xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ลั่นไทยเสียทีเขมรเมื่อไร ปชป.เตรียมสูญพันธุ์ได้เลย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
“ปานเทพ” เตือนยอมให้ประเทศที่ 3 เข้ามาดูต้นทางขณะที่ยังไม่ไล่เขมรไปอยู่ขอบหน้าผา อันตรายอย่างยิ่งต่อการเสียแผ่นดิน ชี้ยอมเขมรปักธงยูเนสโก ธงห้ามใครทำอันตรายปราสาทเขาวิหาร ไทยจะถลำลึกในเวทีมรดกโลกอย่างไม่สิ้นสุด เหน็บเลี่ยงใช้ “ดร. สมปอง” ไปเป็นทนายฝรั่งเศส พยายามทำแผ่นดินไทยให้เป็นของเขมร เพื่อกลบความผิดโดยอาศัยคำพิพากษาศาลโลกหรือไม่


วันที่ 23 พ.ค. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ตามโพลเวลาพูดถึง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะพบคะแนนของพรรครักประเทศไทยของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เหนือว่าพรรครักษ์สันติ พรรคการเมืองใหม่ พรรคมาตุภูมิ อย่างไรก็ดี คนที่จะไปเลือกนายชูวิทย์ที่เสนอตัวขอเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบตนก็ไม่ว่าอะไร แต่อยากตั้งคำถามว่า ลำพังนายชูวิทย์จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือไม่ จะโค่นรัฐบาล ปฏิรูปรัฐบาลได้หรือไม่ เป็นฝ่ายค้านก็มีแต่จะไปจำนนต่อระบบรัฐสภา เวลานี้ทุกฝ่ายไม่ว่ารัฐบาล ฝ่ายค้าน ทหาร ตุลาการ ยอมรับสภาพต่างทิ้งปัญหาเดินหน้าเลือกตั้ง เราคือหลักประกันชั้นสุดท้าย เมื่อถึงวันเลือกตั้งหากเรายังเลือกคนที่เกิดจากระบบการเมืองเก่าอีก เราจะหมดโอกาสไม่มีทางค้านอำนาจรัฐบาล ด้วยการสู้นอกสภาได้ ประเทศนี้ก็ต้องจำนนยกให้ระบอบทักษิณไป

นายปานเทพกล่าวถึงปัญหาเขตแดนไทยกัมพูชาว่า มี 3 เรื่องที่น่าสนใจเชื่อมโยงกันอยู่ 1.ผู้สังเกตการณ์จากประเทศอินโดนีเซีย ทั้งนี้ตั้งแต่ไทยไปตกลงกับกัมพูชา ถ้าไม่มีนักข่าวเว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟคอยบอกว่าเขมรแถลงอะไรบ้าง ไม่มีทางที่คนไทยจะรู้ข่าวความคืบหน้าเลยว่าจะมีอินโดนีเซียเข้ามาในพื้นที่เพื่อดูต้นทาง จะเข้ามาสังเกตการณ์อย่างไร อย่างไรก็ดี เมื่อประชาชนจับได้ไล่ทันในที่สุดรัฐบาล ก็ยอมรับว่ามีคนเข้ามาดูต้นทางแต่บอกไม่ได้ว่าเป็นทหารหรือใคร พร้อมกับแถเขาจะไม่เข้าไนพื้นที่ 4.6 ไม่ขึ้นไปเขาวิหาร ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม

เมื่อมีประเทศที่ 3 เข้ามา แน่นอนเขาไม่ได้มาเที่ยวเล่นแน่ การเข้ามามีวัตถุประสงค์ชัดเจนไม่ให้ทหารไทย-เขมรปะทะกัน หรือไม่ให้ทหารไทยผลักดันเขมรตลอดชีวิต ต่อให้เขาไม่ต้องอยู่บนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร แค่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงแล้วคอยสังเกตว่าใครยิงก่อนยิงหลังเราก็แพ้แล้ว ดังนั้น การเชิญเขาเข้ามาดู เขาจะเห็นสภาพในครั้งนี้พร้อมถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอไว้เป็นหลักฐานว่า ทหารไทย-ทหารชุมชนเขมรอยู่ตรงไหน เมื่อใดก็ตามหากทหารไทยผลักดันชาวเขมรออกเมื่อไร เท่ากับไทยใช้กำลังปะทะเขมร

ดังนั้น ถ้าหากเราผลักดันเขมรออกไปอยู่ขอบหน้าผาเสียก่อน แล้วเชิญอินโดนีเซียเข้ามาดูที่อยู่อาศัยหรือจะเขามาถ่ายภาพบันทึกวีดีโอ หลักฐานทั้งหมดจะเป็นข้อยืนยันของจุดเริ่มต้นในการไม่ปะทะกัน ฉะนั้น การมีผู้เข้ามาสังเกตการณ์ล่วงหน้าในยามที่เขมรยังรุกพื้นที่ไทยอยู่เช่นนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถยอมรับได้ เพราะเป็นอันตรายต่อการเสียแผ่นดิน ขอย้ำเราต้องผลักดันเขมรออกไปก่อน จากนั้นจะเชิญอินโดเข้ามาทำอะไรก็ตามสบาย

นายปานเทพกล่าวต่อว่า การมีชาติที่สามเข้ามาในลักษณะยอมอาเซียนเช่นนี้ ถือว่ามีชาติที่สามเข้ามาเกียวข้อง และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต เมื่อไม่มีกรอบเจรจาย่อมขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรค 3 และการไม่ฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนก็ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190วรรค3 นอกจากนี้ยังไม่มีข้อความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนลงนามตกลง ในสิ่งที่มีผลกระทบต่อเขตแดนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 ดังนั้น การแอบไปตกลงกันจึงผิดกฎหมายทั้งสิ้น

“อยากเรียน ผบ.ทบ และแม่ทัพภาค 2 ว่า ท่านไม่มีสิทธิ์อ้างเอ็มโอยู 43 ให้ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เพราะเอ็มโอยู 43 มีข้อกำหนดห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม รัฐบาลหากเชื่อในเอ็มโอยู 43 จะยึดใช้ก็ว่าไป แต่ทหารไทยในยามที่เขมรละเมิดเอ็มโอยู 43 ทหารไทยมีหน้าที่อย่างเดียวคือผลักดันเขมรออกไป จะอ้างสันติวิธีตามรัฐบาลไม่ได้ เพราะการอ้างเช่นนี้เท่ากับละเว้นปฎิบัติหน้าที่”

นายปานเทพกล่าวว่า 2.เรื่องมรดกโลก เขมรยื่นต่อศาลโลกแล้วว่าไทยทำให้มรดกโลกอันตราย ขณะนี้เขมรปักธงรอบปราสาท มีธงยูเนสโกติด ธงห้ามใครทำอันตรายปราสาท เพื่อต้องการเงินสนับสนุนตอกย้ำว่ายูเนสโกก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ซึ่งทหารไทยก็ยอมให้เขมรติดธง เมื่อเป็นเช่นนี้ ตราบใดที่เรายังไม่ถอนตัวจากมรดกโลก เราจะถลำดำดิ่งลึกลงไปในเวทีมรดกโลกเรื่อยๆ

ขณะนี้เขมรมุ่งเดินแผนเดียว คือ ให้ยูเนสโกมาจ่ายเงินและอนุมัติแผนบริหารจัดการต่อไป เขมรพยายามทำให้พื้นที่รอบเขาวิหารเป็นพื้นที่สันติภาพถาวร เมื่อฝ่ายไทยเลิกผลักดัน การท่องเที่ยวช่องสะงำเปิด เท่ากับเริ่มเป็นพื้นที่สันติภาพ คณะกรรมการมรดกโลก จะเข้าใจว่าไม่มีการปะทะ จะมีชาติที่สามเข้ามาสังเกตการณ์แล้ว ดังนั้นไม่ใช่มรดกโลกอันตราย แล้วต่อไปเขาจะเดินหน้าอนุมัติแผนบริหารจัดการให้กัมพูชา

“ประชุมมรดกโลกจะพิจารณาในวันที่ 26-29 มิ.ย. เป็นตัวเดิมพันสูงสุดว่าประชาธิปัตย์ จะอยู่หรือจะสูญพันธุ์ หากรัฐบาลปกป้องอธิปไตยไม่ได้ หรือ เลื่อนแผนออกไป ก็ต้องโดนโหวตโนเช่นเดียวกันเพราะแก้ปัญหาไม่ได้ วันนั้น ทุกสื่อจะตีแผ่ ผู้คนจะให้ความสนใจ กระแสโหวตโน จะยิ่งใหญ่ดั่งคลื่นสึนามิ”

นายปานเทพกล่าวต่อว่า 3.ศาลโลก เขมรร้องให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาเดิม กับ มาตรการคุ้มครองชั่วคราว ทั้งนี้ เมื่อได้ฟังคำสัมภาษณ์ ของนายอภิสิทธิ์ แล้วตนไม่สบายใจ กับคำพูดที่ว่า “มีหลักฐานใหม่แล้วที่จะไปสู้ในศาลโลก เพียงแต่ยังไม่เปิดเผยในตอนนี้” ประกอบกับรัฐบาลไม่แดงท่าทีปฎิเสธยอมรับคำสั่งศาลโลก ยังใช้ทนายฝรั่งเศส ซึ่งเคยเป็นคู่กรณีกับไทยโดยที่เขมรเป็นผู้สืบสิทธิ ด้วยเหตุนี้ ทำให้ประชาชนมีสิทธิสงสัยได้ว่า รัฐบาลพยายามกลบเกลื่อนความผิดตัวเอง ด้วยการทำแผ่นดินไทยให้เป็นของเขมร โดยผ่านการประทับตราคำพิพากษาศาลโลกหรือไม่

“แปลกใจเรามี ดร.สมปอง สุจริตกุล ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลก แต่เรากลับใช้ทนายจากสันชาติฝรั่งเศส หากรัฐบาลสมรู้ร่วมคิดขายชาติยกแผ่นดินไทยให้เขมร อย่าว่าแต่กลับมาเป็นรัฐบาลเลย ตนว่าแม้แต่แผ่นดินไทยก็ไม่ควรอยู่”




กำลังโหลดความคิดเห็น