xs
xsm
sm
md
lg

กกต.รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19-23 พ.ค.นี้ ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง (แฟ้มภาพ)
เลขาฯ กกต.เผย ที่ประชุมตั้งคณะทำงาน 11 ชุด เตรียมเลือกตั้งปาร์ตี้ลิสต์ เข้มรปภ.วันรับสมัคร 19-23 พ.ค.นัดสื่อสัมมนาพุธนี้ อ้างหน่วยเลือกตั้งเพิ่ม ค่าแรงขึ้น ทำเพิ่มงบจัดเป็น 3 พันล้าน สั่ง รปภ.การพิมพ์บัตร 24 ชม.ยันพวกก๊อบลด เตือนพวกหาเสียงผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กวันเลือกตั้ง เสี่ยงโดนเหลือง-แดง เชื่อเซิร์ฟเวอร์ผู้มีสิทธิ์ไม่ล่ม

วันนี้ (9 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต แถลงภายหลังการประชุม กกต.ว่า วันนี้ (9 พ.ค.) ที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 11 ชุด เพื่อเตรียมการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ และกำชับถึงมาตรการในการดำเนินการต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในวันเปิดรับสมัคร รวมถึงต้องระมัดระวังทั้งเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ต้องเข้มงวดมากขึ้น โดยจะมีการตรวจเข้มพื้นที่ก่อนวันรับสมัคร พร้อมทั้งจะมีการกำหนดจุดเข้า-ออกอาคารที่รับสมัคร และการเตรียมสถานที่ให้พร้อมทั้งการเปิดรับสมัครและผู้สนับสนุนของพรรคต่างๆ ซึ่งจะมีการแยกสัดส่วนให้ชัดเจน ซึ่งวันเปิดรับสมัครจะเตรียมขอกำลังรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื่นที่ นอกจากนี้ จะมีการตรวจวัตถุระเบิดโดยรอบบริเวณที่สมัครทั้งด้านนอกและด้านใน

นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ส่วนสถานที่วันเปิดรับสมัครเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะใช้สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดง เป็นสถานที่รับสมัคร โดยจากเดิมได้เตรียมการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไว้วันที่ 12-16 พ.ค.แต่น่าจะเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 19-23 พ.ค.เนื่องจากต้องรอกฎหมายเลือกตั้งทั้ง 3 ฉบับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเห็นชอบแล้ว ต้องมีขั้นตอนก่อนที่จะนำไป ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ รวมถึงยังต้องรอความชัดเจนในเรื่องการประกาศ พ.ร.ฎ.ยุบสภาและกำหนดให้มีการเลือกตั้งก่อน คาดว่า วันเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อในวันแรกขั้นตอนทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 พ.ค.เวลา 13.00 น.กกต.จะเชิญสื่อมวลชนทุกแขนงมาสัมมนา เพื่อทำความเข้าใจถึงแผนการทำงาน และขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวการเลือกตั้ง

นายสุทธิพล กล่าวชี้แจงงบประมาณที่ กกต.ใช้งบประมาณมากกว่าปี 2550 ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุ ว่า เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพิ่มมากขึ้น จากเดิมประมาณ 44 ล้านคน เพิ่มเป็น 48 ล้านคน ทำให้หน่วยเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 94,000 หน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นมา 5,500 หน่วย ส่วนเขตเลือกตั้งจากเดิม 157 หน่วย เพิ่มเป็น 375 หน่วย รวมถึงค่าตอบแทนของกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยที่ต้องเพิ่มขึ้นจาก 250 บาทต่อวัน เป็น 300 บาทต่อวัน นอกจากนี้ ยังต้องมีการใช้ในส่วนด้านกิจการสืบสวนสอบสวน ที่คาดว่า จะมีความรุนแรงและการทุจริต ซื้อเสียงมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการป้องปรามและเพิ่มชุดหาข่าว ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ยังมีต้องเพิ่มหน่วยงานที่สนับสนุน กกต.เป็น 17 หน่วยงาน ที่แต่ละหน่วยก็จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น

เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ส่วนการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้ และทุกครั้งที่มีการจัดเลือกตั้งมักจะมีการระบุว่า มีการโกงการเลือกตั้ง เปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้ง พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินนั้น ทั้งที่ข้ออ้างดังกล่าวเป็นเพียงประเด็นทางการเมืองเท่านั้น โดยสำนักงานกกต.ได้คาดการณ์ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งมักจะถูกหยิบขึ้นมาดิสเครดิตผู้จัดการเลือกตั้ง ดังนั้นหลังจากมีการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.แล้ว ทางสำนักงาน กกต.ได้เสนอกกต.ให้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งและการเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง ซึ่งมีเลขาธิการกกต.เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเทคนิคการจัดพิมพ์บัตร มีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย และผู้เชี่ยวชาญจากโรงพิมพ์ของรัฐ โดยคณะกรรมการจะทำให้การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งมีมาตรฐานที่เป็นมาตรฐานเดียวเพื่อป้องกันการปลอมแปลง ส่วนการรักษาบัตรเลือกตั้งจะมีตำรวจและเจ้าหน้าที่ กกต.ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

นายสุทธิพล กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้การจัดพิมพ์บัตรของโรงพิมพ์ออกมาจะยังไม่สมบูรณ์เพราะจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อมีการประทับตราบัตรเลือกตั้งเพื่อนำไปใช้ในการเลือกตั้ง อีกทั้งโรงพิมพ์ที่พิมพ์บัตรเลือกตั้งในครั้งก่อนที่มีปัญหาฮั้วโรงพิมพ์เอกชนนั้น ทำให้เลือกตั้งครั้งนี้จึงให้โรงพิมพ์ของรัฐจัดพิมพ์แทน ยืนยันว่า การปลอมแปลงบัตรเลือกตั้งครั้งนี้จะลดลง เพราะกฎหมายเดิมการลงคะแนนเลือกล่วงหน้าผู้มาใช้สิทธิล่วงหน้าไม่ต้องมาลงทะเบียน ทำให้การกำหนดบัตรเลือกตั้งแบบส.ส.สัดส่วนต้องมีจำนวนมาก แต่กฎหมายใหม่ครั้งนี้จะไม่มีบัตรเลือกตั้งแบบสัดส่วนแล้วโดยจะใช้บัตรแบบบัญชีรายชื่อแทนที่เหมือนกันทั้งประเทศไม่มีกลุ่มจังหวัดแล้ว รวมทั้งการจะใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ว่าเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งหรือเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตก็จะมีการลงทะเบียนทำให้ทราบยอดที่ชัดเจน ดังนั้นยอดบัตรที่จะขออนุมัติ กกต.ในการจัดพิมพ์บัตรจะมีจำนวนเท่าเดิมระหว่างบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อโดยกำหนดไว้แบบละ 53.5 ล้านฉบับ ในการพิมพ์แต่ละครั้งจะต้องมียอดเกินจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 7% ที่ต้องเผื่อไว้กับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

เมื่อถามเกี่ยวกับเรื่องการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองในช่วงที่มีการเลือกตั้ง สามารถทำได้หรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่า ตามมาตรา 53(5) ถ้าหากการหาเสียงโดยไปขัดต่อกติกาที่กฎหมายวางไว้ แม้ว่าจะสามารถทำได้ ก็ถือว่ายังคงมีความผิดทางกฎหมาย ถ้าเป็นกรณีผิดกฎหมายเลือกตั้ง ถ้าพบแล้วว่ามีการกระทำผิดจริง ก็อาจจะทำให้นำไปสู่การให้ใบเหลือง-ใบแดง หรือขณะเดียวกัน การกระทำความผิดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่นกฎหมายห้ามไม่ให้หาเสียงในวันเลือกตั้ง ผู้ที่ติดต่ออาจจะไม่ได้เป็นนักการเมืองหรือพรรคการเมือง แต่จะเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็ติดต่อกันทางช่องทางนี้ แล้วหากเป็นการสนับสนุนผู้สมัครหรือพรรคการเมือง แต่บังเอิญไปกระทำการในช่วงเวลาที่ทำไปในเวลาที่กฎหมายต้องห้ามนั้น ตรงนี้ก็จะกลายเป็นความผิด รวมทั้งการไปสำรวจความคิดเห็นแล้วนำไปเผยแพร่ในช่วงเวลาที่กฎหมายห้าม การสำรวจสามารถทำได้ แต่การจะไปเผยแพร่ในช่วงที่กฎหมายห้ามนั้นตรงนี้ก็เป็นความผิดเหมือนกัน ตรงนี้ต้องศึกษากฎหมายด้วย

นายสุทธิพล กล่าวถึงกรณีที่ระบบเซิร์ฟเวอร์ทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย มีปัญหา ซึ่งอาจส่งผลถึงการจัดการเลือกตั้งเพราะไม่สามารถจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และทำหนังสือแจ้งเจ้าบ้านได้ ว่า ที่ประชุมกกต. ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวนี้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ระบบบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะต้องมีการจัดทำไว้ก่อนที่จะมีการจัดเลือกตั้ง ซึ่งหากเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นจริงทางกรมการปกครอง คงไม่ได้ใช้เซิร์ฟเวอร์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น จะต้องมีเซิร์ฟเวอร์สำรองไว้เพื่อรองรับ อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจความเป็นมืออาชีพของกรมการปกครองเพราะมีประสบการณ์ในการดำเนินงาน เชื่อว่า ไม่มีผลต่อการเลือกตั้งอย่างแน่นอน

ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ได้รับทราบว่าพระราชกฤษฎีกายุบสภาและเลือกตั้งแล้ว เป็นในวันที่ 3 ก.ค. แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากต.จะเปิดรับสมัครส.ส.ทั้งระบบบัญชีราชื่อและเขตในวันใด เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการรอให้กฎหมาย 3 ฉบับ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของศาลรัฐธรรมนูญ ประกาศในราชกิจานุเบกษาก่อน ซึ่งคาดว่า คงจะใช้เวลาประมาณ อีก 1 สัปดาห์ กกต.จึงจะสามารถ พิจารณาเรื่องวันเปิดรับสมัครเลือกตั้งได้ แต่เนื่องจากกกต.ต้องออกระเบียบตามกฎหมายลูกที่จะต้องประกาศใช้อย่างเป็นทางการก่อน แต่ก็ยอมรับว่าการที่ช่วงนี้มีวันหยุดมาก ทำให้การประกาศกฎหมายลูกในราชกิจจานุเบกษาล่าช้า แต่เชื่อว่าระยะเวลาที่เหลือจนถึงวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งจะไม่กระทบต่อกระบวนการ หรือทำให้ระยะเวลาในการดำเนินการเลือกตั้งมีปัญหา
กำลังโหลดความคิดเห็น