โฆษกพันธมิตรฯ ซัดเขมรจะใช้แผ่นดินไทยรบทหารสยามทำร้ายราษฎร หวังดึงเข้าเวทียูเอ็นเอชซีอาร์ จัดฉากให้ต่างชาติจุ้นชัด ชี้ถ้ายังเดินตามก้นเขมรจะถูกรุกฆาตแน่ ชู 3 เงื่อนไข ไล่แขมร์พ้นพื้นที่ แจงเพื่อนบ้านละเมิดเอ็มโอยู ก่อนยกเลิก “จำลอง” งงรัฐยอมได้ยังไงให้ทหารพระยาละแวกยึดยอดเขา แนะกดดันปิดด่าน ตัดไฟฟ้า พลังงาน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (24 เม.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 หลังมีการปะทะที่บริเวณปราสาทตาควายเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าทางกัมพูชามีเจตนาอย่างชัดเจนที่จะใช้ผืนแผ่นดินไทยเป็นฐานที่มั่นในการประจันหน้าเพื่อปะทะกับทหารไทย และทำร้ายราษฎรไทย จากเดิมที่อยู่ตีนหน้าผาฝั่งกัมพูชาซึ่งไม่มีศักยภาพในการต่อสู้กับฝ่ายไทย แต่ปัจจุบันได้ส่งกำลังขึ้นมาอยู่ยอดหน้าผาในฝั่งไทย โดยหวังว่าการปะทะนี้จะนำไปสู่เวทีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) หรือเวทีอาเซียน ซึ่งทางกัมพูชาได้เตรียมเอกสารไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงเป็นการวางแผนและจัดฉากเพื่อให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซงอย่างชัดเจน เพื่อให้ยูเอ็นเอสซีและอาเซียนเข้ามาดำเนินการให้เกิดการหยุดยิงถาวร โดยที่กัมพูชายังยึดครองแผ่นดินไทยอยู่
“ดังนั้น หากไทยยังดำเนินเกมตามกัมพูชาอยู่ จะตกอยู่ในสภาพถูกรุกฆาตที่ไม่ว่าจะขยับทางไหนก็ต้องถูกกินเหมือนกัน คือถ้าไม่ผลักดันกัมพูชาออกไปก็ต้องปล่อยให้ถูกยึดครองดินแดนอย่างไม่มีกำหนดระยะเวลา หรือถ้าใช้กำลังปะทะก็ต้องตกหลุมพรางของกัมพูชาที่พยายามให้มีการส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาเพื่อให้หยุดิงถาวร” นายปานเทพกล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ด้วยสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ฝ่ายไทยมีทางเลือกที่จะรักษาอธิปไตยของชาติ และสามารถที่จะเดินหน้าเอาชนะเกมการเมืองระหว่างประเทศด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1.ทหารไทยต้องใช้กำลังผลักดันกัมพูชาออกจากไปแผ่นดินไทย โดยเฉพาะในจุดที่ล่อแหลมที่สามารถโจมตีทหารและทำร้ายราษฎรไทยได้ เช่น ภูมะเขือ บริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร และปราสาทตาควาย เป็นต้น และให้ทหารกัมพูชากลับไปอยู่ในพื้นที่เคยอยู่คือ บริเวณตีนเขาซึ่งเป็นอาณาเขตของกัมพูชา ที่ไม่สามารถทำร้ายราษฎรไทยได้ 2.หากกัมพูชาไปร้องเรียนกับยูเอ็นเอสซี ฝ่ายไทยต้องเตรียมข้อมูลชี้แจงว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้น โดยใช้แผ่นดินไทยในการสร้างสถานการณ์ พร้อมกับนำเสนอเอกสารย้อนหลังว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดเอ็มโอยู 2543 ในการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ซึ่งผิดเงื่อนไขเอ็มโอยู 2543 ข้อที่ 5 ถึง 125 ครั้ง ดังนั้น ไทยขอสงวนสิทธิในการผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย เนื่องจากมีการละเมิดข้อตกลง และ 3.เมื่อกัมพูชาไม่เคารพเงื่อนไข ดังนั้นไทยจึงมีสิทธิ์ในการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เมื่อทำทั้ง 3 ข้อแล้วหากต้องการให้เกิดการหยุดยิงถาวร หรือส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาในพื้นที่ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น
“หลักการสำคัญ คือ การผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทยก่อนเพื่อคลี่คลายปัญหา มิฉะนั้นไทยจะถูกรุกฆาตในเกมการเมืองระหว่างประเทศโดยฝ่ายกัมพูชาได้” นายปานเทพกล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ให้สัมภาษณ์
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวเพิ่มเติมว่า การปะทะที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ทราบว่ารัฐบาลยอมได้อย่างไรที่ให้ฝ่ายกัมพูชาที่อยู่บริเวณเชิงหน้าผา ขึ้นมาอยู่บนยอดเขา เพราะในทางทหารถือเป็นจุดสูงข่มที่ได้เปรียบอย่างยิ่งในการสู้รบ สามารถโจมตีจากที่สูงได้ ทำให้กัมพูชาสามารถสร้างความเสียหายให้กับเราได้มาก เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงเสนอว่าอย่างน้อยที่สุดต้องให้มีการผลักดันออกจากบริเวณที่สูงข่มดังกล่าวก่อนเป็นขั้นแรก แล้วจึงมีมาตรการต่อไปในการให้กัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย ซึ่งนอกจากมาตรการทางทหารแล้ว รัฐบาลควรใช้มาตรการอื่นกดดันทางกัมพูชาด้วย ทั้งการปิดด่านชายแดนตลอดแนว หรือการตัดการส่งกระแสไฟฟ้า และพลังงาน โดยยื่นคำขาดให้นายฮุน เซน นายกฯกัมพูชา ซึ่งหากรัฐบาลยังไม่ดำเนินการใดๆ ปัญหาจึงเกิดอย่างต่อเนื่อง และการปะทะจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น
“ทางที่ดีรัฐบาลต้องมาตรการอื่นควบคู่ไปกับมาตรการทางการทหาร ซึ่งในความเป็นจริงทหารสามารถใช้มาตรการตอยได้เลย ไม่จำเป็นต้องฟังรัฐบาล ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงว่าจะตัดสินใจอย่างไร ที่แล้วมากลับทำตัวเอาหูไปนาเอานาไปไร่ ทั้งที่นายฮุนเซนพยายามรุกรานไทยมาโดยตลอด แต่รัฐบาลไทยไม่เอาจริงเอาจัง” พล.ต.จำลอง กล่าว
