โฆษกพันธมิตรฯ ถลกหนัง “มาร์ค” ล้มเหลวถกเลื่อนมรดกโลกไม่สำเร็จ เหตุยูเนสโกไม่เล่นด้วย จี้ รบ.เปิดเผยแนวทางต่อสู้ คำร้องเขมรยื่นศาลโลกตีความคำพิพากษาปราสาทพระวิหาร ย้ำ ปชช.ต้องร่วมโหวตโน สกัดแผนนิโรทษกรรม ช่วย “นช.แม้ว” กลับประเทศ ด้าน “ประพันธ์” จวกนักการเมืองมุ่งแสวงหาอำนาจ ไม่เสนอนโยบายแก้ปัญหาชาติ ย้ำ “โหวตโน” ถ่วงดุลนักการเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดการให้ข้อมูล และแนวทางการต่อสู้คดีในชั้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก ที่กัมพูชาได้ยื่นคำร้องให้ตีความคำพิพากษา กรณีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 อีกครั้ง รวมไปถึงกรณีที่กัมพูชายื่นคำร้องเพิ่มเติมให้มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ที่จะมีการพิจารณาในระหว่างวันที่ 30-31 พ.ค.นี้ เพราะถือเป็นความชอบธรรมของประชาชนที่จะรับรู้ถึงความเคลื่อนไหว เช่นเดียวกับที่รัฐบาลกัมพูชาไม่เคยปิดบังข้อมูลกับประชาชน
โฆษกพันธมิตรฯ ยังได้ด้วยว่าการที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้เจรจามรดกโลกฝ่ายไทย ยอมรับว่าการประชุมเจรจาทวิภาคีถึงปัญหามรดกโลก ระหว่างคณะผู้แทนไทยกับกัมพูชา ที่ประเทศฝรั่งเศส ยังไม่มีข้อยุติตามที่ไทยต้องการให้เลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารครั้งที่ 35 ที่ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 19-29 มิ.ย.นั้น ถือเป็นการประจานนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เคยอ้างว่าองค์การยูเนสโกเห็นด้วยกับการเลื่อนประชุมออกไป
นายปานเทพยังกล่าวถึงกระแสการออกกฎหมายนิรโทษกรรมภายหลังการเลือกตั้ง ว่า พรรคเพื่อไทยแสดงความปราถนาที่จะชนะเกมส์ในระบอบรัฐสภา เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนไม่ควรยอมจำนนและต้องสงวนสิทธิลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์เลือกใครหรือโหวตโน เพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนมีอำนาจในการต่อรองหากระบอบทักษิณฟื้นคืนชีพ
ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเสริมว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ละพรรคการเมืองให้ความสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลมากกว่าการประกาศนโยบายที่จะใช้แก้ปัญหาของบ้านเมือง แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการแสวงหาอำนาจมากกว่าเป็นห่วงความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน หรือแม้กระทั่งละเลยผลประโยชน์ของประเทศชาติ มุ่งแต่ผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ดังนั้นการร่วมกันโหวตโนจึงถือเป็นหลักประกันให้ประชาชนคัดค้านการกระทำของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่จะไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ และยังเป็นการถ่วงดุลอำนาจฝ่ายการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย