"ปานเทพ" วิเคราะห์เกมเขมร หากศาลโลกคุ้มครองชั่วคราว มรดกโลกจะเดินหน้าอนุมัติแผนบริหารจัดการต่อไป ถ้าไม่อนุมัติ เท่ากับไทยถลำลึกรับอำนาจศาล ต้องไปศาลโลกตีความขยายคำพิพากษาเดิมปี 05 ว่าครอบคลุมพื้นที่ 4.6 ตร.กม.หรือไม่ ลั่นไม่มีพรรคการเมืองไหนแสดงท่าทีรักษาอธิปไตย หนทางรอดต้อง "โหวตโน"ปฎิเสธนักการเมืองหรือปฏิรูปการเมือง และส่งสัญญาณไม่รับอำนาจศาลโลกด้วย
วันที่ 3 มิ.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วิเคราะห์ท่าทีและแนวทางการเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีของไทย กับ รัฐมนตรีกัมพูชา ว่า คำสัมภาษณ์ทั้งสองน่าสนใจมาก นายกษิต ภิรมย์ ให้สัมภาษณ์ต่อนักข่าวถึงกรณีการต่อสู้ที่ศาลโลกว่า ได้ชี้แจงข้อโต้แยงทุกประเด็นที่เขมรขอคุ้มครองชั่วคราว และหลังจากนี้เราจะส่งข้อเท็จจริงหลักฐานการปะทะทั้งหมดให้กับศาลโลก ตรงนี้มีปัญหาที่น่าวิเคราะห์ เมื่อฝ่ายไทยชี้แจงข้อเท็จจริงครั้งแรกแล้ว ภายในวันที่ 14 มิ.ย. เราจะส่งข้อโต้แย้งอีกครั้ง แล้วอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ศาลจะพิจารณาคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว หลังจากนั้นจากจะพิจารณาคำร้องที่เขมรขอตีความขยายคำพิพากษาศาลเดิมเมื่อปี 2505 ซึ่งคาดจะพิจารณากันเดือนกันยายน ต่อด้วยการชี้แจงเอกสารคาดศาลจะใช้เวลาอีกประมาณ 4-5 เดือน ตอนนั้นไม่รู้ ว่า นายกษิต จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอยู่หรือไม่
“พวกเราพูดถึงความแตกต่างในการต่อสู้ดคี มี 3 ประเด็นที่ไม่เหมือนกัน 1.ไทยไม่ยืนยันเส้นเขตแดนของตัวเอง ขณะที่ภาคประชาชนบอกต้องยืนยันเส้นเขตแดน 2.ก.ต่างไม่ใช้ข้อสงงนว่าเราโต้เย้งคัดค้านคำพิพาากษา ไม่ต่ออนุปติญญาคำพิพากษาศาลโลก 2505 3.ไม่ปฎิเสธอำนาจศาลโลก แค่คัดค้านว่าศาลโลกไม่มีอำนาจ”
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า นายกษิต บอก “ผลคำพิพากษาจะเป็นอย่างไรไม่สามารถตอบได้ แต่ไมว่าผลจะเป็นอย่างไร เราในภานะภาคีสมาชิกต้องปฎิบัติตาม เพราะหากไม่ทำเรื่องจะเข้าสู่เวทีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” สะท้อนถึงความไม่มั่นใจ มีความเสี่ยง คือ เสี่ยงเสียแผ่นดินเท่าที่เสียอยู่ขณะนี้หรือจะเสียหนักกว่าเดิม ขณะที่นาย ฮอนัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ซึ่งปกติมีนิสัยแข็งกราว ให้สัมภาษณ์ “มีความเป็นไปได้ฝ่ายไทยจะชนะในการต่อสู้ที่ศาลโลก แต่ไม่ขอออกความเห็น คาดศาลน่าจะตัดสินคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในอีก 40-45 วันข้าหน้าง อย่างไรก็ดีแม้ศาลโลกยกคำร้องขอในครั้งนี้ เขมรก็ไม่เสียหายอะไร เพราะศาลโลกเคยตัดสินยกเขาวิหารให้เป็นของกัมพูชาแล้ว รวมถึงขึ้นทะเบียนเขาวิหารแล้วด้วย เพียงแต่ไทยต่อสู้ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ไม่สะเทือนต่อตัวปราสาทที่ได้มาแล้ว” เมื่อเราเห็นคำสัมภาษณ์อย่างนี้ อาจทำให้คนไทยหลายคนยิ่งมั่นใจ ชนะคำขอมาตรการขอคุ้มครองชั่วคราวแน่ ก็จะมีคนถามต่อไปว่า เมื่อเป็นข่าวดีอย่างนี้แล้วพันธมิตรฯ จะมาปะท้วงอยู่ทำไม นั้น
ก่อนอื่นชี้แจงก่อนว่า คดีนี้เป็นกรณีเขมรร้องขอให้ศาลขยายความตีความตามคำสั่งศาลเดิม ว่า คำสั่งดังกล่าวรวมถึงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรตามแผนที่ 1:200000 ด้วย เมื่อมีการปะทะกันเขมรจึงขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว กล่าวคือไล่ทหารไทยออกจากบริเวณโดยรอบเขาวิหาร ซึ่งการขอแบบนี้นักกฎหมายส่วนใหญ่เห็นว่า ไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย เข้าทำนองเหมือนจะบอกว่าศาลมีอำนาจออกมาตรการชั่วคราว อย่างไรก็ดีถ้าไม่มีการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาผสม เมื่อดูตามหลักฐานสำนวนการโต้แย้งระหว่างไทย-เขมร น่าจะเป็นเหตุผลพอให้ศาลโลกไม่ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้เขมร แต่ด้วยเป็นเกมการเมืองระหว่างประเทศ เหมือนเช่นช่วงศาลโลกพิจารณายกตัวปราสาทเขาวิหารให้เขมรเมื่อปี 2505 ในตอนนั้นเรามั่นใจมากชนะแน่ๆ มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นของไทย ทั้ง สนธิสัญญาระบุให้ใช้สันปันน้ำ แผนที่1:200000ฝรั่งเศสทำขึ้นฝ่ายเดียว และมีการเดินสำรวจกันแล้วพื้นที่เขาวิหารมีแนวหน้าผาสามารถยึดเป็นหลักสันปันน้ำตามหลักสากลได้อย่างชัดเจน ก็ยังแพ้ ศาลโลกยังใช้กฎหมายปิดปากซึ่งเป็นกฎหมายที่ห่วยที่สุดมาเล่นงานไทยได้ ดังนั้นต่อให้เรามันใจแค่ไหนก็ไม่มีหลักประกันจะชนะ เพราะเป็นเกมการเมืองระหว่างประเทศ
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า อยากไห้พี่น้องวิเคราะห์ตาม หากศาลออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้เขมร ศาลจะสั่งให้ทหารไทยถอยออกจากพื้นที่เขาวิหาร ห้ามใช้กำลังผลักดันเขมร เท่ากับไทยต้องถอยออกจากแผ่นดินไทย ซึ่งมีแต่เสีย เสียในขั้นแรกและอาจเสียในครั้งต่อๆไป ทั้งนี้ในวันนั้น รัฐบาลอาจออกมาอ้างว่า สู้ตามเหตุผลของพันธมิตรฯหมดแล้ว แท้ที่จริงพื้นที่รอบเขาวิหารเป็นของเขมรศาลถึงได้ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้ เราถ่วงเวลาด้วยเอ็มโอยู43ทั้งที่ควรเสียไปตั้งแต่ปี 2505 แล้ว ทั้งที่เราบอกหลายครั้งอย่ายอมรับอำนาจศาลโลก ให้ยืนยันเส้นเขตแดนของตัวเองตามสนธิสัญญาคือใช้หลักสันปันน้ำ แต่ไทยละเว้นไม่พูดถึงในเวทีศาลโลก การไม่ปฎิเสธอำนาจศาลโลกเท่ากับเรากำลังถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ ผลที่จะเกิดต่อไป มรดกโลกจะเดินหน้าอนุมัติแผนบริหารจัดการทันที เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยไม่มีทหารไทยเหลืออยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีหากกระแสรณรงค์ไม่เลือกใคร ดังพอคนจะโหวตโนอย่างถล่มทลาย ถือเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าประชาชนโดยพลเมืองของราชอาณาจักรไทย ปฎิเสธการรับอำนาจศาลโลก มองไปแล้วไม่ว่าพรรคไหนเข้ามาเป็นรัฐบาลต่างไม่มีท่าทีจะรักษาอธิปไตยของชาติ จินตนาการต่อไป หากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล ตนเชื่อว่าเขาก็จะอ้างว่า เป็นพราะรัฐบาลที่แล้วไม่จัดการให้เด็ดขาด ทำให้เราในฐานะเป็นภาคีสมาชิกต้องปฎิบัติตาม แล้วเรื่องก็จะดำเนินต่อไปจนแพ้ต่อศาลโลกในที่สุด ถึงในตอนนั้น เราอาจให้ ทนายสุวัตร ทำเรื่องขอให้ศาลปกครองเพิกถอนการรับอำนาจศาลโลกทั้งหมด
นายปานเทพ กล่าวว่า หากศาลโลกไม่ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้เขมร ให้ทำนายไว้ล่วงหน้าได้เลย ประชาชนคนไทยจะแฮลั่น ด้วยหลงเข้าใจว่าเราจะชนะ บรรดาสื่อทั้งหมดก็จะมุ่งไปที่รัฐบาล รัฐบาลก็จะใช้ว่าทะช่วงชิงคะแนนโหวตโนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเพิ่มขึ้นแต่ก็แพ้พรรคเพื่อไทยอยู่ดี อย่างไรก็ดีมีประเด็นที่น่าสนใจ เมื่อเรารับมาตรการคุ้มครองแล้ว เท่ากับเรารับอำนาจในการพิจารณาคดี ทำให้เราต้องเดินขึ้นเวทีศาลโลกต่อไป แผนการครั้งนี้ไม่ต่างจากฝ่ายเขมรขุดบ่อล่อปลา ให้ไทยหลงเข้ามาเดินตามเกม เมื่อไทยหลงรับคำสั่งศาลโลกแล้ว ไทยจะต้องยอมรับ กรณีเขมรขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาเดิม2505 ว่าครอบคลุมถึงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรหรือไม่
“ ไม่ว่าศาลจะสั่งจะคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ เรามีแต่เสียเปรียบ ผมเชื่อเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เกมเขมรวางหมากให้เดิน ยังเป็นทฤษฏีสมรู้ร่วมคิด ส่งต่อถ่ายทอดอำนาจในผลประโยชน์ด้านพลังงาน ย้ำเรื่องนี้เราสามารถปฏิสธไม่รับอำนาจศาลโลกได้ หาเรารับอำนาจศาลเราจะถลำลึกหนักกว่าเดิม พวกเรามีเวลาอีกไม่มากในการปกป้องอธิปไตย โหวตโน ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ปฎิเสธนักการเมืองหรือปฏิรูปการเมือง แต่เรากำลังส่งสัญญาณไม่รับอำนาจศาลโลกด้วย”