xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” แถลงยุบสภา-สอดไส้โอ่ผลงาน 2 ปีนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงยุบสภา
“อภิสิทธิ์” แถลงยุบสภา จัดเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 อ้างเต็มใจยุบให้ ปชช.มีโอกาสเลือกคนมาแก้ปัญหา ฉวยโอกาสแถลงผลงาน 2 ปีส่งท้าย โอ่แก้ว่างงาน ประกันราคาพืชผล เรียนฟรี เบี้ยยังชีพ แถมสร้างความปรองดอง ยึดหลักนิติรัฐ พร้อมวางแผนแก้ปัญหาระยะยาว โวอยากให้ประเทศเดินหน้า ให้การแก้ปัญหาประเทศไม่เริ่มจากศูนย์

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" แถลงยุบสภา  

เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 9 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงทางโทรทัศน์ ถึงการยุบสภา ดังนี้ "พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทั้งหลาย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้นำพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ทูลเกล้าฯ บัดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลจะได้นำเอาพระราชกฤษฎีกานี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในวันพรุ่งนี้ คือวันที่ 10 พฤษภาคม เป็นผลให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงใช้พระราชอำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญ ทำให้การปกครองของประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้

พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ การยุบสภาผู้แทนราษฎรนั้น หมายถึงการสิ้นสุดลงของวาระของสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล แต่สำหรับผม ผมเชื่อว่าการยุบสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ด้วย เป็นการเริ่มต้นสำหรับพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง และเป็นการเริ่มต้นการเดินหน้าประเทศไทยในการที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ของพี่น้องประชาชน และครอบครัว อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ภายใต้กระบวนการของประชาธิปไตย ผมจึงประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง และด้วยความหวังว่า พี่น้องประชาชนจะได้ใช้โอกาสที่สำคัญนี้ในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ยังคงค้างอยู่

การสิ้นสุดของสภาผู้แทนราษฎร หรือวาระของรัฐบาล จากการยุบสภาฯ ในครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่างานของรัฐสภา หรืองานของรัฐบาลจะสิ้นสุดลง ตรงกันข้าม ผมตระหนักดีว่าในปัจจุบันนี้ยังคงมีปัญหามากมายที่พี่น้องและครอบครัวยังต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

พี่น้องประชาชนและครอบครัวจำนวนมากยังต้องเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพ ข้าวของแพง มีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย และรอคอยที่จะให้มีการเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้

พี่น้องประชาชนและครอบครัวจำนวนมากในชนบทยังรอคอยที่จะเห็นการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ โครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อที่จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ลูกหลานคนไทยอีกจำนวนมากยังคงต้องการโอกาสทางการศึกษาที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ของคุณภาพ ทั้งในแง่ของโอกาสในการที่จะเรียนต่อไปจนถึงระดับปริญญา หรือระดับของอุดมศึกษา

พี่น้องประชาชนและอีกหลายต่อหลายครอบครัวยังคงวิตกกังวลทุกข์ใจกับปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่กัดกร่อนความมั่นคง ไม่ใช่เฉพาะสำหรับประเทศเท่านั้น แต่หมายถึงชีวิตของคนในครอบครัว ชีวิตของคนในชุมชน ชีวิตของคนในสังคม และยังคงมีปัญหาอื่นๆ ครับที่เป็นงานที่ยังต้องทำต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือแม้กระทั่งปัญหาที่เกิดขึ้นในบริเวณชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ ซึ่งการเดินหน้าแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นโอกาสดีของพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าเราจะเดินหน้าประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้อย่างไร

พี่น้องประชาชนที่เคารพรักครับ แม้ว่าผมจะได้กล่าวถึงงานจำนวนมากที่เราจำเป็นจะต้องทำต่อไป แต่เราคงไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ครับ เพราะว่างานหลายอย่างได้มีการเริ่มต้นมาแล้ว ท่ามกลางภาวะความยากลำบากที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตซ้อนวิกฤตมาเป็นระยะเวลากว่า 5-6 ปี

พี่น้องประชาชนผมจำได้ครับว่า ปัญหาทางการเมืองของเราเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2548-2549 ซึ่งมีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่น ต่อมาในปี 2549 ก็เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยต้องสะดุดลง ต่อมาก็มีเรื่องของคดียุบพรรค การเพิกถอนสิทธิ์นักการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบการเมืองอย่างมาก

และต่อมาก็มีรัฐบาลซึ่งไม่สามารถทำงานได้ภายใต้ความขัดแย้งของพี่น้องประชาชนในสังคม แม้กระทั่งในช่วงรัฐบาลของผมก็มีการชุมนุม การประท้วง การก่อเหตุจลาจล จนนำมาสู่ในเรื่องของความสูญเสีย ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และแน่นอนที่สุดคือ ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน

แต่ผมพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำครับว่า ท่ามกลางภาวะความยากลำบากเหล่านี้ ปัญหาที่เป็นปัญหาพื้นฐานของพี่น้องประชาชนนั้นก็ได้มีการเดินหน้าในการแก้ไขให้มีการเริ่มต้นนโยบายหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งทำให้เราสามารถที่จะใช้เป็นประโยชน์ในการเดินหน้าทำงานต่อไป

ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งนั้น เศรษฐกิจไทยของเรากำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเศรษฐกิจโลก อัตราการขยายตัวติดลบ คนกลัวกันว่าจะมีคนว่างงานพุ่งสูงขึ้นไปถึง 1-2 ล้านคน สุดท้ายการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้การว่างงานไปแตะที่ 7 แสนคน เพียงระยะเวลาสั้นๆ ลดลงมาอย่างรวดเร็วถึง 3 แสนคน ฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวเป็นบวก การส่งออก การท่องเที่ยวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้แต่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็สูงสุดในรอบเป็น 10 ปี

ถามว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นเป็นที่พอใจหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่พอใจเพราะตราบเท่าที่ยังมีพี่น้องประชาชน และครอบครัว ตั้งแต่แม่ฮ่องสอนลงไปนราธิวาส จากกาญจนบุรีไปอุบลราชธานียังคงมีปัญหาที่รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เราพอใจไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเราก็พูดได้ว่า การแก้ไขปัญหาปูทางไปสู่การสร้างเศรษฐกิจที่ดีเป็นงานที่เราได้เริ่มต้นแล้ว

ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง พี่น้องประชาชนและหลายครอบครัวมีภาระมากครับ ทั้งในเรื่องการศึกษาของลูกหลาน ทั้งในเรื่องของการดูแลผู้สูงอายุ คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย รัฐบาลได้มาเริ่มต้นนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ลดภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษาต่างๆ เพื่อนำโครงการเบี้ยยังชีพถ้วนหน้ามาให้พี่น้องประชาชนที่มีอายุเกิน 60 ปี แบ่งเบาภาระให้กับพี่น้องประชาชนไปได้ ถามว่าเพียงพอหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่พอ เพราะผมเชื่อมั่นว่า ครอบครัวของพี่น้องนั้นก็ต้องการที่จะมีหลักประกันความมั่นคง และการสร้างโอกาสให้กับลูกหลานมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่งานที่ทำสิ่งเหล่านี้นั้น เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เราได้เริ่มต้นแล้ว

ก่อนที่ผมจะเข้ามารับหน้าที่ เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เผชิญกับภาวะความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนในเรื่องของราคาของพืชผล รัฐบาลนี้ได้เข้ามาเริ่มต้นโครงการประกันรายได้ เป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรแบบครอบคลุม ทั่วถึง เงินสดไปถึงมือ เพื่อเป็นหลักประกันในเรื่องของรายได้เป็นครั้งแรก ทำให้พี่น้องเกษตรกรทำการเกษตรแล้วไม่ขาดทุน

พร้อมๆ กันไปก็ได้อนุมัติโครงการประกันภัยพืชผล ที่จะมีการใช้ต่อไปปลายปีนี้ ถามว่าเพียงพอหรือยังในการที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้เป็นที่พึงพอใจ ก็ต้องตอบว่ายัง แต่ขณะเดียวกันก็พูดได้เช่นเดียวกันว่า งานที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรได้เริ่มต้นอย่างแท้จริง

พี่น้องครับ นอกเหนือจากเรื่องของเศรษฐกิจ และปากท้องแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งซึ่งยังหนักหน่วงอยู่ แน่นอนที่สุด ถามว่าวันนี้มีความปรองดองสมานฉันท์หรือยัง ก็ต้องตอบว่ายัง แต่ขณะเดียวกัน 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ยืนยันความเป็นนิติรัฐของประเทศ ให้เห็นว่าประเทศไทยนั้นปกครองด้วยกฎหมาย และสามารถทำให้ภาวะต่างๆ กลับเข้ามาสู่ความเป็นปกติระดับหนึ่งที่จะคืนอำนาจให้แก่พี่น้องประชาชนได้ ดังนั้นงานที่จะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ก็ได้เริ่มต้นแล้วเช่นเดียวกัน

ยังคงมีปัญหาอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชั่น หรือปัญหาทางสังคมอื่นๆ ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป แต่ในทุกเรื่องเหล่านี้ผมก็ยืนยันได้ว่า งานได้เริ่มต้นแล้ว ในการป้องกันปราบปราม ในการที่จะแก้ปัญหาแบบครบวงจร ซึ่งสามารถที่จะเป็นฐานในการที่จะทำงานแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ต่อไป

วันนี้ผมจึงบอกได้ว่า แม้เรามีงานที่ต้องทำอีกมาก แต่เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ และวันนี้การตัดสินใจของพี่น้องประชาชนจึงเป็นการตัดสินใจว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะเดินหน้าประเทศไทย แก้ไขปัญหานั้นคืออะไร

พี่น้องที่เคารพครับ การตัดสินใจในวันนี้ ในเรื่องของการเดินหน้าประเทศ จึงเป็นการตัดสินใจว่าเราจะให้ประเทศของเรานั้นเดินไปในทิศทางไหน จะเดินไปข้างหน้า หรือจะเดินถอยหลัง หรือจะเดินวนจมปลักอยู่กับปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งทำให้ปัญหาอีกหลายอย่างของพี่น้องประชาชนที่เป็นปัญหาที่แท้จริง ไม่ได้รับการแก้ไข

จากวันนี้ไป นักการเมือง พรรคการเมืองทั้งหลาย ก็คงจะได้รณรงค์หาเสียง นำเสนอวิสัยทัศน์ ความคิด นโยบายในการแก้ไขปัญหาต่างๆ วันนี้คงไม่ใช่โอกาสที่ผมจะมาพูดจาปราศรัยทางการเมืองครับ แต่ขอเปิดใจว่า ในฐานะที่ได้ทำงานมา 2 ปีกว่าๆ นั้น อยากจะเห็นประเทศของเรานั้นเดินหน้าไปอย่างไร ผมหวังว่าไม่ว่าพี่น้องประชาชนที่ดูอยู่ในขณะนี้ จะนิยมชมชอบพรรคการเมืองใด ใส่เสื้อสีอะไร หรือแม้กระทั่งไม่สนใจในทางการเมือง เราน่าจะเห็นตรงกันในบางเรื่อง

ในเชิงนโยบายผมว่าเราน่าจะเห็นตรงกันว่า ความจำเป็นในการที่เราจะต้องช่วยพี่น้องคนยากคนจน คนมีรายได้น้อย ให้มีรายได้ที่เพียงพอ ต่อสู้กับปัญหาของแพง ค่าครองชีพ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ต้องยกระดับรายได้ เพิ่มค่าแรง เพื่อให้พี่น้องคนยากคนจนของเรานั้นมีรายได้ที่เพียงพอ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะมาเป็นรัฐบาล หรือใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมหวังที่จะเห็นว่าการให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกหลานของเราในเรื่องของการศึกษา ยังจะต้องทำต่อไป ทำอย่างไรจะให้ลูกหลานของเรามีโอกาสเรียนสูงๆ และได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ เป็นหลักประกันในเรื่องของการมีรายได้ มีอาชีพ และมีชีวิตที่ดีต่อไป

ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ผมก็ยังอยากจะเห็นว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรนั้นมีความแน่นอน มีหลักประกันความมั่นคงมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการคงระบบประกันต่างๆ เอาไว้ ก็ยังต้องมีการเพิ่มในเรื่องของค่าตอบแทน กำไร หรือรายได้ของพี่น้องเกษตรกรให้ลืมตาอ้าปาก พ้นจากความเป็นหนี้เป็นสิน สามารถที่จะมีเงินออม และมีความมั่นคงในชีวิตได้ต่อไป

และไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ผมหวังที่จะเห็นการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เพื่อให้ภัยคุกคามภัยนี้มันพ้นออกไปจากสังคมไทยของเรา และทำให้ลูกหลานของเรานั้นอยู่ในสังคมที่มีความปลอดภัย

แต่นอกเหนือจากทิศทางในเชิงนโยบายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านั้น ก็คือหลักการในการบริหารบ้านเมือง ผมคิดว่าเราควรจะเห็นตรงกันว่าจากวันนี้ไป การเมืองการปกครองของไทยนั้นต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ไม่เดินออกนอกเส้นทาง ไม่เดินออกนอกรัฐธรรมนูญ ไม่เดินออกนอกกฎหมาย

ผมคิดว่าเราควรจะเห็นร่วมกันครับว่า การเมืองในวันนี้ต้องเป็นการแข่งขันในทางความคิด ทางนโยบาย อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่การยุยงให้เกิดความขัดแย้งด้วยการปลุกระดมจนนำไปสู่เรื่องของความรุนแรงและความสูญเสีย ผมคิดว่าเราควรจะเห็นตรงกันครับว่า การสร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธาในรัฐบาล จะต้องเกิดจากการยึดมั่นในเรื่องของความโปร่งใส ไม่ใช่ปล่อยให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นมาทำลายศรัทธาของประชาชน และผมคิดว่าเราควรจะเห็นตรงกันครับว่า ใครก็ตามที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล มาบริหารประเทศ จะต้องยึดมั่นผลประโยชน์ของส่วนรวม และผลประโยชน์ของประเทศเท่านั้น ไม่ใช่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวตน ของพวกพ้อง ของพรรค

ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอบคุณรัฐมนตรี ขอบคุณข้าราชการทุกท่าน ที่ได้ทำหน้าที่ของตนในการทำงาน ทำให้รัฐบาลสามารถที่จะผลักดันงานหลายอย่างออกมาได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่นอกเหนือจากจะมอบความไว้วางใจผ่านสภาผู้แทนราษฎรให้ผมมาดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของตัวผม

ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ผมซาบซึ้งในกำลังใจ ความเข้าใจ และการสนับสนุนของพี่น้องประชาชน ในการทำงานของผม และทุกวันที่ผมตื่นขึ้นมา ผมตระหนักอยู่เสมอว่า ความไว้วางใจที่พี่น้องมอบให้นั้นเป็นสิ่งที่ผมต้องตอบแทนด้วยการทุ่มเททำงานเต็มความสามารถ ไม่มีสิทธิ์เหนื่อย ไม่มีสิทธิ์ท้อแท้ ไม่มีสิทธิ์ท้อถอย บางวันเป็นวันที่ผมทำงานแล้วมีความสำเร็จ ผลประโยชน์ต่างๆ ตกสู่พี่น้องประชาชน นั่นคือความภาคภูมิใจ นั่นคือความพึงพอใจของคนที่เป็นนักการเมืองอาชีพอย่างผม แต่อีกหลายวันผมทราบดีว่า งานของผมไม่ประสบความสำเร็จ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางวันก็ทำให้พี่น้องประชาชนหลายส่วนผิดหวัง

แต่ไม่ว่าจะเป็นวันที่พี่น้องประชาชนสมหวังหรือผิดหวังนั้น ขอให้มั่นใจได้ว่า ผมได้ทำเต็มความสามารถ เพื่อที่จะตอบแทนสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้มอบให้ผมตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา วันนี้หน้าที่ของผมกำลังสิ้นสุดลง แต่หน้าที่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น นั่นคือการตัดสินใจชี้ชะตา ทิศทาง และอนาคตของบ้านเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนเอง และแก้ไขปัญหาให้กับประเทศไทยที่เรารักทุกคน

พี่น้องครับ ผมมีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนในครั้งนี้ ขอขอบคุณครับ"
กำลังโหลดความคิดเห็น