำให้กาเบอร์ 1 ไม่ได้ หรือแม้กระทั่งการปล่อยข่าวบิดเบือนเชื่อมโยง ว่า ประธาน กกต.นัดพบกับประธานองคมนตรี ด้วยสาเหตุต่างๆ หรือล่าสุด ที่กดดัน กกต.ว่ามีการทุจริตเลือกตั้ง และกล่าวหาว่า รัฐบาลใช้อำนาจรัฐสั่งการให้ทหารลงคะแนนให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ หรือการปล่อยข่าวว่า กอ.รมน.ให้สั่งการให้หน่วยทหารช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์ในการหาเสียง

นายองอาจ กล่าวต่อว่า ทั้งหมดเป็นการเปิดเกม เพื่อให้สอดรับการตัวเลข 270 เสียง โดยยัดเยียดข้อกล่าวหาบิดเบือน และชี้นำสังคมเพื่อนำไปสู่ข้ออ้างหลังการเลือกตั้งได้เสียง ส.ส.ไม่ถึง 270 เสียง ก็จะปั่นกระแสว่ามีการโกงการเลือกตั้ง ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองอีกครั้ง ทั้งนี้ ตนขอถามพรรคเพื่อไทยว่า ดำเนินยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปเพื่ออะไร ทั้งที่เรื่องต่างๆที่ยกมาไม่เป็นความจริง ซึ่งทาง กกต.ตลอดจนหน่วยงานที่ถูกพาดพิงต่างก็มายืนยันแล้วชี้แจงแล้วว่า ทั้งหมดไม่เป็นความจริง แต่ก็ยังมีการปล่อยข่าวต่อสังคมเพิ่มอีกว่า ทหารช่วยพรรคประชาธิปัตย์ มีการพิมพ์บัตรเกินเพื่อโกงการเลือกตั้ง ซึ่งสอดรับกับแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ออกมาขู่ว่า ถ้าพรรคพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและจะเกิดความวุ่นวายขึ้น ดังนั้นจึงขอให้พรรคเพื่อไทยยุติการกล่าวอ้างที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงว่า จะมีการทุจริตการเลือกตั้ง เพื่อหวังผลให้เกิดความวุ่นวาย เพราะสิ่งเหล่านี้ก่อเข้าใจผิดและอาจเกิดความวุ่นวายตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้

นายองอาจ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังห่วงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศ ว่า แป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาของตัวเอง ต้องแก้ไขด้วยกระบวนการทางการเมือง ไม่ใช่ระบบยุติธรรม ทั้งที่ข้อเท็จจริงความผิดได้เกิดจากการกระทำ โดยต้องแยกแยะ อย่าเอาเรื่องการกระทำความผิดกฏหมายต่างๆในกระบวนการยุติธรรมมาโยงกับงานการเมือง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับทำทุกอย่างผ่านเครือข่ายกลไกที่มีทั้งในสภาและนอกสภา กดดัน ทั้งที่เรื่องของคดีความต้องผ่านการพิจารณาตามกระบวนการตามกฎหมาย และระบบยุติธรรม แต่หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างความปรององเพื่อไม่ให้ต้องรับโทษก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะถือเป็นการใช้การเมืองมาลบล้างความผิดทางอาญาของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ชอบธรรม

ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จาการติดตามดูการหาเสียงตั้ง ตั้งแต่เริ่มยุบสภามาถึงปัจจุบัน สิ่งที่ปรากฏชัดเจนคือ ทางเลือกของพรรคเพื่อไทยที่เกี่ยวพันกับกลุ่มเสื้อแดง โดยแกนนำกลุ่มได้ลงเลือกตั้งในบัญชีระดับต้นๆ รวมถึงการเคลื่อนไหวนอกสภาลักษณะขัดขวางการเลือกตั้ง และข่มขู่ ทำให้เห็นได้ชัดว่าทางเลือกของพรรคเพื่อไทยในการที่จะให้ประชาชนได้รัฐบาลที่มาจากการจัดตั้งที่จะมีกลุ่มเสื้อแดงเป็นรัฐมนตรีด้วย และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย ก็ไม่อาจจะปฏิเสธบทบาทของกลุ่มเสื้อแดงได้ด้วยเช่นกัน จึงถือเป็นแนวทางที่ต้องเลือกระหว่างเบอร์ 1 กับ เบอร์ 10 และการขับเคลื่อนกระบวนการปรองดองต้องหมายถึงบ้านเมืองสงบสุขด้วย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามพูดโยงความผิดของตัวเองจากคดีอาญาให้เข้าสู่แผนการปรองดองทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ถือเป็นการช่วงชิงความหวังของคนที่ต้องการความสงบสุข

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า ต้องการกลับเมืองไทยในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน และกล่าวพาดพิงและทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการไทย ซึ่งพรรควิตกว่ากลุ่มเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเดินหน้าของประเทศ และการปรองดองจะไม่สำเร็จ นอกจากนี้ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ ว่า ไม่รู้จักกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งขัดกับวิดีโอลิงก์ที่พูดคุยกับแกนนำกลุ่มเสื้อแดง แสดงให้เห็นชัดว่า มีความพยายามเคลื่อนไหวทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้กลับมา ดังนั้น คนไทยต้องช่วยกันปฏิเสธแนวทางที่จะสร้างความขัดแย้งวุ่นวายจากการสร้างความผิดของคนๆ เดียว

นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดที่มีบิดา คือ นายประจักษ์ชัย ณ สงขลา เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 94 ว่า พรรครู้สึกเสียใจมาก และตระหนักดีถึงนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของพรรค โดยจะไม่คำนึงในเรื่องของบุคคลว่ามีความสัมพันธ์กับใคร ดังนั้นในวันนี้นายประจักษ์ชัยได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไปแล้ว ซึ่งถือว่าไม่มีผลอะไรต่อการเลือกตั้งระดับบัญชีรายชื่อ

ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย มีการเพิ่มนโยบายเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้มากกว่ารัฐบาลปัจจุบัน นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ไม่เคยปรากฏในนโยบายของพรรคเพื่อไทยมาก่อน แต่พอประชาชนเริ่มให้ความสนใจต่อนโยบายของรัฐบาล และมีการยกเลิกนโยบายของพรรคเพื่อไทย จึงขอถามกลับไปว่า ถ้าให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุจริง ทำไมช่วง 2 รัฐบาล ยุคพรรคเพื่อไทย ทั้ง นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถึงไม่เคยขึ้นเบี้ยยังชีพ ที่ริเริ่มในสมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย เลยแม้แต่บาทเดียว มีเพียงสมัยของรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น